: E X E C U T E . N E U R O T I C :
Author
Z e r b i r u s
Cast
Richard Knight
RYUICHI
88430
SUGIZO
Dr. Sammaul Yawell Ph.D
SHINYA
Dr. Eric
INORAN
Jake Orland
J
" E-N E U R O T I C "

 

 

โรงพยาบาลจิตเวช

เรียน พัสดีเรือนจำ
เรื่อง ส่งตัวนักโทษประหาร

เนื่องด้วยครบเวลาตามที่คณะลูกขุนได้มีคำพิพากษาให้ นักโทษชายหมายเลขที่ 88430 เข้ามาทำการรักษาอาการทางประสาทนั้น ขณะนี้ตัวนักโทษชายหมายเลข 88430 ได้มีอาการดีขึ้นในระดับหนึ่ง พอที่จะนำตัวกลับไปยังเรือนจำเพื่อรอลงอาญาได้ตามที่ได้รับการพิพากษาแล้ว
จึงเรียนมาเพื่อโปรดส่งเจ้าหน้าที่มารับตัวนักโทษ ในวันที่ X เดือน X 19XX

ขอแสดงความนับถือ

Dr. Sammaul Yawell Ph.D

ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจิตเวช

 

วันที่ X เดือน X 19XX

ประตูเรือนจำเปิดออกเมื่อรถที่ออกไปรับตัวนักโทษกลับมา บรรดาผู้คุมในแดน E ต่างพากันเตรียมพร้อม นักโทษชายรายนี้มีประวัติก่อคดีสะเทือนขวัญมาแล้วและยังมีความพิการทางจิตจนถูกส่งตัวไปรับการรักษาในโรงพยาบาลจิตเวชเป็นเวลาถึง 6 เดือนเต็ม เนื่องจากก่อเหตุทำร้ายเจ้าหน้าที่ศาลในวันฟังผลพิจารณาคดี และต้องใช้ตำรวจเข้าควบคุมตัวในขณะที่กำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง

ร่างในชุดนักโทษที่ถูกห่อหุ้มด้วยชุดกันอาละวาดของคนไข้โรคจิตนั้น ถูกผู้คุมนำตัวลงมาจากรถ ใบหน้าที่อยู่ภายใต้เรือนผมสีแดงอันยุ่งเหยิงนั้นอยู่ในอาการเหม่อลอย
ดวงตาที่ลอยคว้างนั้นทำให้ผู้คุมหนุ่มจับตามองยามที่นักโทษชายรายนั้นโดนควบคุมตัวเข้ามายังแดน E
จนกระทั่งนักโทษชายคนนั้น ถูกควบคุมตัวผ่านหน้าเขาไป

"โดนอะไรมาถึงได้เป็นขนาดนั้น" ผู้คุมหนุ่ม Richard Knight เอ่ยถามเพื่อนผู้คุมด้วยกัน

"เห็นว่าโดนยาระงับประสาทมามากพอดู อาจจะเมายาอยู่มั้ง ไปเข้าไปข้างในกันเถอะ"


แดน E หรือแดนขังนักโทษก่อนเข้ารับการประหาร เป็นตึกที่ก่อด้วยอิฐมีกำแพงหนา
ภายในนอกจากห้องประหารนักโทษแล้วยังมีห้องเก็บศพ และห้องขังเดี่ยวไว้สำหรับลงโทษนักโทษที่ก่อความยุ่งยากขึ้นมา

ภายในแดน E นักโทษทุกคนจะถูกแยกขังห้องละคนเพื่อกันการก่อความไม่สงบ เพราะล้วนแต่เป็นนักโทษคดีอุกฉกรรจ์
และขณะนี้ นักโทษชายหมายเลข 88430 ถูกนำตัวมายังห้องขังห้องหนึ่ง ชุดที่พันธนาการถูกปลดออก ในขณะที่ผู้คุมอีกคนกำลังยืนคุมเชิงป้องกันเหตุร้าย

หลังจากที่นำนักโทษเข้าห้องขังแล้ว ประตูลูกกรงเหล็กก็เลื่อนปิดลง บรรดาผู้คุมต่างพากันกลับเข้าไปทำงานในหน้าที่ของตนตามจุดต่างๆ
และขณะที่ผู้คุมหนุ่มคนสุดท้ายกำลังจะเดินไปนั้นเอง ดวงตาที่เหม่อลอยของนักโทษชายคนนั้น กลับจ้องเขม็งมาที่เขา พร้อมกับรอยยิ้มประหลาด และเสียงหัวเราะในลำคอ
แต่เมื่อผู้คุมคนอื่นๆหันกลับมามอง ดวงตานั้นก็กลับลอยคว้าง ไม่รับรู้อะไรเช่นเดิม

