จันทร์เจ้าขา ภาค ๒๐๔ เพื่ออะไร…
จันทร์เจ้าขา ภาค ๒๐๔ เพื่ออะไร…


    หนาวแล้ว… 
    ที่ลานหน้าบ้าน เต็มไปด้วยกองข้าวฟ่อน เรียงสูงเทียมหลังคาบ้าน 
    ปีนี้ข้าวดี พ่อบอก ใกล้จะเก็บเกี่ยวได้แล้ว พ่อออกไปเกี่ยวหญ้ามาทำคะเน็ด 
    ซึ่งใช้สำหรับมัดข้าวให้เป็นฟ่อน พ่อแข็งแรงหาบข้าวฟ่อนใหญ่ ๆ ได้สบาย 
    ไม้หลาวทำจากไผ่เป็นลำ ๆ ปลายแหลมสองด้าน 
    พ่อเสียบมันสุดแรง แล้วยกขึ้นด้วยบ่า 
    พ่อแทงอีกด้านหนึ่งที่ฟ่อนข้าวใกล้ ๆ กัน...
    
    ...ที่นาของเราอยู่ไม่ไกล พ่อจ้างเพื่อนบ้านมาหาบข้าวด้วย
    แม่ก็ช่วยเหมือนกัน สำหรับผมเป็นกองเชียร์ ระยะนี้ผมไม่สร้างปัญหา
    เป็นเด็กดี พ่อกับแม่งานยุ่งและหนัก 
    หยาดเหงื่อมากมายหลั่งไหลราดลดลงบนผืนนา
    ท่านทั้งสองไม่เคยปริปากบ่น 
    ผมรักพ่อ… ผมรักแม่… รักที่นาของผม…
    
    
    	


    ...ค่ำนี้วัวของเราสองตัว คงไม่ได้หลับได้นอน 
    แม่ซื้อกระโด้งซึ่งทำจากไม้ไผ่สาน สำหรับฝัดข้าวไว้สองใบ
    พ่อทำไม้สำหรับคาดข้าวเพื่อร่อนฟางให้เม็ดข้าวร่วงลงสู่พื้นดิน 
    พ่อคลี่ฟ่อนข้าวเป็นวงกลมบนลานกว้าง 
    ที่แม่และผมช่วยกันกวาดจนเตียนโล่ง...
    
    ...ตีนวัว… ย่ำลงบนยอดต้นข้าวที่เต็มไปด้วยเมล็ด…
    เมล็ดแล้วเมล็ดเล่ากว่าจะได้เป็นข้าวเปลือก เหงื่อพ่อโทรมกาย 
    พ่อไม่หวังผลกำไรมากนัก ข้าวราคาถูกพ่อก็รู้
    พ่อจบการศึกษาสูง เพื่อน ๆ ของพ่อเป็นใหญ่เป็นโต 
    เป็นครูบาอาจารย์สั่งสอนศิษย์ในมหาวิทยาลัยที่โด่งดังในกรุงเทพฯ
    พ่อเลือกหนทางเกษตรกร รับใช้ชาติด้วยหยาดเหงื่อและแรงกาย
    หาเลี้ยงครอบครัวด้วยความอดทน และเสียสละ…
    
    …มึงมาทำอะไรที่นี่วะ… ความรู้มึงท่วมหัว… 
    อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยศิลปากร 
    นำคณะนักศึกษามาขุดค้นโบราณคดี กล่าวกับพ่ออย่างสนิทสนม…
    
    
    	


    ...กองฟองที่หลงเหลือจากผลิตผลทางการเกษตร 
    เป็นแหล่งเล่นที่ดีที่สุด ตีลังกา กระโดดถีบแบบไอ้มดเอ็กซ์
    ไอ้จา ไอ้วัฒน์ ไอ้สันต์ อีมาศ อีตา เพื่อนรุ่น ๆ เดียวกัน
    ผมสร้างกระต๊อบด้วยฟางข้าว หนาวนี้ หมาของผมอียิ้ม 
    มันออกลูกโทน ผมตั้งชื่อให้มันว่า ไอ้บ็อกเซอร์ 
    ซึ่งแปลว่า นักมวย ผมรักมันมาก มันกำลังน่ารัก...
    
    ...อียิ้ม หมาพเนจรตัวเมียซูบผอม โซซัด โซเซ ไม่มีที่อยู่
    ผมให้ข้าวสุกมันกิน มันซื่อสัตย์กับผม 
    เช่นเดียวกันกับไอ้บ็อกเซอร์ ลูกของมัน
    ทุกวันนี้ ผมสร้างงานเครือข่ายเว็บไซด์กวีไทย 
    ชื่อของมัน คือรหัสลับสุดยอด
    ผมตั้งใจให้มันเฝ้าให้ผม ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น 
    ไอ้บ็อกเซอร์มันจะส่งสัญญาณให้ผมรู้ 
    ผมมั่นใจในการอยู่ยามของมัน...
    
