พิษสุนัขบ้า
โรคร้าย รักษาไม่หาย ตายลูกเดียว |
พิษสุนัขบ้า
เป็นโรคติดต่อร้ายแรง
ที่เกิดจากเชื้อไวรัสพิษสุนัขบ้า
ติดต่อได้โดยการได้รับสารน้ำหรือสิ่งคัดหลั่งจากสิ่งมีชีวิตที่ติดเชื้อนี้
เข้าสู่ทางบาดแผล
เมื่อเชื้อเข้าสู่เส้นประสาท
หรือเนื้อเยื่อของระบบประสาท
จะแบ่งตัวและเดินทางเข้าสู่สมอง
ทำให้เกิดสมองอักเสบชนิดรุนแรง
และเสียชีวิตในที่สุด
สิ่งมีชีวิตที่ติดเชื้อนี้ได้
มิใช่แต่สุนัขอย่างเดียว
หากแต่สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทุกชนิด
สามารถติดเชื้อนี้ได้ทั้งสิ้น
เช่น แมว, กระต่าย, กระรอก, หนู
เป็นต้น
แต่พบว่าสุนัขเป็นพาหะที่สำคัญที่สุด
เมื่อถูกสุนัข
หรือแมวกัด ทำอย่างไร |
เนื่องจากโรคพิษสุนัขบ้า
มีความรุนแรงมาก
เมื่อใดที่มีความเสี่ยงต่อการได้รับเชื้อดังกล่าว
ไม่ว่าทางใดก็ตาม
จำเป็นต้องได้รับวัคซีนทั้งสิ้น
ส่วนใหญ่ของการได้รับเชื้อ
มักเกิดจาก
สุนัขหรือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม
กัด ข่วน หรือทำให้เกิดแผล
ข้อแนะนำสำหรับผู้สัมผัสหรือมีโอกาสได้รับเชื้อ
- การปฐมพยาบาลเมื่อเกิดบาดแผลสุนัขกัด
มีความสำคัญมาก
เนื่องจากการทำความสะอาดแผล
สามารถลดปริมาณเชื้อไวรัสนี้
และช่วยป้องกันการติดเชื้อจากสิ่งสกปรกที่อาจเข้าไปในบาดแผล
รวมทั้ง บาดทะยักด้วย
วิธีที่แนะนำได้แก่
การล้างแผลด้วยน้ำสะอาด
หรือน้ำสบู่ แล้วเช็ดแผลด้วย
แอลกอฮอล์, สารละลายไอโอดีน
หรือทิงเจอร์ไอโอดีน ก็ได้
- ไปพบแพทย์เพื่อประเมินว่าควรได้รับการป้องกันพิษสุนัขบ้าโดยวิธีใด
รวมทั้งเพื่อรับวัคซีนป้องกันโรคบาดทะยักด้วย
- เฝ้าสังเกตอาการสุนัข
หรือแมว อย่างใกล้ชิด อย่างน้อย 10
วัน
หากสัตว์ถูกทำลายควรส่งหัวของสัตว์ดังกล่าวเพื่อชันสูตรด้วยเสมอ
แต่ถ้าไม่สามารถเฝ้าสังเกตอาการสัตว์
และส่งสัตว์เพื่อชันสูตรได้
ให้สันนิษฐานว่าสัตว์นั้น
มีเชื้อไวรัสพิษสุนัขบ้า เสมอ
เมื่อใด
จะต้องฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้า |
ในกรณีที่ได้รับการสัมผัสหรือถูกทำร้ายจากสัตว์ที่สงสัย
หรือไม่มีประวัติได้รับการฉีดวัคซีน
และยังไม่ได้รับการชันสูตรยืนยันว่าเป็นโรคพิษสุนัขบ้าหรือไม่
ควรปฏิบัติดังนี้
- ถ้าเพียงแต่ถูกสัตว์เลีย
ตามผิวหนังไม่มีบาดแผล
ไม่จำเป็นต้องให้การป้องกันใด ๆ
