จันทร์เจ้าขา ภาค ๒๐๖ ลุยละโว้…


    	เมื่อปีที่แล้วผมได้มีโอกาสเดินทางไปจังหวัดลพบุรี เมืองของพระนารายณ์ รู้สึกประทับใจ
     เลยมีเรื่องมาเล่าสู่กันฟังมากมาย แม่บ้านผมสอบปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลได้ ทางกรมส่งไป
    ประจำที่ ตำบลทะเลวังวัด อำเภอท่าหลวง จังหวัดลพบุรี หลังจากนั้นผมก็เดินทางขึ้นล่องบ่อย ๆ
    สมัยเด็กผมเคยไปเที่ยวลพบุรี ไปกราบขอพรจากเจ้าพ่อศาลพระกาฬ ไปเที่ยวสวนสัตว์
    สระแก้ว และอื่น ๆ อีกหลายที่ จำได้ว่าช่วงที่ไปนั้นเป็นงานฤดูหนาวด้วย มีของขายเยอะมาก แม้
    เวลาจะล่วงเลยมานานแล้วก็ตาม ภาพความรื่นเริง สนุก ยิ้มแย้มแจ่มใส ของชาวจังหวัดลพบุรีเป็นสิ่ง
    ที่สุดแสนจะประทับใจ
    	สมัยเรียนอยู่ชั้นประถม ทางโรงเรียนเคยจัดไปทัศนาจร น้ำตกวังกั้นเหลือง เป็นอีกที่หนึ่งที่
    ผมได้เคยลงไปแช่น้ำมาแล้ว ซึ่งห่างจากสถานที่ทำงานของแม่บ้านผม ไม่กี่กิโลเมตร
    พระปรางค์สามยอด ศาลพระกาฬ เราคงจะเคยได้ยินได้ฟังกันมา แต่เชื่อหรือไม่ว่า ลพบุรีมี
    สิ่งที่น่าสนใจอีกมากมาย ตามมาสิครับ ผมขอเชิญชวนไปลุยเมืองละโว้ด้วยกัน
    
    คำขวัญประจำจังหวัดลพบุรี 
    	วังนารายณ์คู่บ้าน ศาลพระกาฬคู่เมือง ปรางค์สามยอดลือเลื่อง เมืองแห่งดินสอพอง เขื่อน
    ป่าสักชลสิทธิ์เกริกก้อง แผ่นดินทองสมเด็จพระนารายณ์
    
    การปกครอง
    	จังหวัดลพบุรีแบ่งการปกครองออกเป็น 11 อำเภอ คือ อำเภอเมืองลพบุรี อำเภอโคกสำโรง 
    อำเภอบ้านหมี่ อำเภอชัยบาดาล อำเภอท่าวุ้ง อำเภอพัฒนานิคม อำเภอท่าหลวง อำเภอสระโบสถ์ 
    อำเภอโคกเจริญ อำเภอลำสนธิ และอำเภอหนองม่วง 
     
    อาณาเขต 
    	ทิศเหนือ ติดต่อกับจังหวัดเพชรบูรณ์ และนครสวรรค์
    	ทิศใต้ ติดต่อกับจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และสระบุรี
    	ทิศตะวันออก ติดต่อกับจังหวัดนครราชสีมา และชัยภูมิ
    	ทิศตะวันตก ติดต่อกับจังหวัดสิงห์บุรี อ่างทอง และนครสวรรค์
    
    
    	


    ประวัติศาสตร์จังหวัดลพบุรี
    	ลพบุรี เป็นเมืองสำคัญเก่าแก่เมืองหนึ่งตั้งแต่สมัยทวาราวดี (พุทธศตวรรษที่ 11-16) เคยอยู่
    ใต้อำนาจ มอญและขอมจนกระทั่งในตอนต้นของพุทธศตวรรษที่ 19 คนไทยจึงเริ่มมีอำนาจขึ้นใน
    ดินแดนแถบนี้ ในรัชสมัยของพระเจ้าอู่ทอง ปฐมกษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา ลพบุรีมีฐานะเป็นเมือง
    ลูกหลวง กล่าวคือ พระเจ้าอู่ทองได้โปรดให้พระราเมศวร ราชโอรสองค์ใหญ่เสด็จมาครองเมือง
    ลพบุรี เมื่อ พ.ศ. 1893 พระราเมศวรโปรดให้สร้างป้อม ขุดคู และสร้างกำแพงเมืองอย่างมั่นคง เมื่อ
    พระเจ้าอู่ทองสวรรคตใน พ.ศ. 1912 พระราเมศวรต้องถวายราชบัลลังก์ให้แก่พระปิตุลาของ
    พระองค์ ซึ่งได้ขึ้นครองราชย์พระนามว่า พระบรมราชาธิราชที่ 1 ส่วนพระราเมศวรครองเมือง
    ลพบุรีสืบต่อไป จนถึง พ.ศ. 1931 สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 สวรรคต พระราเมศวรจึงเสด็จขึ้น
    ครองราชย์ ณ กรุงศรีอยุธยาเป็นครั้งที่สอง 
    
