+ สำหรับ album นี้ก็เป็น ablum ที่มีสิ่งแปลกใหม่เพิ่มขึ้นมาให้ประหลาดใจเยอะมาก makoto คุง คิดว่าตอนแรกอยากให้ออกมาเป็นยังไง
L : ก่อนที่จะเริ่มบันทึกเสียงนั้น พวกเราก็มีการพูดคุยกันหลายหน แต่ก่อนหน้านั้นก็คงต้องทำ Single Hypersonic soul ให้เสร็จเรียบร้อย
Q ได้ยินว่าจริงๆแล้วเนี่ย อยากจำทำ album กันเอง เพราะว่าใน album ก่อนก็มีเพลงที่คนอื่นนั้นแต่งทั้งทำนอง เนื้อร้องเยอะใช่ไหม?
L : อืม ถ้าเป็นอย่างงั้นแล้วก็คงไม่รู้สินะว่า การทำวงจะมีความหมาย ตรงไหน ...
Q แต่ใน album betrip เนี่ย makoto คุงก็มีส่วนร่วมในการเขียนเนื้อร้องเอง แล้วก็ยังมีสมาชิกในวงที่แต่งทำนองด้วย ก็ถือว่าเป็นการพัฒนา
ขึ้นไปทีละนิด แต่ทั้ง 5 คน ก็ยังอยากที่จะทำอะไรใหม่ๆอีกสินะ
L : ตอนนี้ก็เป็น album ที่ สำเร็จไปแล้ว ... ในalbum นี้ พวกเราได้ออกไอเดีย ว่า .. อยากจะทำเพลงแบบนี้ ..หรือว่า อยากเขียนเพลงแบบนี้ ...
ก็เรียกได้ว่า Album นี้เป็น Album ที่ทุกคน Lucifer มีส่วนร่วมก็ว่าได้ .. แล้วยังมี concept ที่เป็นไปตามที่ผมอยากได้มากเลย ..
Q! หลังจากที่เกิดเรื่องผู้ก่อการเนี่ย makoto คุงบอกว่าอยากจะใช้ "ความรัก" เป็น จุดหลักของงานต่อๆไป ... เอ ทำไมละ ?
L : ก็หลังจากที่เกิดเรื่องนั้นเนี่ย ก็ทำให้นักดนตรีทั่วโลกหันมาทำเพลงรักกันมากขึ้น แล้วก็ยังแสดงถึงความสำคัญของมนุษย์ด้วยกันมากขึ้น และผมเองก็อยากจะลองทำเพลงที่แสดงถึงความรักต่อเพื่อน ๆ ร่วมวงสักครั้งด้วย
Q! วง Lucifer เนี่ยนะ ?
L : " ครับ มันเป็นสิ่งที่พวกเราจะค่อยๆลืมไปใช่ไหม? ถ้าอยู่ด้วยกันตลอดเนี่ย
Q! เหมือนคู่สามีภรรยาเลยนะ (^^ 55)
L : เหมือนกับจริงๆ แล้วรักนะ แต่ว่าความรู้สึกเนี่ย มันค่อยๆ ชินชาไป
Q! เพราะอยู่ด้วยกันมานานเหรอ ?
L : ใช่ครับ เป็นเรื่องที่ผมต่อต้านมาก แล้วก็ผมอยากจะแสดงอะไรบางอย่างที่เป็นการบ่งบอกถึงการพัฒนาการของพวกเรา ใน theme ของเพลง แล้วก็อยากแสดงอะไรที่แบบว่าลึกซึ้งให้ทุกคนได้ฟังกัน พอคิดอย่างนั้นแล้ว ก็เลยได้ชื่อ album ว่า element of love ใน album นี้ ทุกคนจะ
ได้เห็น Lucifer ส่งสารออกไปจากเดิม อย่างขอบเขตของความรัก ก็จะมีองค์ประกอบของความรักก็จะใส่ลงไปด้วย แล้วยังมีเรื่องของความหวัง
ความหึงหวง และการเสียภายหลังอีกด้วย
Q! มีทั้งความรักที่ผิดหวัง แล้วก็รักเขาข้างเดียวด้วยใช่ไหมเนี่ย ?