บรรดาผู้คุมต่างกลับเข้าไปประจำหน้าที่ของตน บางคนที่ว่างก็เอาไพ่ออกมาเล่นกันฆ่าเวลา มีเพียงชายหนุ่มผมสีดำสนิทเท่านั้น ที่เป็นผู้คุมบรรจุใหม่ที่ยังคงเดินตรวจไปทั่วๆ

นักโทษที่ถูกคุมขังในแดนนี้ไม่ได้มากมายเท่าใดนัก เพราะว่าการลงโทษทำให้จำนวนนักโทษลดลงอยู่เรื่อยๆ นักโทษส่วนใหญ่ต่างพากันนอนหลับ เพราะใน แดน E ไม่มีสิ่งใดให้นักโทษทำได้นอกจากให้สำนึกกับการกระทำของตัวเอง

แต่พอเขาจะเดินผ่านห้องนักโทษหมายเลข 88430 เสียงที่ดังลอดออกมา ก็ทำให้อดที่จะมองเข้าไปไม่ได้

ภาพที่เห็นก็คือ นักโทษชายรายนั้นนั่งกอดเข่าตัวเองและโยกตัวช้าๆ และเสียงนั้นก็คือ เสียงฮัมเพลงกล่อมเด็กที่ดังออกมาจากชายผู้นั้นนั่นเอง และพอเขามองให้ชัดๆ ก็เห็นน้ำตาไหลออกจากดวงตาของอีกฝ่ายนึงนั้น

"นั่นทำอะไรอยู่น่ะ เป็นอะไรหรือเปล่า" Richard ถามขึ้น

แต่ไม่มีคำตอบจากนักโทษผู้นั้น เขาเพียงแต่โยกตัวไปเรื่อยๆ และฮัมเพลงกล่อมเด็ก ที่ดูราวกับจะกล่อมตัวเอง

ดวงตาสีดำสนิทของผู้คุมหนุ่มอดที่จะฉายแววสมเพทเวทนาออกมาไม่ได้ เขายักไหล่เล็กน้อยในเมื่อไม่ได้คำตอบ ก่อนจะเดินต่อไป โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่า ดวงตาที่ชุ่มน้ำตาของคนที่เขาเพิ่งยืนมองอยู่เมื่อครู่ จ้องมองตามหลังไป พร้อมเสียงฮัมเพลง


ในแดน E นักโทษจะได้รับแจกอาหารสองมื้อเท่านั้น คือ สาย กับ เย็น และวันนี้ก็เช่นกันขณะที่คนงานนำถาดอาหารมื้อที่ 2 สอดส่งให้นักโทษจากทางด้านใต้ของประตูกรงเหล็ก และเก็บถาดอาหารมื้อแรกไปนั้น ผู้คุมที่มีหน้าที่ตรวจเวรก็เดินคอยควบคุมสถานการณ์อยู่ใกล้ๆ

จนมาถึงห้องขังของนักโทษหมายเลข 88430 ถาดอาหารของมื้อสาย ยังไม่มีรอยแตะต้อง นักโทษชายรายนั้น นั่งกอดเข่าพิงกำแพงอยู่บนเตียง ดวงตานั้นก็ยังเหม่อลอยอยู่เช่นเดิม

"เฮ้! ไม่หิวหรือไง" เสียงผู้คุมเวรที่เดินตรวจตะโกนถาม แต่นักโทษชายรายนั้นก็ไม่มีทีท่าว่าจะรับรู้อะไร คนงานก็เลยเปลี่ยนถาดอาหารให้ โดยเก็บถาดอาหารที่ยังมีอาหารเต็มนั้น ออกมา


เวลากลางคืนมาถึงแล้ว แต่ในแดน E ไม่มีใครรู้ว่าตอนนี้เป็นเวลาอะไรเนื่องจากสภาพอาคารที่ปิดทึบ
สิ่งที่พอจะให้นักโทษรู้ก็คือ เวลาอาหาร และเวลาเปลี่ยนเวรของผู้คุม ซึ่งตอนนี้ Richard ได้มาเปลี่ยนเวรกับผู้คุมที่คุมตอนกลางวันแล้ว เขาออกเดินตรวจนักโทษพร้อมๆ กับคนงานที่มาเก็บถาดอาหาร จนถึงห้องขังของนักโทษชายผู้นั้น