    	หลังจากนั้นมาเมืองลพบุรีได้ลดความสำคัญลงไป จนกระทั่งมาถึงสมัยสมเด็จพระนารายณ์
    มหาราช (พ.ศ. 2199-2231) ลพบุรีได้รับการทำนุบำรุงครั้งใหญ่ สืบเนื่องมาจากการคุกคามของชน
    ชาติฮอลันดา ที่ติดต่อค้าขายกับไทย ทำให้สมเด็จพระนารายณ์ทรงเห็นว่า กรุงศรีอยุธยานั้นไม่สู้
    ปลอดภัยจากการ ปิดล้อมระดมยิงของข้าศึกหากเกิดสงคราม จึงได้สร้างเมืองลพบุรีเป็นราชธานีที่
    สองขึ้น เพราะลพบุรี มีลักษณะทางยุทธศาสตร์เหมาะสม ในการสร้างลพบุรีขึ้นใหม่ สมเด็จพระ
    นารายณ์มหาราชทรงได้รับ ความช่วยเหลือ จากช่างชาวฝรั่งเศสและอิตาเลียน และได้สร้าง
    พระราชวังและป้อมปราการเป็นแนวป้องกัน อย่างแข็งแรง สมเด็จพระนารายณ์มหาราชได้ประทับ
    อยู่ที่ลพบุรีเป็นส่วนใหญ่ สิ้นรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์ฯ แล้ว ลพบุรีก็หมดความสำคัญลง สมเด็จ
    พระเพทราชาได้ทรงย้าย หน่วยราชการทั้งหมดกลับกรุงศรีอายุธยา ในรัชกาลต่อๆ มา ก็ไม่ได้เสด็จ
    มาประทับที่เมืองนี้อีก จนกระทั่งถึงรัชกาลที่ 4 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ใน พ.ศ. 2406 โปรดฯ ให้
    บูรณะเมืองลพบุรี ซ่อมกำแพง ป้อม และ ประตูพระราชวังที่ชำรุดทรุดโทรม และสร้างพระที่นั่ง
    พิมานมงกุฎขึ้นใน พระราชวังเป็นที่ประทับ และพระราชทานนามว่า พระนารายณ์ราชนิเวศน์ 
    ลพบุรีจึงแปรสภาพเป็นเมืองสำคัญ อีกวาระหนึ่ง
    
    	ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ลพบุรีได้รับการทำนุบำรุงอีกครั้งหนึ่งในสมัย
    รัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม ซึ่งได้สร้างเมืองลพบุรีใหม่อันเป็นเมืองทหารอยู่ทางด้านทิศตะวัน
    ออกของทางรถไฟ มีอาณาเขตกว้างขวาง ส่วนเมืองเก่านั้นอยู่ทางด้านทิศตะวันตกของทางรถไฟ 
    เมืองลพบุรีจึงเป็นศูนย์กลางสำคัญ ทางยุทธศาสตร์เมืองหนึ่งในปัจจุบันนี้ลพบุรีอยู่ห่าง
    จากกรุงเทพฯ 153 กม. มีเนื้อที่ทั้งหมด 6,199.753 ตารางกิโลเมตร 
    
    	


    แหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดลพบุรี
    	1.พระนารายณ์ราชนิเวศน์ หรือที่ชาวลพบุรีเรียกว่าวังนารายณ์ สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2209 
    ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช โดยทรงสร้างเมืองลพบุรีให้สวยงาม มั่นคงแข็งแรง เสมือน
    ราชธานีแห่งที่สอง พระองค์ทรงโปรดพระราชวังแห่งนี้มาก ตามประวัติศาสตร์บันทึกไว้ว่าในปี
    หนึ่ง ๆ พระองค์เสด็จมาประทับอยู่ที่เมืองลพบุรีถึง 8-9 เดือน ปัจจุบันนี้ พระนารายราชนิเวศน์ได
    เหลือร่องรอยความงดงามของอาคารไว้ให้คนรุ่นหลังได้ชม โดยภายในเขตพระราชฐานแบ่งออก
    เป็น 3 ส่วน มีอาคารและสิ่งก่อสร้างที่สำคัญ ดังนี้      
    	1.1 พระที่นั่งสุทธาสวรรค์ เป็นเขตพระราชฐานชั้นใน เป็นสถานที่ซึ่งสมเด็จพระนารายณ์
    มหาราชเสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2231 ปัจจุบันเหลือร่องรอยน้อยกว่าพระที่นั่งอื่น ๆ 
    เพราะในสมัยต้นรัตนโกสินทร์มีการรื้อพระที่นั่งองค์นี้เพื่อเอาอิฐไปสร้างวัดสระเกศ
    	1.2 พระที่นั่งจันทรพิศาล เป็นสถานที่ซึ่งสมเด็จพระนารายณ์มหาราชใช้ในการออกว่า
    ราชการ แต่หลังรัชสมัยของพระองค์ พระที่นั่งแห่งนี้ได้ถูกทอดทิ้งจนชำรุดปรักหักพัง ส่วนอาคารที่
    เห็นในปัจจุบันเป็นอาคารที่ได้มีการซ่อมแซมบูรณะขึ้นใหม่ในสมัยสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว 
    ในปี 2399 
    	1.3 พระที่นั่งดุสิตสวรรค์ธัญมหาปราสาท เป็นพระที่นั่งท้องพระโรงสำหรับสมเด็จพระ
    นารายณ์มหาราชเสด็จออกต้อนรับคณะทูตานุทูตจากต่างประเทศ องค์พระที่นั่งนี้แบ่งออกเป็นสอง
    ส่วน คือ ส่วนหน้าเป็นมุขยื่นออกมาใช้เป็นท้องพระโรง ชาวฝรั่งเศสได้บันทึกถึงความโอ่อ่าของ
    ท้องพระโรงนี้ว่าฝาผนังประดับด้วยกระจกเงาซื้อมาจากฝรั่งเศส ส่วนเพดานนั้นประดับด้วยไม้แกะ
    สลักปิดทองประดับกระจก และส่วนหลังของพระที่นั่งเป็นห้องสี่เหลี่ยม ซึ่งแต่เดิมมีหลังคาทรง
    มณฑปยกพื้นสูง 2 ชั้น เจาะผนังด้านหน้าให้เป็นสีหบัญชรเพื่อให้สมเด็จพระนารายณ์มหาราช
    ปรากฏพระองค์ต่อผูคอยเฝ้าอยู่ในท้องพระโรง
    1.4 หมู่พระที่นั่งพิมานมงกุฎ สร้างในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็น
    ลักษณะคล้ายหมู่พระมณเฑียร คือมีพื้นที่ใช้สอยประโยชน์ทุกอย่างอยู่ภายใน คือ ห้องบรรทม ท้อง
    พระโรง ห้องเสวยพระกระยาหาร ห้องทรงพระอักษร ห้องเก็บอาวุธ แบบของสถาปัตยกรรมของ
    หมู่พระที่นั่งองค์นี้เป็นแบบตะวันตก แต่หลังคามุงกระเบื้องกาบูแบบจีน
    	1.5 ตึกพระประเทียบ เป็นอีกตึกหนึ่งที่สร้างในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว 
    มีทั้งหมดแปดหลัง เรียงเป็นสองแถวหลังหมู่พระที่นั่งพิมานมงกุฎ เป็นเขตพระราชฐานชั้นในของ
    พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ใช้เป็นที่พักของข้าราชการฝ่ายในผู้ตามเสด็จ
    	1.6 ตึกสิบสองท้องพระคลัง เป็นอาคารลักษณะคล้ายโรงเก็บของ คือมีหน้าต่างน้อยและ
    เป็นตึกแถวยาวสร้างเรียงชิดติดกันมีถนนแล่นกลาง รวมทั้งหมดมี 12 หลัง คงใช้เป็นสถานที่เก็บ
    สินค้า
    	1.7 ตึกพระเจ้าเหา เป็นหอพระประจำพระราชวัง และชื่อพระเจ้าเหาคงเป็นชื่อพระพุทธรูป
    สำคัญที่ประดิษฐานบนฐานชุกชี รอบตึกมีกำแพงแก้วเตี้ยกันอาณาเขตให้เป็นสัดส่วนและเจาะช่อง
    โค้งเล็ก ๆ ไว้เป็นที่วางตะเกียง ในปลายรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช พระเพทราชาได้ใช้ตึก
    นี้เป็นที่ว่าราชการยึดอำนาจ
    	1.8 ตึกเลี้ยงรับแขกเมือง ตั้งอยู่กลางอุทยาน รอบตึกมีสระน้ำล้อมรอบสามด้าน ในสระน้ำ
    เดิมมีน้ำพุพุ่งยี่สิบจุด สมเด็จพระนารายณ์มหาราชพระราชทานอาหารเพื่อเลี้ยงรับแขกเมือง ณ 
    อาคารหลังนี้
    	1.9 โรงช้างหลวง ตั้งเรียงเป็นแถวชิดกำแพง ที่เหลือร่องรอยให้เห็นมี 10 โรง ช้างในโรง
    ช้างนี้คงเป็นช้างหลวงหรือช้างสำคัญที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นช้างทรงของสมเด็จพระนารายณ์
    มหาราชหรือเจ้านายและขุนนางสำคัญ
    	1.10 ถังเก็บน้ำประปา เป็นที่เก็บกักน้ำ ตรงพื้นจะมีท่อน้ำดินเผาฝังอยู่เป็นจำนวนมาก เพื่อ
    จ่ายน้ำไปทั่วเขตพระราชฐาน น้ำที่นำมาเก็บกักไว้ในอ่างเก็บน้ำนี้ เป็นน้ำซึ่งไหลมาตามท่อดินเผา
    จากอ่างซับเหล็ก
    