L : " ครับ แล้วก็ยังมีเพลงที่เกี่ยวกับการจบการศึกษา วาดตัวเองอีกคนนึงขึ้นมา แล้วก็การเรียกร้องสันติภาพด้วยครับ
Q! อืม! เป็นconcept ของ album สินะ แล้วในเพลง hyper sonic soul ละ มีท่อนร้องที่ว่า 'ถ้าไม่ได้พบรักกันอาจจะกลายเป็นผู้ใหญที่
น่าสงสารก็ได้' เป็น concept ที่ดูยากจังนะ ?
L : แต่ว่ายังไงก็ยังสื่อได้อย่างน่าประหลาดใจทีเดียว กับ takuya (producer) ก็สื่อได้อย่างไม่ต้องลังเลเลย"
Q! พอทำ album นี้เสร็จแล้ว สมาชิกแต่ละคนค้นพบอะไรกันบ้าง มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นบ้าง
L : สำหรับคนที่เกี่ยวข้องก็ไม่มีอะไนเปลี่ยนแปลงนะ บันลาดของ sanchan ก็ดีอยู่แล้ว ส่วน yuki ก็ทำได้ทั้งเพลงแรงๆและเพลงเศร้าๆ ส่วน towa นั้นชอบทำ pop แบบยากๆนะ และ atsuro นั้น ก็ทำได้ตั้งแต่บันลาดrock ไปจนถึง บันลาดธรรมดาเลยสำหรับผมเองนั้นก้อเป็นพวก
ให้ความสำคัญกับท่อนสร้อย นับได้ว่า วงเรานี่มีความสมดุลกันทีเดียว ' desire ' นี่เป็นเพลงแรกเลยนะครับที่เน้นตรงท่อนสร้อย ทำให้ผมคิด
อยากจะทำเพลงอย่างนี้ออกมาอีก โดยที่จะขยายแก่นหลักให้มากกว่านี้ ...ในalbum นี้ ผมต้องยอมแพ้สมาชิกคนอื่น ๆ ในเรื่องความละเอียดของ
เพลงบันลาดจริงๆ เพราะผมถนัด rock พื้นฐานซะมากกว่านะครับ
Q! เพลงที่ makoto คุงแต่งเนี่ย ก็แสดงออกทางด้านที่จู่โจม และด้านที่อ่อนโยนที่สุด ออกมาทั้ง2ด้าน
L : อ๊ะ แต่ Graduation เนี่ย เป็นเพลงที่ผมไว้ตั้งปีครึ่งแล้วนะ ดังนั้นผมคิดว่า มันเป็นเพลงที่มีเมโลกี้ยากทีเดียว ถ้าเทียบกับ desire เรียกว่าประหลาดใจเลยละ ที่เมื่อคั่งก่อนทำได้ขนาดนั้น
Q! makoto คุงพยายามแสดงตัวตนลงไปมากทีเดียวนะ ในเรื่องความหลากหลายในหารร้อง และละเอียดกับงาน
L : เหมือนกับว่าคราวนี้สามารถอินไปกับเพลงได้ดีเลย อย่างbetrip เนี่ย ฟังแล้วอาจจะรู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย เพราะว่าเราต้องการที่จะสื่อเรื่องของ
จิตวิญญาณออกมา แน่นอนว่าผมค่อนข้างชอบ album นั้นมากทีเดียว แต่งานต่อมาก็ต้องมีการพัฒนายิ่งขึ้นไปอีก ดังนั้นผมจึงเอาใจใส่กันมันมาก
เลยเพราะผมเป็นคนที่เครียจง่ายกว่าคนอื่น อยู่ด้วยแล้วมั๊งครับ"
Q! นั่นสินะ ( หัวเราะ ^^)
L : ดังนั้น album ที่แล้วผมก็เลยร้องด้วยความรู้สึกเครียจน่ะ เพราะว่าต้องคิดเรื่องการทำ CD live ไปพร้อมๆกัน แต่ครั้งนี้คิดว่าจะร้องโดยที่ อยากจะให้คนฟังมันในฐานะคลื่นเสียง ดังนั้นผมก็เลยใส่อารมย์ลงไปมากขึ้น"
