เทศกาลกินเจเดือนเก้า
(เก้าอ๊วงเจ)
ประเพณีการกินเจเดือนเก้า
หรือเทศกาลกินเจกำหนดเอาวันตามจันทรคติ
คือเริ่มต้นตั้งแต่วันขึ้น
1ค่ำ ถึง 9 ค่ำ
ตามปฏิทินจีนทุกๆ ปี รวม
9 วัน 9 คืน
ในพระพุทธศาสนาฝ่ามหายานมีอรรถาธิบายว่า
"
เป็นการประกอบพิธีกรรมเพื่อสักการะบูชาพระพุทธเจ้าในอดีตกาล
7 พระองค์
และพระมหาโพธิสัตว์อีก 2
พระองค์ รวมเป็น 9
พระองค์ด้วยกัน
หรืออีกนัยหนึ่งเรียกว่า
ดาวนพเคราะห์ทั้ง 9
อันมี พระอาทิตย์
พระจันทร์ ดาวพระอังคาร
ดาวพระพุธ
ดาวพระพฤหัสบดี
ดาวพระศุกร์ ดาวพระเสาร์
ดาวพระราหู ดาวพระเกตุ
"
ในพิธีกรรมสักการบูชาพระพุทธเจ้า
7
พระองค์และพระมหาโพธิสัตว์อีก
2 พระองค์นี้
สาธุชนในพระพุทธศาสนา
ต่างสละเวลาและกิจทางโลกมาบำเพ็ญศีล
ตั้งปณิธานกินเจ
บริโภคแต่อาหารผลไม้
งดเว้นอาหารเนื้อสดของคาวด้วยการสมาทานรักษาศีล
3 ข้อ กล่าวคือ :-
- 1
เว้นจากการเอาชีวิตของสัตว์
มาบำรุงชีวิตตน
2
เว้นจากการเอาชีวิตของสัตว์
มาเพิ่มเลือดตน
3
เว้นจากการเอาชีวิตของสัตว์
มาเพิ่มเนื้อตน
-
- เพื่อซักฟอกมลทินออกจากร่างกาย
วาจา ใจ
ต่างสวมเสื้อผ้าสีขาวสะอาดบริสุทธิ์
ปราศจากจุดด่างพร้อย
พากันเดินทางสู่วัดวาอารามพร้อมด้วยดอกไม้
ธูปเทียน
ไปนมัสการน้อมบูชาแด่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
และพระพุทธเจ้าทั้ง 7
พระองค์อีกทั้งพระมหาโพธิสัตว์
2 พระองค์
พร้อมจัดหาเครื่องกระดาษ
ทำเป็นรูปทรงเสื้อผ้า,
หมวก, รองเท้า,
กระดาษเงินกระดาษทองต่างๆ
ไปน้อมถวายเป็นเครื่องสักการะ
เป็นกุศลสมาทาน
(แต่ในอดีต
จะนำวัตถุสิ่งของ
เครื่องปัจจัย 4
ไปถวายนักบวช พระเณร
ผู้ทรงศีล และแจกทานด้วยเสื้อผ้าเงินทอง
ที่เป็นของจริงๆ
แก่คนทุกข์ คนยากจน)
ที่มาของเทศกาลกินเจ
- ในกาลครั้งหนึ่ง
สมเด็จพระบรมศาสดาทรงประทับอยู่
ณ สีวาลัยรัตนสถาน
มีบรรดาพระมหาโพธิสัตว์
ท้าวมหาพรหม,
ท้าวสักกะ, เทพเจ้า,
ยักษ์, นาค, คนธรรพ์,
กินนร ฯลฯ ได้พากันมาเฝ้าสมเด็จพระพุทธองค์
ในขณะนั้นมีพระมัญชุศรีมหาโพธิสัตว์ได้ทูลถามต่อพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า
-
- "
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
อันพระเทพสัตตเคราะห์ทั้ง
7 พระองค์
ได้มีกุศลสะสมมาอย่างไร
? กับปัจจัยเหตุอย่างไร
?