"หัวหน้า รายนี้ไม่กินข้าวอีกแล้ว" คนงานดึงถาดที่ยังมีอาหารเต็มไม่ถูกแตะต้องออกมา

"มื้อก่อนก็ไม่กินหรือ" Richard ถาม

คนงานพยักหน้าก่อนจะเก็บถาดอาหารออกไป ปล่อยให้ผู้คุมหนุ่มยืนมองเข้าไปภายในนั้น
นักโทษชายผู้นั้น ยังนั่งกอดเข่าพิงกำแพงนิ่งอยู่ สักพัก และแล้วเขาก็เริ่มโยกตัวช้าๆ และฮัมเพลงกล่อมเด็กเหมือนคืนแรกที่มาถึงที่นี่

"นี่ ทำไมไม่กินข้าวล่ะ" Richard ถามขึ้น

นักโทษผู้นั้นก็ยังนั่งโยกตัวไปเรื่อยๆ โดยไม่มีทีท่าว่าจะสนใจเขาเลยแม้แต่น้อย
จนทำให้ Richard ไม่รู้จะทำอย่างไรนอกจากปล่อยไว้อย่างนั้น ชายหนุ่มเดินกลับมาพร้อมกับครุ่นคิดว่า นี่เหรอ ที่บอกว่าอาการดีขึ้นจนส่งตัวมาคุมขังได้ แต่ทำไมถึงเลื่อนลอยอย่างนี้ หรือเพราะเมายา ก็น่าจะหายเมาได้แล้ว

Richard ยักไหล่อีกครั้ง คิดไปก็เท่านั้น ไงก็เป็นแค่นักโทษ ไม่จำเป็นต้องสนใจ

แต่กลางดึกคืนนั้นก็เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้เขาต้องสนใจนักโทษรายนั้น เพราะขณะที่เขาเดินตรวจรอบดึกนั้น เขาก็เห็นนักโทษผู้นั้น นอนงอตัวอยู่กลางห้องขัง

"เฮ้ เป็นอะไรหรือเปล่า เฮ้" Richard ร้องเรียกจากนอกห้องขัง แต่ก็ไม่มีเสียงตอบ และดูเหมือนจะได้ยินเสียงคราง

ผู้คุมหนุ่มหันไปเรียกผู้คุมเวรอีก 2 คนทันที "มาดูนี่หน่อย ไม่รู้เป็นอะไรไป"

Richard ไขประตูห้องขังนักโทษชายหมายเลข 88430 เข้าไป โดยที่มีผู้คุมอีก 2 คน ยืนระวังเหตุอยู่ภายนอก ร่างของนักโทษชายรายนี้เมื่อเข้ามาในระยะใกล้ ผู้คุมหนุ่มก็เห็นว่ามันกำลังสั่นระริก และเริ่มสั่นรุนแรงขึ้น

"เฮ้ย!! หมอนี่กำลังจะชัก" Richard ร้อง ก่อนจะดึงผ้าเช็ดหน้าออกมาแล้วพันเป็นก้อน และพยายามงัดปากที่ขบกันแน่นนั้นให้อ้าออก แล้วยัดเข้าไป เพื่อป้องกันการกัดลิ้น

ผู้คุมอีกคนรีบโทรศัพท์ไปตามแพทย์เวรที่ประจำเรือนจำมาโดยด่วน หลังจากที่ฉีดยาระงับอาการแล้ว นักโทษผู้นั้นนอนเหยียดยาวอยู่บนเตียง โดยมี ผู้คุมหนุ่มยืนมองอยู่ข้างๆ ขณะที่แพทย์เวรกำลังเก็บข้าวของ

"หมอครับ เขาเมายาหรือเปล่า" ชายหนุ่มถาม

"ไม่ใช่ แต่ดูจากที่คุณเล่าแล้ว ท่าทางเขาจะยังมีอาการทางจิต และทำให้เกิดโรคลมชักขึ้นมาได้ ก็ต้องระวังกันหน่อยน่ะครับ" ผู้เป็นแพทย์ตอบ ก่อนจะขอตัวกลับไป