    	2. วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ตั้งอยู่ตรงข้ามสถานีรถไฟจังหวัดลพบุรี เป็นวัดเก่าแก่ในสมัย
    โบราณและได้รับการบูรณะปฏิสังขรณ์สืบมาหลายยุคหลายสมัย ศิลปกรรมที่ปรากฏจึงมีความแตก
    ต่างกัน แต่สิ่งหนึ่งซึ่งมีความสวยงามอลังการณ์มากคือ พระปรางค์ประธาน โดยองค์ปรางค์ก่อด้วย
    ศิลาแลงโบกปูน มีเครื่องประดับเป็นพระพุทธรูปและพุทธประวัติ อายุประมาณ พ.ศ. 1800      
    
    	3. บ้านหลวงรับราชทูตหรือบ้านวิชาเยนทร์ ตั้งอยู่บนถนนวิชาเยนทร์ เป็นบ้านที่สมเด็จพระ
    นารายณ์มหาราชใช้รับรองราชทูตต่างประเทศที่มาเข้าเฝ้า และต่อมามีชาวกรีกชื่อ คอนสแตนติน 
    ฟอลคอน ได้เข้ามารับราชการและได้รับความดีความชอบ ทรงแต่งตั้งเป็น เจ้าพระยาวิชาเยนทร์ 
    และได้พระราชทานที่พักให้ทางด้านทิศตะวันตกของบ้านหลวงรับราชทูต ลักษณะของ
    สถาปัตยกรรมบ้านหลวงรับราชทูตบางหลังเป็นยุโรปอย่างแท้จริง โดยเป็นสถาปัตยกรรมแบบเรอ
    เนสซองส์ซึ่งแพร่หลายในสมัยนั้น นอกจากนั้นในส่วนของอาคารบางหลังยังเป็นการผสมผสานกัน
    ของสถาปัตยกรรมแบบไทยและสถาปัตยกรรมแบบตะวันตก ซึ่งมีความสวยงามมาก
    
    	4. เทวสถานปรางค์แขก เป็นโบราณสถานที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดของลพบุรี ตั้งอยู่ใกล้กับพระ
    นารายณ์ราชนิเวศน์ เป็นปรางค์ก่อด้วยอิฐ 3 องค์ ไม่มีฉนวนเชื่อมต่อกัน เป็นศิลปเขมรแบบพะโค 
    อายุราวพุทธศตวรรษที่ 15 (พ.ศ. 1425-1536) 
    
