Top
เป็นสีที่ใช้สำหรับย้อมดูเม็ดเลือดแดง
เม็ดเลือดขาว
และย้อมเชื้อมาลาเรีย
ประกอบด้วยสีสำคัญ 2
ตัวใหญ่ๆได้แก่ สี Wright stain และสี Giemsa
stain
ส่วนของเม็ดเลือดที่มีสภาพเป็นกรดเมื่อย้อมด้วย
wright-geimsa stain
จะถูกจับด้วยส่วนที่เป็นด่าง
ของสี ( basic dyes
)ทำให้ส่วนนั้นติดสีน้ำเงินหรือม่วง
เช่นส่วนนิวเครียสของเม็ดเลือดขาว
เป็นต้น
ส่วนของเม็ดเลือดที่มีสภาพเป็นด่าง
เมื่อทำการย้อมแล้วจะจับกับส่วนที่เป็นกรดของสี
(acid dyes)
ทำให้ส่วนนั้นๆติดสีแดง ชมพู
เช่น granule ของเม็ดเลือดขาวชนิด eosinophile
เป็นต้น
ส่วนของสี giemsa stain
จะช่วยเสริมการติดสีของเม็ดเลือดแล้วยังช่วยย้อมเชื้อมาลาเรียให้เห็น
ชัดเจนมากขึ้น
ส่วนประกอบของชุดสีย้อม
- สี Wright-Giemsa stain ประกอบด้วย 0.3% Wright stain
และ 0.1% Giemsa stain
3% glycerine / 97% Methanol
- Phosphate buffer
- Fixative reagent
วิธีการย้อมสี
1.
นำเลือดที่ต้องการย้อมมาทำเป็นแผ่นฟิลม์บางๆบนแผ่นกระจกใส
ทิ้งไว้ให้แห้ง
2. นำแผ่นเลือดมาจุ่มลงใน Fixative reagent
เพื่อคงรูปร่างของเม็ดเลือดก่อนย้อม
ส่วนของ fixative
reagent
นั้นหลังการใช้งานต้องรีบปิดฝาเพื่อป้องกันความชื้นในอากาศทำให้น้ำยาเสื่อม
ซึ่งจะมีผลทำ
ให้เม็ดเลือดแดงเปลี่ยนรูปร่างได้
3. นำแผ่นเลือดไปจุ่มลงในสี
Wright-Geimsa stain จับเวลานาน 1 นาที
4. นำแผ่นเลือดขึ้น
แล้วนำไปจุ่มลงในขวด Phosphate buffer
จับเวลานาน 1 นาที
5. ยกแผ่นเลือดขึ้น
ล้างสีทีตกค้างด้วยน้ำกลั่นหรือน้ำประปา
เช็ดทำความสะอาดด้านหลังแผ่นกระจก
6. เป่าลมหรือผึ่งลมให้แห้ง
นำไปส่องตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์
เป็นสีที่ใช้สำหรับย้อมดูเม็ดเลือดแดง
เม็ดเลือดขาว
และย้อมเชื้อมาลาเรีย แบบเร่งด่วน
ประกอบด้วยสีสำคัญ 2
ตัวใหญ่ๆได้แก่ สี Methylene blue และสี Safanine
ส่วนของเม็ดเลือดที่มีสภาพเป็นกรดเมื่อย้อมด้วย
Q-dip stain
จะถูกจับด้วยส่วนที่เป็นด่าง
ของสี ( basic dyes
)ทำให้ส่วนนั้นติดสีน้ำเงินหรือม่วง
เช่นส่วนนิวเครียสของเม็ดเลือดขาว
เป็นต้น
ส่วนของเม็ดเลือดที่มีสภาพเป็นด่าง
เมื่อทำการย้อมแล้วจะจับกับส่วนที่เป็นกรดของสี
(acid dyes)
ทำให้ส่วนนั้นๆติดสีแดง ชมพู
เช่น granule ของเม็ดเลือดขาวชนิด eosinophile
เป็นต้น
ส่วนประกอบของชุดสีย้อม
- สี Methylene blue buffer
- สี Safranine buffer
- Fixative reagent
วิธีการย้อมสี
1.