ชายหนุ่มยืนมองอย่างอดสมเพทไม่ได้ ใบหน้าภายใต้เรือนผมสีแดงยุ่งเหยิงนั้นชื้นเหงื่อ ดูๆ ไปก็น่าสงสาร ชายหนุ่มเอื้อมมือจะไปคลี่ผ้าห่มห่มให้ เพราะอากาศเริ่มเย็นลง แต่ดวงตาคู่นั้น ก็ลืมโพลงขึ้นมาเสียก่อน

"อ๊ะ!" Richard ผงะไปนิดนึง

"...ไป" เสียงแหบแผ่วดังจากริมฝีปากที่ขมุบขมิบนั้น

"นายว่าอะไรนะ นายชักรู้ตัวหรือเปล่า อาหารน่ะ มีให้กินก็กินๆ เข้าไปเถอะ" Richard พูด

"...ออกไป" เสียงแหบแผ่วนั้นดังอีก ชายหนุ่มขมวดคิ้ว

"นายว่าอะไร ชั้นไม่ได้ยิน"

"บอกให้ออกไป ผู้คุมออกไป อย่ามายุ่งกับชั้น ออกไป ไปซะ ไป!" ดวงตาคู่นั้น จ้องเขม็งมาที่เขา ก่อนจะค่อยๆ เหม่อลอย ร่างนั้นพลิกนอนตะแคงหันเข้าหากำแพง

"เอาเถอะ นายก็กินอะไรซะบ้างก็แล้วกัน" Richard พูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินออกจากห้องขังนั้น และปิดประตูห้องขังไว้อย่างเดิม ก่อนจะเดินกลับเข้าไปยังห้องพักของพวกผู้คุม


วันรุ่งขึ้น นักโทษชายหมายเลข 88430 ก็ก่อเรื่องขึ้นจนได้ เมื่อคนงานแจกถาดอาหารก็พบว่า ถาดอาหารเก่ายังไม่ถูกแตะต้อง แต่ทันทีที่เปลี่ยนถาดอาหารให้ เขาก็ถลาเข้ามาทันที เปล่า ไม่ได้มากิน แต่ยกถาดนั้น สาดอาหารทั้งหมดออกมาข้างนอกห้องขัง แล้วก็ หัวเราะลั่น

"ผู้คุม ผู้คุม 88430 อาละวาดแล้ว" คนงานร้องอย่างตื่นตระหนก

บรรดาผู้คุมต่างวิ่งมาทันที รวมทั้งผู้คุม Richard ที่ยังไม่ทันออกเวร พื้นบริเวณนอกห้องขังนั้นเกลื่อนไปด้วยเศษอาหาร ถาดอาหารนั้นวางคว่ำอยู่ที่พื้นในห้องขัง โดยที่นักโทษชายรายนั้น ยืนมองแล้วก็หัวเราะในลำคอ

"ไปเก็บถาดมา ไม่อยากกินก็ไม่ต้องกิน" ผู้คุมคนหนึ่งบอกคนงาน

และทุกคนก็อยู่ในท่าเตรียมพร้อม คนงานค่อยๆ ยื่นมือลอดใต้ประตูห้องขังเข้าไป และจะค่อยๆ หยิบถาดออกมา แต่แล้วก่อนที่ใครจะทันระวังตัว นักโทษชายรายนั้นก็กระโจนพรวดเข้ามาจับข้อมือคนงานกระชากเข้าไปภายในอย่างแรง จนกระทั่งศีรษะของคนงานกระแทกอย่างจังเข้ากับลูกกรงเหล็ก และยังจิกผมคนงานจับศีรษะกระแทกเข้ากับลูกกรง พร้อมกับหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง

"เฮ้ย! ปล่อยเดี๋ยวนี้ ปล่อย!!" ผู้คุมที่หายตกตะลึง ต่างพุ่งตัวเข้าไปพยายามจะแกะมือของนักโทษออก แต่ไม่เป็นผล

คนงานที่โดนทำร้าย หัวแตกเลือดอาบจากการกระแทกลูกกรงเหล็กและทำท่าจะหมดสติ จนทำให้ผู้คุมต้องใช้กระบองไฟฟ้าจี้ที่มือของนักโทษชายรายนั้น

"อ๊ากกกกกกกกกกกก" มือนั้นสะบัดหลุดทันที บรรดาผู้คุมอาศัยจังหวะนั้น ลากร่างคนงานเคราะห์ร้ายออกมา