    
    	


    ...ลูกหมาน้อย นอนอยู่ในอ้อมอกผม มันหิวนม 
    ตามันยังมองได้ไม่ค่อยดีนัก ผมเอานิ้วให้มันดูด มันก็ดูด 
    ไอ้หมาน้อยเอ๋ย โง่จริง ๆ 
    ผมหลับไปด้วยความเพลิดเพลิน...
    
    ...แม่ปลุกผมแต่เช้า ผมงุนงงเล็กน้อย 
    พ่อคงอุ้มผมมาจากกระต๊อบ เมื่อคืนนี้...
    
    ไอ้บ็อกเซอร์ โตวัน โตคืน
    ผมพามันไปทุกหนแห่ง มีมันก็ต้องมีผม ชาวบ้านต่างรู้ดี
    ผมเอาเชือกผูกคอมัน มันวิ่งนำหน้า 
    เข้าไปในป่าที่มันกับผมชอบไปวิ่งเล่น
    แม่ไปขายของให้นักศึกษา ที่มาขุดค้นโบราณวัตถุ
    ผมเก็บลูกกำปัดหินได้บ่อย ๆ มีหลายสีสัน 
    เอาไปขาวได้เงินกินขนม หน้าฝน น้ำจากฟากฟ้าจะชะดิน 
    ทำให้ของมีค่าต่าง ๆ ลอยขึ้นมา ซึ่งมีทั้งลูกกำปัด เศษถ้วยชาม 
    เครื่องมือเครื่องใช้ทำด้วยกระเบื้องและโลหะสำริด
    เป็นพระพุทธรูปก็มี ยายเคยขุดได้เป็นองค์เลย...
    
    
    	


    ...ผมพาไอ้เพื่อนคู่ใจ เข้าไปในสวนป่า 
    เขาเอาเชือกมาขึงเป็นสี่เหลี่ยม เพื่อกำหนดขอบเขตการขุดค้น
    มีหลายบ่อที่ลงมือขุดไปบ้างแล้ว 
    ผมกับ… ไอ้บ็อกเซอร์… ชาวบ้านมักเรียกมันว่า ไอ้เซ่อ เฉย ๆ 
    ผมเกียจคนที่เรียกหมาของผมแบบนี้ที่สุด 
    นานแล้วที่สองเราเฝ้ามองการขุดค้น 
    จนบางครั้งมันก็หาวพร้อม ๆ กับผม 
    ผมจูงมันเดินไปร้านที่แม่ปลูกไว้ใกล้ ๆ นักศึกษา 
    มีทั้งก๋วยเตี๋ยว น้ำอัดลม ไอ้บ็อกเซอร์มันชอบกินขนมหม้อแกง
    แม่ซื้อมาฝากมันเป็นประจำ...
    
    
    	


    ...หลังอาหารมื้อเที่ยง ผมสนใจการค้นคว้า 
    ผมพยายามปลุกมัน มันนอนนิ่ง ไอ้หมาจอมขี้เกียจ…
    ผมฝันอยากเป็นนักโบราณคดี อาจจะยิ่งใหญ่ 
    ได้รู้ทุกซอกทุกมุมของประเทศไทย สามารถอธิบาย
    ว่าเกิดอะไรขึ้นในปีนั้น ชั้นดินระดับนี้ ประมาณ พ.ศ.เท่าใด
    เถ้าถ่านที่พบบ่งบอกลักษณะ สภาพความเป็นอยู่ ภัยธรรมชาติ
    ภาวะสงคราม ต่าง ๆ มากมาย 
    ไอ้บ็อกเซอร์มันกินอิ่ม แล้วมันไม่ยอมลุกไปไหน
    ผมลากมันไปทั้ง ๆ ที่หลับนั่นแหละ 
    นักศึกษาที่มากินก๋วยเตี๋ยวบอกว่า ผมทารุณสัตว์…
    
    
    	


    ...นักศึกษาเอาถุงพลาสติก  ใส่เศษเครื่องโบราณ
    แยกเป็นชิ้น ๆ ถุงใครถุงมัน ที่ปากถุงมีป้ายผูกไว้ 
    เขียนเป็นภาษาไทยปนกับอังกฤษ ผมไม่รู้เรื่อง 
    แต่ผมเข้าใจว่า พวกเขาต้องรู้ดี ผมไม่กล้าถามกลัวเขาดุ
    พวกเขาคงไม่รู้หรอกว่า วิชาประวัติศาสตร์ ผมได้แปดสิบกว่าเปอร์เซ็นต์
    อาจารย์อธิบายให้นักศึกษาฟังหลายอย่าง 
    ผมสงสัยว่า สองถึงสามพันปีก่อน สมัยทวาราวดีมันอยู่ในยุคไหนแน่
    สุโขทัย หรือกรุงศรีอยุธยา ผมกลับไปเปิดตำราเรียน ด้วยความฉงน
    พอจำได้ครูเคยบอกว่า มันอยู่ในยุคก่อนประวัติศาสตร์
    ผมจึงเข้าใจเอาว่า ผมต้องเรียนให้สูงกว่านี้ จึงจะรู้ประวัติของทวาราวดี...
    