    	5. พระปรางค์สามยอด ตั้งอยู่ด้านทิศตะวันตกของทางรถไฟใกล้กับศาลพระกาฬ ลักษณะ
    เป็นปรางค์เรียงต่อกัน 3 องค์ มีฉนวนทางเดินเชื่อมต่อกัน ปรางค์องค์กลางสูงประมาณ 21.5 เมตร 
    เป็นศิลปะเขมรแบบบายน มีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 18 ก่อด้วยศิลาแลงและตกแต่งลวดลายปูนปั้นที่
    สวยงามพระปรางค์สามยอดนี้เดิมคงเป็นเทวสถานของขอมในพุทธศาสนาลัทธิมหายาน ต่อมาได้
    ดัดแปลงเป็นเทวสถานโดยมีฐานศิวลึงค์ปรากฎอยู่ในองค์ปรางทั้ง 3 องค์ จนกระทั่งถึงรัชสมัย
    สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ได้บูรณะปฏิสังขรณ์ให้เป็นวัดในพระพุทธศาสนา แล้วสร้างพระวิหาร
    ก่อด้วยอิฐ ลักษณะสถาปัตยกรรมแบบอยุธยาผสมแบบยุโรปในส่วนของประตูและหน้าต่าง ภายใน
    วิหารประดิษฐานพระพุทธรูปหินทรายปางมารวิชัยศิลปะแบบอยุธยาตอนต้น       
    
    
    	


    	6. ศาลพระกาฬ ตั้งอยู่ริมทางรถไฟด้านทิศตะวันออก เดิมเรียกว่า ศาลสูง เป็นเทวสถาน
    เก่าของขอมสร้างด้วยศิลาแลงเรียงซ้อนกันเป็นฐานสูง มีลักษณะเป็นปรางค์เดี่ยวขนาดใหญ่ ผังเป็น
    รูปสี่เหลี่ยมจตุรัสมีมุขยื่นด้านหน้า มีบันไดขึ้นลง 4 ด้าน เรือนธาตุหรืองค์ปรางค์พังหมดแล้ว อายุ
    ประมาณต้นพุทธศตวรรษที่ 16 มีทับหลังสลักรูปพระนารายณ์บรรทมสินธุ์ ทำด้วยศิลาทราย 1 แผ่น 
    อายุราวพุทธศตวรรษที่ 17 วางอยู่ติดฝาผนังวิหารหลังเล็กชั้นบน และยังพบหลักศิลาจารึกแปด
    เหลี่ยมจารึกอักษรมอญโบราณด้วย ด้านหน้าเป็นศาลาที่สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2494 โดยสร้างทับบน
    รากฐานเดิมในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ภายในวิหารประดิษฐานพระรูปประติมากรรมลอย
    ตัว 4 กร ไม่มีเศียร อาจจะเป็นเทวรูปพระนารายณ์ศิลปะแบบลพบุรี หรือรูปพระโพธิสัตว์อวโลกิเต
    ศวร ภายหลังมีผู้นำเศียรพระพุทธรูปศิลาทรายสมัยกรุงศรีอยุธยามาสวมต่อไว้ให้เป็นที่เคารพ
    สักการะของประชาชนทั่วไป นอกจากนี้แล้ว ที่ศาลพระกาฬยังมีสิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่ง คือฝูงลิง
    ซึ่งมีอยู่มากกว่า 300 ตัว กล่าวกันว่าเดิมบริเวณโดยรอบศาลพระกาฬร่มรื่น เต็มไปด้วยต้นกร่าง
    ขนาดใหญ่ มีฝูงลิงอาศัยมากมาย       
    
    	7. วัดเสาธงทอง ตั้งอยู่บนถนนฝรั่งเศส ซึ่งตัดเชื่อมระหว่างพระนารายณ์ราชนิเวศน์กับบ้าน
    หลวงรับราชทูต มีโบราณสถานที่น่านสนใจคือ พระวิหาร ซึ่งเดิมเป็นที่ประกอบพิธีทางศาสนาอิส
    ลามของชาวเปอร์เซีย นอกจากนั้นยังมีตึกปิจู ตึกคชสารหรือตึกโคระส่าน เป็นตึกเก่าสันนิษฐานว่า
    ใช้เป็นที่พำนักแขกเมืองและราชทูตต่างประเทศชาวเปอร์เซีย ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
    