"เข้าไปมัดมัน เอาไปขังเดี่ยว" ผู้คุมอาวุโสที่สุดสั่งทันที

ผู้คุมพร้อมแถบหนังเส้นยาว และเสื้อกันอาละวาด เข้าไปจับนักโทษที่ยังชาจากการถูกกระบองไฟฟ้าจี้ มัด ก่อนจะลากเข้าไปยังห้องขังเดี่ยวนั้น และตลอดเวลา นักโทษชายรายนั้นก็ยังคงหัวเราะไม่ยอมหยุด จนกระทั่งประตูห้องขังเดี่ยวปิดลง ได้ยินเสียงหัวเราะเพียงแว่วๆ ลอดออกมาเบาๆ ส่วนคนงานที่บาดเจ็บถูกนำส่งโรงพยาบาลโดยด่วนในทันที


Richard ครุ่นคิดถึงพฤติกรรมของนักโทษชายรายนั้นอยู่เงียบๆ ขณะที่กำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ในห้องพักเพื่อออกเวร 'ทำไมถึงได้เกิดอาละวาดขึ้นอีกนะ หรือว่าเป็นเพราะอาการชัก' ชายหนุ่มไตร่ตรองก่อนที่จะตัดสินใจ

เมื่อเขาออกจากเรือนจำ สถานที่ที่เขามุ่งหน้าไปก็คือ โรงพยาบาลจิตเวช เพื่อขอเข้าพบผู้อำนวยการโรงพยาบาลนั้น

"สวัสดีครับ ผมเป็นผู้คุมเรือนจำที่คุมขังนักโทษชายหมายเลข 88430 ที่ทางโรงพยาบาลเพิ่งส่งตัวให้กับทางเรือนจำเมื่อสองวันก่อน" ชายหนุ่มเริ่มเรื่องทันทีที่ได้เข้าพบผู้อำนวยการ

"ท่าทางคงจะมีปัญหาอีกแล้วใช่ไหมครับ" Dr. Sammaul แพทย์วัยกลางคนท่าทางใจดี ยิ้มก่อนจะถาม

"ครับ เมื่อคืนก่อนเขาอาละวาดทำร้ายคนงานในแดน E ตอนนี้กำลังถูกขังเดี่ยวอยู่"

"แล้วผู้คุมอยากจะสอบถามเรื่องอะไรล่ะครับ"

"ก่อนที่เขาจะอาละวาด ตลอดเวลาที่อยู่ที่เรือนจำ เขาเลื่อนลอย ไม่กินอาหาร และมีอาการชัก ผมถึงอยากทราบประวัติของนักโทษรายนี้ครับ"

ผู้อำนวยการหันไปกดอินเตอร์คอมเรียกพนักงานหน้าห้อง "เชิญ คุณหมอ Eric เข้ามาพบผมที่ห้องหน่อย"
ก่อนจะหันมาบอกกับชายหนุ่มว่าแพทย์คนนี้เองเป็นแพทย์เจ้าของไข้ที่คอยดูแล นักโทษชายหมายเลข 88430 นั้น

ไม่นาน นายแพทย์หนุ่มคนหนึ่งก็มาถึง เมื่อแนะนำตัวกันแล้ว ผู้คุมหนุ่มก็ถูกเชิญไปยังห้องเก็บประวัติคนไข้ แฟ้มสีแดง เล่มหนึ่งถูกยื่นมาตรงหน้า

"นี่คือประวัติการรักษาทั้งหมดของนักโทษ 88430 "

ชายหนุ่มรับมาเปิดดู ประวัติของนักโทษรายนั้น มีแต่รายการให้ยาระงับประสาทตลอดจนการบำบัดด้วยไฟฟ้า และรวมถึงสาเหตุที่สันนิษฐานว่าจะทำให้เกิดอาการทางจิต

"ถูกทารุณกรรมตั้งแต่เด็ก งั้นหรือครับ" ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นถาม

นายแพทย์เจ้าของไข้พยักหน้า "ตามแฟ้มประวัติ และจากการตรวจร่างกาย และการสังเกตสอบถามเวลาสะกดจิต พบว่ามีร่องรอยการถูกทารุณกรรม แต่จากใคร มากน้อยแค่ไหน เรื่องนี้ทางเราก็ไม่ทราบแน่ชัดเหมือนกัน"