นำเลือดที่ต้องการย้อมมาทำเป็นแผ่นฟิลม์บางๆบนแผ่นกระจกใส
ทิ้งไว้ให้แห้ง
2. นำแผ่นเลือดมาจุ่มลงใน Fixative reagent
เพื่อคงรูปร่างของเม็ดเลือดก่อนย้อม
ส่วนของ
fixative reagent
นั้นหลังการใช้งานต้องรีบปิดฝาเพื่อป้องกันความชื้นในอากาศทำให้น้ำยา
เสื่อม
ซึ่งจะมีผลทำให้เม็ดเลือดแดงเปลี่ยนรูปร่างได้
3. นำแผ่นเลือดไปจุ่มลงในสี
Methylene blue buffer ประมาณ 10-15 ครั้ง
4. นำแผ่นเลือดขึ้น
แล้วนำไปจุ่มลงใน Safranine buffer ประมาณ 10-15
ครั้ง
5. ยกแผ่นเลือดขึ้น
ล้างสีทีตกค้างด้วยน้ำกลั่นหรือน้ำประปา
เช็ดทำความสะอาดด้านหลังแผ่นกระจก
6. เป่าลมหรือผึ่งลมให้แห้ง
นำไปส่องตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์
สี crystal violet
จะซึมผ่านผนังเซลของแบคทีเรียเข้าไปใน
cytoplasm ของแบคทีเรีย เมื่อทำการ
ย้อมทับด้วย gram iodine
จะไปจับกับส่วนของ crystal violet
เกิดเป็นสารประกอบเชิงซ้อนเรียกว่า
crystal-iodine complex
ซึ่งมีขนาดโมเลกุลที่ใหญ่ขึ้น
ในแบคทีเรียชนิดแกรมบวก
จะมีไขมันที่ผนังเซลน้อยกว่าแบคทีเรียชนิดแกรมลบ
เมื่อล้างด้วย
Acetone-alcohol ซึ่งเป็นสารละลายไขมัน
จะยังคงสามารถรักษาสารประกอบเชิงซ้อนได้อยู่
ในแบคทีเรียชนิดแกรมลบ
จะมีไขมันที่ผนังเซลมากกว่าแบบแกรมบวก
เมื่อล้างด้วย Acetone-
alcohol
จะทำให้ผนังเซลแบคทีเรียเกิดช่องว่างขนาดใหญ่กว่า
ทำให้สารประกอบเชิงซ้อนหลุดออก
จากเซลของแบคทีเรียได้
เมื่อทำการย้อมทับด้วยสี safranine
จึงทำให้แบคทีเรียแกรมลบติด
สีแดง
ของ safranine
ส่วนแบคทีเรียแกรมบวกซึ่งติดสี
ม่วงน้ำเงิน ของ Crystal violet
อยู่แล้วจึงไม่ติดสีแดงของ safranine
ส่วนประกอบของชุดสีย้อม
- สี Crystal violet
- Gram Iodine
- Acetone-alcohol Decolorizer
- สี Safranine
วิธีการย้อมสี
1.
นำสิ่งตรวจที่ต้องการย้อมดูแบคทีเรีย
มาทำ slide smere
เป็นวงบางๆบนแผ่นกระจกใส
ทิ้งไว้ให้
แห้ง นำไปลนผ่านเปลวไฟ 2-3
ครั้งเพื่อช่วยให้แห้งและติดบนแผ่นกระจกดีขึ้น
2. ย้อมด้วยสี crystal violet นานประมาร 1
นาที ล้างออกด้วยน้ำ
3. ย้อมด้วย Gram-Iodine นานประมาณ 1 นาที
ล้างออกด้วยน้ำ
4. ล้างสีส่วนเกินออกด้วย Acetone-alcohol
decolorizer
5. ย้อมด้วยสี Safranine นานประมาณ 30
วินาที ล้างออกด้วยน้ำ
6. เช็ดด้านหลังให้แห้ง
ผึงให้แห้ง
แล้วนำไปส่องด้วยกล้องจุลทรรศน์
เชื้อวัณโรค (Mycobacterium
tuberculosis) สาเหตุของโรควัณโรค
ซึ่งเริ่มกลับมาระบาดมากขึ้น
โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ติดเชื้อ HIV
ตัวเชื้อวัณโรคมีคุณสมบัติพิเศษเฉพาะตัวก็คือ
เป็นเชื้อที่ทนต่อสภาพ
กรดได้ดีจึงมีเชื้อเรียกอีกอย่างว่า
acid fast bacilli
เนื่องจากที่ผนังเซลของเชื้อแบคทีเรียประกอบ
ด้วยกรดไขมันสูงถึงร้อยละ 60
ของน้ำหนัก
ทำให้การย้อมติดสียาก
แต่เมื่อย้อมติดสีแล้วกอรปกับ
คุณสมบัติที่ทนต่อกรด
ดังนั้นเมื่อทำการล้างสีออกด้วย
acid alcohol
สีที่ติดกับแบคที่เรียชนิดอื่นๆจะ
ถูกล้างออกได้โดยง่าย
ยกเว้นสีที่ย้อมติดบนเชื้อวัณโรค
(TB) จะล้างออกยาก โดยจะเห็นเป็น สีแดง
และเมื่อย้อมทับด้วยสีน้ำเงินเพื่อให้เป็นสีพื้นเพื่อตัดกับสีแดงของเชื้อวัณโรค
จะช่วยให้สังเกตุเห็นง่าย
มากขึ้น
ส่วนประกอบชุดน้ำยา
1. Kinyoun carbol fuchsin
2. Acid fast alcohol Decolorizer
3. Methylene blue
วิธีการย้อม
1.
นำสิ่งส่งตรวจที่ต้องการย้อมเพื่อหาเชื้อวัณโรค
ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็น เสมหะ
มาเกลี่ยเป็นแผ่นบางๆ
บนกระจกย้อมเชื้อ (slide)
ตั้งทิ้งไว้ให้แห้งในที่มิดชิด
เพื่อป้องกันการฟุ้งกระจายของเชื้อถ้ามี
นำแผ่นกระจกไปลนผ่านไฟประมาณ
2-3 ครั้ง
เพื่อช่วยให้แห้งและติดแผ่นกระจกดีขึ้น
2. ย้อมด้วยสี Kinyoun carbol fuchsin
นานประมาณ 5 นาที ล้างน้ำ
3. ล้างสีส่วนเกินออกด้วย Acid fast
alcohol จนแผ่นย้อมมีสีติดน้อบลง
4. นำไปย้อมทับต่อด้วยสี Methylene blue
นาน 5 นาที
ล้างสีส่วน้กินออกด้วยน้ำประปา
5. เช็ดแผ่นกระจกให้สะอาด
ผึ่งลมให้แห้ง
นำไปส่องดูด้วยกล้องจุลทรรศ์
ThaiL@bOnline - Crystal Diagnostics
Email : vichai-cd@usa.net
Phone : (02) 803-7310-11 Fax : (02) 803-6705 ext 0
|