    
    	


    ...นักศึกษาใช้โรงเรียนเป็นที่พักอาศัย ใกล้เปิดเทอมแล้ว 
    วันนี้กำลังจะเดินทางกลับกรุงเทพฯ
    ข้าวของเครื่องใช้หลายอย่าง นักศึกษาบางคนเอามาให้ผม
    ผมสุดแสนจะดีใจจนเนื้อเต้น ไอ้บ็อกเซอร์กระดิกหาง 
    มันคงหวังส่วนแบ่ง บางทีก็มีข้าวสารเหลือด้วย 
    ชาวบ้านมักมาเก็บของเหลือใช้จากนักศึกษาที่โรงเรียน
    แม้มันจะไม่มากมายนัก แต่ก็ช่วยให้มีกินมีใช้ได้บ้างระยะหนึ่ง...
    
    	


    ...นักศึกษากลับไปแล้ว เหลือไว้แต่เพียงอาคารเรียนที่ว่างเปล่า 
    ผมรู้สึกรันทดใจ เงียบเหงา แม่รื้อร้านค้า และไปขายของที่ตลาดแทน 
    พ่อไปเลี้ยงเป็ด พี่ชายก็ไปด้วย 
    ผมเดินไปดูบ่อขุดค้นที่นักศึกษาขุด เขาขุดเป็นชั้น ๆ เป็นขั้นบันได 
    สามารถเดินลงไปดูได้ ผมดูชั้นดินแต่ละชั้นด้วยความสนใจ 
    สีของดิน มีทั้งดำเข้ม แดง เขียว แม้จะไม่เด่นชัดนัก 
    แต่ก็แยกแยะได้ นักศึกษาเขาดูอะไร เขาศึกษาอะไรกัน 
    ชีวิตคนเรา ทำไมจะต้องมาดูดิน มาดูหิน ดูข้าวของเครื่องใช้โบร่ำโบราณ 
    เศษกระเบื้อง ที่ผมมักจะขว้างเล่นริมคลอง 
    มันแฉลบบนผิวน้ำ หลายครั้งก่อนจะจมลง 
    ผมมักจะแข่งขว้างกับพี่ชาย พี่ขว้างไกล
    และได้ตำแหน่งที่แฉลบมากกว่าผมเสมอ สวยงามยิ่งนัก 
    แม้ผมจะยังเด็ก แต่ผมก็อยากเรียนรู้ 
    อยากเก่งเหมือนพี่ เหมือนพ่อ เหมือนนักศึกษาที่มาขุดค้น...
    
    	


    ...ตีสาม ยี่สิบสามนาที 
    ของวันที่ สามสิบ มีนาคม พุทธศักราช สองพันห้าสี่สิบสี่...
    ...ยี่สิบกว่าปีแล้ว ผมยังคงเรียนรู้และใฝ่ศึกษา 
    ผมรับปริญญาสมใจแม่ พ่อจากไปก่อนที่จะเห็นความสำเร็จของลูก 
    ผมพาแม่ไปถ่ายรูปรับปริญญาที่สวนอัมพร 
    ผมถามตัวเองว่า 
    ผมค้นพบสิ่งที่ปรารถนาแล้วหรือยัง 
    ผมเลือกที่จะไม่ตอบตัวเองว่า 
    ผมเข้าใจชีวิตนี้แล้วหรือไม่ 
    ผมเกิดมาทำไม เกิดมาเพื่ออะไร 
    แม้แต่ตัวเอง ยังไม่สามารถตอบให้ตนเองได้ 
    ผมอยากถามประเทศนี้ว่า ให้ผมเกิดมาทำไม
    ผมอยากถามแผ่นดินนี้ว่า เลือกให้ผมเกิดมาเพื่ออะไร...
    
    ...คุณผู้อ่านที่รัก…
     งานเขียนชุดนี้ของผม คงตอบข้อสงสัยนี้ได้ดี 
    ............ผมเกิดมาเพื่อเป็น… นั ก เ ขี ย น …
    
    	
โดยคุณ : โก๋ 2000 ปี [วันศุกร์ที่ 30 มีนาคม 2544 - 21:28:23 น.]

กลับหน้าหลักครับ back to memu