"สะกดจิต" ชายหนุ่มทวนคำ

"ครับ ก็เป็นการสะกดจิตให้อยู่ในภาวะครึ่งหลับครึ่งตื่น เวลานั้น จิตใต้สำนึกจะสามารถตอบคำถามได้"

"เขาพูดอะไรบ้างครับ"

"ร้องเพลงกล่อมเด็ก กับพูดว่าอย่าครับแม่ หรือไม่ก็พ่ออย่าทำ"
คำตอบที่ได้รับทำ ทำให้ผู้คุมหนุ่มอดที่จะเงยหน้าจากแฟ้มประวัติของนักโทษชายรายนั้นขึ้นมองหน้านายแพทย์เจ้าของไข้ไม่ได้

"เราถึงได้สันนิษฐานว่า เขาโดนทารุณกรรมตั้งแต่เด็ก"


ผู้คุม Richard กลับออกจากโรงพยาบาลนั้นพร้อมเอกสารสำเนาประวัติอาการของนักโทษชายหมายเลข 88430 และที่เขามุ่งหน้าไปเป็นที่ต่อมาคือ กรมตำรวจ

"เจ้าหน้าที่ผู้คุมเรือนจำ Richard Knight ขอเข้าพบเจ้าของคดีนักโทษชายหมายเลข 88430 ที่ฝากขังรอลงอาญาที่เรือนจำกลางครับผม"

เจ้าหน้าที่กรมตำรวจได้เชิญเขามายังห้องฝ่ายสืบสวนอาญชากรรม 1 ที่นั่น

"สารวัตร ฝ่ายสืบสวน Jake Orland" ชายหนุ่มร่างสูงยื่นมือให้จับเมื่อ ผู้คุมหนุ่มก้าวเข้าไป "ขอบคุณครับสารวัตร"

"ผู้คุมคงอยากจะอ่านเจ้าเล่มนี้" สิ่งที่ถูกยื่นมาให้ คือ แฟ้มประวัติอาชญากรของนักโทษชายหมายเลข 88430

Richard รับมาเปิดอ่าน

 

นักโทษชายหมายเลข 88430

ชื่อ Scarlet Windfill

บิดา Mr. ....... (ถูกฆาตกรรม)

มารดา Mrs. ........ (ถูกฆาตกรรม)

คดี ฆาตกรรม

รายละเอียด

อายุ 10 ปี ต้องสงสัยฆาตกรรมบิดาตนเอง แต่สรุปคดีเป็นการป้องกันตัว

อายุ 15 ปี ฆาตกรรมมารดาตนเอง ถูกส่งไปสถานพินิจเยาวชน และแหกคุกหลบหนีมาหลังจากถูกคุมขังได้ 1 ปี หลบหนีหายไปเป็นเวลา 7 ปี

อายุ 22 ปี ถูกจับหลังลงมือก่อเหตุฆาตกรรมชายคนหนึ่ง โดยการปาดคอ และศพถูกตัดคอทิ้ง และได้ควบคุมตัวฆาตกรได้ขณะที่กำลังนั่งลูบคลำมีดพับที่ใช้สังหารเหยื่อ

อายุ 22 ปี หลังการฝากขังถูกส่งไปบำบัดจิตในโรงพยาบาลจิตเวชครั้งแรก

อายุ 23 ปี หลบหนีออกจากโรงพยาบาล และขณะหลบหนีได้ทำร้ายเจ้าหน้าที่บาดเจ็บสาหัส หลังจากนั้นได้ก่อเหตุฆาตกรรมในลักษณะเดิมโดยเหยื่อเป็นชายวัยกลางคน อาวุธสังหารคือมีด

อายุ 25 ปี ถูกจับได้ขณะกำลังทำร้ายร่างกายเจ้าของร้านชำ ผู้เคราะห์ร้ายบาดเจ็บสาหัส

อายุ 25 ปี หลบหนีการควบคุมตัวระหว่างถูกพาเข้าควบคุมตัวที่สถานีตำรวจ

อายุ 26 ปี ฆาตกรรมชายวัยกลางคนและทำร้ายลูกสาวของเหยื่อขณะเข้าพักในโรงแรมที่เหยื่อเป็นเจ้าของ และโดนจับได้ในที่เกิดเหตุ

อายุ 27 ปี ขึ้นศาลรับฟังคำพิพากษา ศาลลงอาญาให้ประหารชีวิต และเกิดคลั่งทำร้ายเจ้าหน้าที่ศาล