Q! ตั้งแต่เดบิวต์มา Lucifer มีการพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ส่วน album นี้ก็มีมิติของความรู้สึกที่ลึกขึ้น .. น่าดีใจนะ
L : ผมก็ดีใจนะ รู้สึกเหมือนกับว่าเป็นสินค้าในตลาดโลกไปซะแล้ว .. เพราะรู้สึกว่าการที่ให้คนอื่นทำเพลงให้ มันไม่สมกับการเป็นวงเลย album นี้ พวกเราได้มีส่วนร่วมมากขึ้น ..รู้สึกดีใจครับ"
Q! ทั้งที่เป็นวงสินะ
L : ผมคิดว่า แฟนๆก็คงต้องคิดแบบนี้ด้วยแน่ๆ พวกผมก็เลยพยายามสู้มาตลอด แต่ว่าการที่จะมุ่งมั่น ที่เอาแต่ความคิดของตัวเองโดยที่ไม่ฟังเสียง
คนรอบข้าง ก็ออกจะเห็นแก่ตัวเกินไปอีกยังไงๆ ผมคิดว่าในฐานะที่เป็นวงก็ควรจะแสดงสิ่งที่ต้องการสื่อออกมาอย่าง album นี้ก็คือ
" องค์ประกอบของความรัก " นี่แหละครับ"
Q! สำหรับคำถามนี้อาจจะตอบยากซักหน่อย ... อืม makoto คุงคิดยังไงเกี่ยวกับ ความรัก
L : ก็เป็นสิ่งที่ทำให้เรากำรงชีวิตต่อไปได้ไม่ใช่เหรอครับ ผมคิดอย่างนั้นนะ เพราะว่าคนเราคงไม่สามารถที่จะอยู่คนเดียวได้ใช่ไหมละ
Q! นั่นสินะ
L : ผมเชื่ออย่างนั้นนะ หลังจากที่คิดมาตลอด แล้วก็เอามาลองเทียบกับหลายๆอย่างแล้ว ก็กลายมาเป็นคำตอบนี้
Q! ก็คงเป็นความรู้สึกกับ Lucifer ด้วยสิ
L : ครับ ด้วยความหมายนี้เองทำให้ผมกำหนด theme และชื่อ album ออกมา สำหรับผมเอง มันค่อนข้างเป้นงานที่ใหญ่นะ สำหรับการกำหนด theme แบบนี้ คือเป็นการยึดแก่นมากกว่าเสียงเพลงอีก แต่จากนี้ไป พวกเราก็จะพยายามทำงานในรูปแบบใหม่ๆออกมา แล้วก็จพยายามสื่อกับผล
ที่ต้องการได้รับให้ชัดเจนขึ้นอีกเรื่อยๆ ต่อไปนี้พวกเราอาจจะได้ไตเติ้ลงาน ที่มีความเป็นมนุษณ์มากขึ้นก็ได้นะครับ
Q! ตัว makoto คุงเองก็คงต้องการขยายความเป็นมนุษณ์ออกไปอีก โดยที่ไม่ต้องมายึดติดกับวงสินะ
L : ใช่ครับ มันเป็นเรื่องง่ายเลย ค่อนข้างที่จะหนักที่เดียวสำหรับผม เพลงเนี่ย อาจจะหมายถึงความรักส่วนการแสดงออกก็คงจะเหมือน
ความรักด้วยคือผมอยากจะลองถามพวกคุณ ว่า 'แล้วสำหรับพวกคุณ คิดว่ามันคืออะไรละ?' นะครับ
Q! อ้าว! เป็นการถามคนฟังหรอกหรอเนี่ย --_--"
L : แน่นอนสิครับ ก ็album นี้ถูกใช้เป็นหลักในการทัวร์ live ตื่นเต้นมากเลยครับ ก่อนหน้านี้ พวกเราก็ได้ reset กันหลายรอบ แต่ว่าคงจะทำอีก
ไม่ได้แล้วถ้างั้นก็เริ่มที่ความหมายนี้ละครับ... ทุกคนก็คงจาได้รู้สุกแล้วสินะ ..ว่า makoto คุงต้องการที่จะสื่ออะไรออกมากับ album .. เอาเป็นว่า
ใครที่ยังไม่ได้ฟังก็ลองไปหาซื้อกันดูนะ ..ตอนนี้วางแผนกันแล้ว ... แล้วถ้าไงก็ลองเมลมาเล่าให้ฟังบ้างว่าคิดยังไงก็เพลง ชอบเพลงไหนบ้าง ..
แล้วถ้ายังไงคราวหน้าจาเอาบทสัมภาษณ์มาฝากอีกนะ^^