เพียงแต่ให้สังเกตอาการสัตว์อย่างน้อย
10 วัน
- ถ้าถูกสัตว์งับ
ข่วนเบา ๆ
บริเวณผิวหนังเกิดแผลถลอกไม่มีเลือดออก,
สัตว์เลียผิวหนังบริเวณแผล
จำเป็นต้องได้รับ วัคซีนทันที
และสามารถหยุดได้ถ้าสัตว์นั้นยังคงสุขภาพดีใน
10 วัน
หรือผลชันสูตรยืนยันว่าไม่มีโรคพิษสุนัขบ้า
- ถ้าถูกสัตว์กัด
ข่วน เป็นแผลลึก หรือ มีเลือดออก
หรือถูกน้ำลายสัตว์บริเวณเยื่อเมือก
เช่นถูกเลียบริเวณปาก
ให้ฉีดวัคซีน
และอิมมูโนโกลบูลิน ทันที
และหยุดให้วัคซีนได้
เมื่อสัตว์นั้นยังคงสุขภาพดีใน 10
วันหรือผลชันสูตรยืนยันว่าไม่มีโรคพิษสุนัขบ้า
วัคซีนพิษสุนัขบ้า
ต้องฉีดรอบสะดือ ฉีด 21 เข็มบ้าง 28
เข็มบ้าง ? |
เลิกใช้แล้วครับ
เนื่องจาก วัคซีนในสมัยก่อน
ทำจากสมองสัตว์ซึ่งมีประสิทธิภาพต่ำ
จึงจำเป็นต้องฉีดบริเวณใต้ผิวหนังรอบสะดือ
21 หรือ 28 เข็ม
แล้วแต่การเตรียมและคุณภาพ
แต่ปัจจุบัน
มีการพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้ามาอย่างต่อเนื่อง
จนได้วัคซีนที่มีคุณภาพดี
ประสิทธิภาพสูง และฉีดเพียง 5
เข็ม เข้ากล้ามบริเวณหัวไหล่
ตามคำแนะนำดังนี้คือ
วันที่ถูกสุนัขกัด, วันที่ 3,
วันที่ 7, วันที่ 14 และวันที่ 28
หลังจากถูกสุนัขกัด
วัคซีนในปัจจุบันที่มีใช้
ทำจากเซลล์เพาะเลี้ยง
หรือไข่ไก่/ไข่เป็ดฟัก
และถือเป็นมาตรฐานการรักษาในประเทศไทยในปัจจุบัน
จึงเลิกใช้วัคซีนจากสมองสัตว์แล้ว
สำหรับอิมมูโนโกลบูลินนั้น
จะได้รับการฉีดโดยแพทย์ ในขนาด 40
ยูนิต ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม
แบ่งฉีดรอบ ๆ แผลที่ถูกกัดทุกแผล
ส่วนที่เหลือให้ฉีดเข้ากล้ามทั้งหมด
(สำหรับกรณี
อิมมูโนโกลบูลินที่ทำจากมนุษย์นั้น
ใช้ขนาดน้อยลงครึ่งหนึ่ง
ฉีดวิธีเดียวกัน)
เด็ก
และสตรีมีครรภ์ จะฉีดได้หรือไม่
ต้องเปลี่ยนแปลงขนาดหรือเปล่า ? |
ฉีดได้ครับ เพราะวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าได้รับการศึกษาชัดเจนแล้วว่า
มีความปลอดภัย ในสตรีตั้งครรภ์
และเด็ก
ไม่มีผลทำให้เกิดความผิดปกติแต่อย่างใด
สำหรับขนาดการใช้วัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้านั้น
ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงขนาดในเด็กครับ
หวังว่าคงได้รับความกระจ่างในการรับวัคซีน
ป้องกันพิษสุนัขบ้า
ไม่มากก็น้อยครับ |