อายุ 28 ปี ถูกส่งตัวไปรับการบำบัดทางจิตเวช ที่โรงพยาบาลจิตเวช

อายุ 28 ปี เข้าเป็นผู้ต้องขังรอลงอาญา ณ เรือนจำกลาง

 

 

"ประวัติหมอนั่น เอาเรื่องมากเลยใช่ไหมครับผู้คุม" สารวัตร Jake กล่าวขึ้นเมื่อผู้คุมหนุ่มเงยหน้าขึ้นจากแฟ้มประวัติอาชญากรรม

"ฆ่าพ่อแม่ตัวเองอย่างนั้นเลยหรือครับ"

"ใช่ครับ เรื่องฆ่าพ่อกับแม่น่ะ ตำรวจที่รับผิดชอบคดีตอนนั้นเล่าให้ผมฟังว่า เหมือนพ่อของหมอนั่น เป็นพวกชอบใช้กำลังรุนแรง และก็อาจจะมีการทารุณกรรมทางเพศกับตัวหมอนั่นด้วย"

"ทารุณกรรมทางเพศ?"

"ครับ เพราะตอนเกิดเหตุครั้งแรก ได้มีการตรวจร่างกายของหมอนั่นและแม่ พบร่องรอยการทำร้ายและก็ เอ่อ ร่องรอยการถูกข่มขืนที่ตัวของหมอนั่นด้วย จากการสอบถามเพื่อนบ้าน ก็มักจะได้ยินเสียงเด็กร้องให้ช่วยกลางดึก เสมอๆ ว่าอย่าทำแม่ อย่าทำผม"

"แสดงว่า ที่บอกว่าเป็นการป้องกันตัวก็คือ พ่ออาจจะทำร้ายร่างกายแม่หรือตัวเขา"

"ก็ลักษณะจากคนที่เห็นเหตุการณ์เล่าว่า เขาเข้าไปพบ Mr. Windfill ถูกแทงเป็นแผลลึกที่กลางหลัง 4-5 แผล นอนคว่ำเปลือยท่อนล่างอยู่บนเตียง ในมือศพมีมีด Mrs. Windfill อยู่ในสภาพประสาทเสีย ร้องกรีดซุกตัวอยู่มุมห้อง ส่วนตัวหมอนั่นเอง นั่งคุกเข่าเปลือยกายอยู่ข้างๆศพ มีรอยกรีดตามตัวเป็นแผล และในมือถือมีดเล่มยาวอยู่ด้วย" สารวัตรกล่าว

"ตอนหมอนั่นอายุ 10 ขวบหรือครับ"

"ใช่ครับ และก็เลยเป็นคดีฆาตกรรมเพื่อป้องกันตัว จากนั้น ตัวหมอนั่นก็ถูกส่งไปสถานสงเคราะห์ แม่เขาก็ถูกส่งสถานบำบัดทางจิต และก็อาการดีขึ้นก็ออกมาอยู่กับลูกชาย แล้วอีกไม่นานต่อมา ก็มีเหตุฆาตกรรมเกิดขึ้นอีก"

"เขาฆ่าแม่ตัวเอง" ผู้คุมหนุ่มเงยหน้าจากแฟ้มประวัติ

"ครับ ตำรวจไปถึงที่เกิดเหตุเพราะมีคนโทรแจ้งว่าได้ยินเสียงกรีดร้อง และพบศพนาง Windfill บนเตียง ในสภาพเปลือย ถูกแทงและกรีดจนยับไปทั้งตัว รวมถึง เอ่อ... อวัยวะเพศ ส่วนหมอนั่น นั่งอยู่บนเก้าอี้กำลังมองแม่ตัวเอง และจากการตรวจร่างกายศพ พบว่ามีอสุจิของหมอนั่นอยู่ในตัวศพด้วย"

"ข่มขืนแม่ตัวเองแล้วฆ่า"

"ไม่ใช่ครับ เราสอบถามจากเพื่อนบ้านในละแวกนั้น คาดว่า นาง Windfill จะใช้ตัวหมอนั่นแทนสามีที่ตายไป เพราะมีคนเห็นนางกอดจูบกับลูกชายบ่อยครั้ง แบบที่ไม่ใช่แม่กระทำต่อลูก จึงทำให้สันนิษฐานว่า อาจจะมาจากความผิดปกติทางจิตจากการช๊อคเมื่อ 5 ปีก่อน เลยใช้ลูกเป็นตัวทดแทน"