จึงได้เสวยทิพย์ผลอันรุ่งเรือง
พร้อมเพียบไปด้วยยศ
และอำนาจในเทวภพนี้
"
-
- สมเด็จพระบรมศาสดาจึงมีพระพุทธดำรัสตอบว่า
" ดูกรมัญชุศรี
อันดาวเทพสัตตเคราะห์
7 นั้น แท้จริงเป็นพระอวตารภาพแห่งอดีตพระพุทธเจ้า
7 พระองค์ ทรงแบ่งภาคมาแสดงให้ปรากฏกับพระมหาโพธิสัตว์อีก
2 พระองค์
ก็แบ่งภาคมาเป็นดาวพระราหูและดาวพระเกตุ
รวมเป็นดาวพระเคราะห์ทั้ง
9 ฉะนั้น
จึงสมบูรณ์ด้วยอลังการแห่งยศและอำนาจ
อันไม่มีปริมาณเห็นปานฉะนี้
"
- พระพุทธเจ้าทั้ง
7
และพระมหาโพธิสัตว์ทั้ง
2
ทรงตั้งพระปณิธานจักโปรดสัตว์โลก
จึงได้แบ่งพระภาคมาเป็นเพทยเจ้า
9 พระองค์
- เทพเจ้าทั้ง
9 พระองค์นี้
ทรงอำนาจตบะอันเรืองฤทธิ์บริหาร
ธาตุทั้ง 5 ในจักรวาล
ได้แก่ ธาตุดิน,
ธาตุน้ำ, ธาตุลม,
ธาตุไฟ และธาตุทอง
ทั่วทุกพิภพน้อยใหญ่
สารทิศ
จึงทรงแบ่งพระภาคต่อจากนี้
อีกวาระหนึ่งเป็นดาวนพเคราะห์
ดังที่กล่าวมาข้างต้น
-
เทพยเจ้าทั้งเก้าพระองค์ ทรงเครื่องทรงอย่างแบบพระมหากษัตริย์
ประชาชนจึงถวายพระนามว่า
เก้าอ๊วง หรือกิวอ๊วง
แปลว่า นพราชา (ตีความตามหลักนักโหราศาสตร์)
กำหนดเวลาทุกๆ
ปี ของขึ้น 1 ค่ำ ถึง 9 ค่ำ
เดือน 9 ตามจันทรคติ (ฝ่ายจีน)
เทพเจ้าประจำดาวนพเคราะห์
ต่างองค์ทรงผลัดเปลี่ยนกันลงมาตรวจโลกทั้งกลางวันและกลางคืน บุคคลใดมีความประพฤติตั้งอยู่ใน
กุศลธรรมวิถี (บุญ)
ก็จักทรงประทานพรอำนวยความสมบูรณ์พูนสุขให้
หากบุคคลใดมีความประพฤติในทางอกุศลกรรมวิถี
(บาป) ก็จักทรงลงโทษตามโทษานุโทษ
- เทพยเจ้าแห่งดาวนพเคราะห์ทรงคุณธรรมแก่โลกเป็นเอนกประการ
เฉพาะอย่างยิ่งคือ
ธาตุดิน, ธาตุน้ำ,
ธาตุลม, ธาตุไฟ
และธาตุทอง
ที่พระองค์ประทานไว้ให้แต่ละอย่างเป็นของจำเป็น
ประจำสังขารอันไม่มีจำกัดรวมทั้งมนุษย์สัตว์ทุกชนิด,
ต้นไม้ ฯลฯ
- มนุษย์
ถ้าหากไม่มีธาตุลม
ก็ถึงแก่ความตาย
มัจฉาชาติ
ถ้าหากไร้ธาตุน้ำเป็นที่อาศัยก็ต้องตาย
พฤกษชาติ
ถ้าหากหมดธาตุดินก็อับเฉากิ่งใบแห้งเหี่ยวตาย
สัตว์โลก
ถ้าหากสูญสิ้นธาตุไฟในร่างกายก็มีชีวิตอยู่ไม่ได้
เศรษฐกิจ
เป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งของมนุษย์ในปัจจุบัน