    	8. ศาลหลักเมืองหรือศาลลูกศร ตั้งอยู่บนถนนสายริมน้ำหลังวัดปืนใหญ่ ใกล้กับบ้านวิ
    ชาเยนทร์ ตัวศาลาเป็นตึกเล็ก ๆ มีเนื้อที่ประมาณ 12 ตารางเมตร มีแท่งหินแท่งหนึ่งโผล่เหนือระดับ
    พื้นดินขึ้นมาสูงประมาณ 1 เมตร เป็นศาลเจ้าหลักเมืองโบราณที่เรียกว่า ศาลลูกศร
    
    	9. วัดนครโกษา ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของสถานีรถไฟลพบุรีด้านทิศตะวันออก ใกล้กับศาล
    พระกาฬ ลักษณะเป็นเจดีย์องค์ใหญ่สมัยทวารวดี พระปรางค์สมัยลพบุรี อายุราวพุทธศตวรรษที่ 17 
    อยู่ด้านหน้า คำว่า นครโกษา มีผู้สันนิษฐานว่า เจ้าพระยาโกษาธิบดี (เหล็ก) ในสมัยสมเด็จพระ
    นารายณ์มหาราช เป็นผู้บูรณะ จึงเรียกชื่อวัดว่า วัดนครโกษา ตามราชทินนาม
    
    	10. วัดสันเปาโล ตั้งอยู่บนถนนร่วมมิตร สร้างขึ้นในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช 
    เป็นวัดของบาทหลวงเยซูอิต มีหอดูดาวแปดเหลี่ยม สูง 3 ชั้น สร้างแบบเดียวกับหอดูดาวที่ประเทศ
    ฝรั่งเศส ใช้เป็นที่สังเกตปรากฎการณ์ทางดาราศาสตร์ กล่าวได้ว่า เป็นหอดูดาวแห่งแรกของประเทศ
    ไทย และเป็นหอดูดาวที่ทันสมัยแห่งแรกของทวีปเอเซีย คำว่า สันเปาโล คงเพี้ยนมาจากคำว่า 
    เซ็นตปอล หรือ เซ็นทเปาโล ชาวบ้านมักเรียกว่า ตึกสันเปาหล่อ 
    
    	11. วัดมณีขลขัณฑ์ ตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันตกของตลาดท่าโพธิ์ สร้างขึ้นในสมัยพระบาท
    สมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สิ่งที่น่าสนใจ คือ พระเจดีย์ทรงแปลก ก่อเป็นเหลี่ยมสูงชะลูดขึ้นไป 
    คล้ายกับเจดีย์เหลี่ยมสมัยเชียงแสน (ล้านนา) แต่ตรงมุมมีการย่อมุมไม้สิบสอง ทำเป็น 3 ขั้น มีซุ้ม
    ประตูยอดแหลมด้านข้างทั้ง 4 ด้านทุกชั้น นอกจากนี้ภายในวัดยังมีต้นโพธิ์ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระ
    จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเพาะเมล็ดและนำมาปลูกไว้
    
    	12. วัดตองปุ ตั้งอยู่ด้านหลังโรงเรียนพิบูลวิทยาลัย ในอดีตเป็นที่ชุมนุมกองทัพไทย ในวัด
    ตองปุมีโบราณสถานและโบราณวัตถุที่น่าสนใจหลายอย่าง เช่น พระอุโบสถทรงไทยที่มีฐานอ่อน
    โค้ง วิหารมีลักษณะเป็นสถาปัตยกรรมแบบสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช คือ หน้าต่อและประตู
    เป็นช่องโค้งแหลม นอกจากนี้ยังมีเจดีย์ลักษณะคล้ายกับเจดีย์หลวงพ่อแสงวัดมณีชลขัณฑ์ แต่มี
    ขนาดเล็กกว่า และยังเป็นโบราณวัตถุที่สำคัญเหลืออยู่เพียงชิ้นเดียวในเมืองไทย คือ ที่สรงน้ำพระ
    โบราณ หรือที่เรียกกันว่า น้ำพุสรงน้ำพระเก็บรักษาไว้ที่วัดแห่งนี้
    
    	