"แล้วเขาล่ะครับ ตอนนี้มีอาการทางจิตหรือยัง"

"เราตรวจสอบสภาวะจิตใจของหมอนั่น ตอนนั้นแพทย์ได้บอกว่าเขามีภาวะซึมเศร้า หวาดกลัว อาจจะกระทำไปเพราะกดดันหรือต้องการที่จะหลุดพ้นจากสภาวะที่เป็นอยู่"

"แล้วก็แหกคุก ไปก่อเรื่องขึ้นอีก แต่เท่าที่สังเกต เหยื่อจะเป็นชายวัยกลางคนทั้งนั้นเลยนะครับ"

"อาจจะเป็นพฤติกรรมฝังใจน่ะครับ กับพ่อของตัวเอง"

"ทำไมเรื่องนี้ ทางโรงพยาบาลถึงได้บอกว่าไม่แน่ใจว่าถูกทารุณกรรมตั้งแต่เด็กละครับ"

"มันก็แค่ข้อสันนิษฐานน่ะครับ เพราะบางครั้งก็ดูเหมือนตัวเขาเองจะสนุกกับการฆ่าเหมือนกัน นักโทษรายนี้ เป็นคนที่เราคาดเดาอะไรไม่ได้เลย"

ผู้คุมหนุ่มเหลือบมองสำเนาแฟ้มประวัติทั้งสองที่วางอยู่ข้างๆ ขณะที่ขับรถกลับบ้านพัก และคำพูดสุดท้ายจาก สารวัตรสอบสวนคนนั้นก็ยังก้องอยู่ในหู

"อย่าให้ความสงสาร ทำให้คุณคิดว่าเขาเป็นคนที่คุณจะสนใจเลยครับ ฆาตกร ก็คือ ฆาตกร"



ที่เรือนจำกลางในคืนวันนั้น Richard กลับเข้ามาทำหน้าที่ผู้คุมเวร ซึ่งก็เป็นเวลาเดียวกับที่จะปล่อยนักโทษหมายเลข 88430 ออกมาจากห้องขังเดี่ยว เมื่อผู้คุมอีกคนเป็นผู้ไขกุญแจออกนั้น

สภาพของนักโทษชายรายนั้นนั่งห่อตัวอยู่มุมห้อง และเมื่อผู้คุมเข้าไปหิ้วปีกเขาออกมา สิ่งที่ Richard เห็นก็คือ น้ำตา ที่ไหลลงมาเป็นทาง

และเมื่อถูกพาตัวกลับไปยังห้องขังและปลดแถบเข็มขัดหนังและเสื้อกันอาละวาดออกแล้ว ร่างนั้น นั่งกอดเข่าตัวเองหันเข้าหากำแพง และพึมพัมเพลงกล่อมเด็กออกมาเบาๆ

ผู้คุมหนุ่มยืนมอง ก่อนจะเดินไป ไม่นานก็กลับมาพร้อมห่อของเล็กๆ ในมือ และสอดผ่านลูกกรงเหล็กเข้าไป

"นายไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เมื่อวาน ชั้นเอาขนมปังมาให้ หิวก็มากินซะบ้างเถอะ"

ใบหน้านั้น ค่อยๆ หันกลับมา น้ำตายังไหลออกมาเป็นสายจากดวงตาทั้งสองข้าง Richard มองแล้วก็พูดต่อว่า

"อย่างน้อย คนเราก็น่าจะรักตัวเองบ้างนะ"

"แม้ว่า... อีกไม่นานก็ตายน่ะเหรอ" เสียงแหบแผ่วดังขึ้นไม่เกินกว่ากระซิบ

"ถูกแล้ว" Richard พูดก่อนจะถอยหลังออกมาจากประตูห้องขัง

"จะกินหรือไม่กินก็ตามใจนาย" เขาพูดทิ้งท้ายไว้ก่อนจะเดินจากไป

นักโทษชายรายนั้น ลุกขึ้นมาหยิบห่อกระดาษขึ้นมาแกะ ข้างในเป็นขนมปังปอนด์เล็กๆ เขาหยิบขึ้นมาดู ก่อนจะหัวเราะเบาๆ

"คนเราควรจะรักตัวเอง งั้นหรือ หึหึหึหึ"

 

n e x t
Thank you for reading