ถ้าขาดธาตุทองก็ไม่สามารถดำเนินกิจการได้
-
- ปวงสัตว์ทั้งโลกไม่เลือกว่าจะมาจาก
- 1 อุปปาติกกำเนิด
เกิดขึ้นเอง
- 2 ชลาพุชะกำเนิด
เกิดในครรภ์
3 อัณฑชะกำเนิด
เกิดเป็นฟองไข่แล้วจึงเกิดเป็นตัว
4 สังเสทชะกำเนิด
เกิดในไคล
ของชื้นหมักหมมเน่าเปื่อย
-
- รวมทั้ง
- อุปาทินนกสังขาร
สังขารที่มีใจครอง
อนุปาทินนกสังขาร
สังขารที่ไม่มีใจครองอุปปาติชาติกำเนิด
เกิดขึ้นเอง
- ก็ล้วนอยู่ภายใต้การดูแลของเทพเจ้าทั้ง
9 พระองค์ทั้งสิ้น
เทพยเจ้าทั้ง
9 พระองค์นี้
ทรงน้ำพระทัยเต็มเปี่ยมไปด้วยพระเมตตาคุณ
ทรงควบคุมดาวนพเคราะห์ให้เดินตามวิถีโคจรด้วยความบริบูรณ์
ทั้งทรงธรรมเนตรสอดส่องควบคุมทุกข์สุขของสัตว์โลกด้วย
- อันพิธีกรรมบูชาดาวนพเคราะห์นั้นนับว่ามีอานิสงส์มากมายทั้งเป็นกรรมคติ
และเกิดธรรมมิตรสู่บรรดาพุทธบริษัททั้งหลาย
ต่างคนต่างมีจิตเบิกบานผ่องแผ้ว
ถือศีลกินเจ
นุ่งขาวห่มขาว
อันเป็นปัจจัยเตือนตนเองให้สำนึกว่า
ตนเป็นคนบริสุทธิ์ขาวสะอาดทั้งกาย
วาจา ใจ
อยู่ในศีลธรรมและสามัคคีธรรม
พรั่งพร้อมอยู่แล้วที่จะให้อภัยอโหสิกรรมซึ่งกันและกัน
ร่วมกันน้อมนมัสการ
เทพยเจ้าทั้ง 9
พระองค์นี้
เป็นการแสดงความเคารพในพระเมตตากรุณาธิคุณและร่วมกันถวายเครื่องสักการะบูชา
น้อมขอพระมหากรุณาธิคุณได้โปรดประทานพระพรให้อยู่เย็นเป็นสุข
พิธีกรรมถือศีลกินเจ
ไม่เสพเนื้อสัตว์
และการบูชาดาวนพเคราะห์
ทำบุญแจกทานแก่คนยากจน
เป็นที่นิยมกันมาแต่โบราณกาล
เป็นพิธีที่ศักดิ์สิทธิ์
ได้แผ่เมตตากรุณาจิต
ช่วยปลดปล่อยชีวิตสัตว์ให้รอดตายได้จริงๆ
แม้เป็นระยะเวลาเพียง 9
วัน 9 คืน ก็นับว่าเป็นปฐมเหตุให้ดวงจิตได้รับเมล็ดพันธุ์แห่งมหาเมตตากรุณาธรรมบารมี
เพื่อสักวันหนึ่งในภายหน้า
ยังมีโอกาสเจริญงอกงามขึ้นจนบรรลุมรรคผลในที่สุด
มีสาธุชนจำนวนมากที่ได้รับอานิสงส์จากการถือศีลกินเจเพียง
9 วัน 9
คืนทั้งทางร่างกายและจิตใจ
สามารถสัมผัสรู้ได้ด้วยตนเอง
จึงถือเอาโอกาสอันดีนี้เป็นจุดเริ่มต้นตั้งปณิธานเลิกกินเนื้อสัตว์
ไม่เบียดเบียนผู้อื่นไปตลอดชีวิต