    	13. สวนสัตว์ลพบุรี ตั้งอยู่หลัง โรงภาพยนตร์ทหารบก สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2483 สมัยจอม
    พล ป. พิบูลสงคราม มีบริเวณร่มรื่นกว้างขวาง มีสัตว์ต่าง ๆ มากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นที่อยู่
    ของลิงอุรังอุตังชื่อดัง ไมค์ และ ซูซู เหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจ เปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 08.00 
    น. - 17.30 น. ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 10 บาท เด็ก 5 บาท
    
    	14. วัดชีป่าสิตาราม ตั้งอยู่ริมถนนนารายณ์มหาราช ตำบลทะเลชุบศร ไม่ปรากฎว่าสร้างใน
    สมัยใด ภายในวัดมีเจดีย์ทรงระฆังศิลปะสมัยอยุธยา และมีการรักษาโรคด้วยการอบสมุนไพร และ
    นวดแผนโบราณ โดยชมรมสมุนไพร โทร. (036) 612900 เปิดบริการระหว่างเวลา 08.00 น. - 16.00 
    น.
    
    	15. พระที่นั่งไกรสรสีหราช (พระที่นั่งเย็นหรือตำหนักทะเลชุบศร) ตั้งอยู่ที่ตำบลทะเลชุบ
    ศร ห่างจากตัวเมืองประมาณ 4 กม. พระที่นั่งแห่งนี้เป็นที่ประทับในฤดูร้อนของสมเด็จพระนารายณ์
    มหาราช ณ เมืองลพบุรี องค์พระที่นั่งตั้งอยู่บนเกาะกลางทะเลชุบศร มีเขื่อนหินถือปูนล้อมรอบ 
    ลักษณะทางสถาปัตยกรรมเป็นพระที่นั่งชั้นเดียว ก่ออิฐถือปูน สภาพปัจจุบันคงเหลือกำแพงและ
    ผนัง ส่วนทะเลชุบศรในสมัยโบราณนั้นเป็นที่ลุ่มมีน้ำขังอยู่ตลอด สมเด็จพระนารายณ์มหาราชทรง
    พระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ทำทำนบใหญ่กั้นน้ำไว้เพื่อชักน้ำจากทะเลชุบศรผ่านท่อน้ำดินเผาไปยัง
    เมืองลพบุรี ปัจจุบันยังเห็นเป็นสันดินปรากฏอยู่ นอกจากนั้น พระที่นั่งเย็นยังเป็นสถานที่มีความ
    สำคัญทางดาราศาสตร์ สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ทรงใช้เป็นที่สำรวจจันทรุปราคา เมื่อวันที่ 11 
    ธันวาคม 2228 และทอดพระเนตรสุริยุปราคา เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2231 ร่วมกับคณะทูตและบาท
    หลวงจากประเทศฝรั่งเศสที่พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ส่งมาเจริญสัมพันธไมตรี
    
    	16. พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ตั้งอยู่บนถนนนารายณ์มหาราช ที่
    กลางวงเวียนเทพสตรีมีพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนารายณ์มหาราช เป็นรูปปั้นในท่าประทับ
    ยืน ผินพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออก พระหัตถ์ขวาทรงพระแสงดาบ ทอดพระบาทซ้าออกมาข้าง
    หน้าเล็กน้อย ที่ฐานพระบรมราชานุสรณ์ได้จารึกพระเกียรติคุณของพระองค์ไว้      
    
    	17. วัดยาง ณ รังสี ตั้งอยู่ตำบลตะลุง ริมฝั่งแม่น้ำลพบุรี ด้านทิศตะวันออก ด้านหน้าติดทาง
    หลวงสายลพบุรี - บางปะหัน อยู่ห่างจากตัวเมืองไปทางทิศใต้ประมาณ 9 กม. เดิมเรียกว่า วัดพญา
    ยาง เนื่องจากภายในบริเวณวัดมีต้นยางยักษ์ใหญ่ตระหง่านเป็นสัญลักษณ์ท่ามกลางดงต้นยาง
    สันนิษฐานว่าเดิมเป็นวัดโบราณอยู่กลางป่า น่าจะอายุตั้งแต่สมัยละโว้ เพราะมีประติมากรรมหิน
    ทรายประดิษฐานอยู่ภายในอุโบสถของวัด คือ พระพุทธรูปปางนาคปรก 2 องค์ พระพุทธรูปปาง
    มารวิชัย 1 องค์ และพระพุทธรูปปางสมาธิ 1 องค์ เป็นเนื้อหินทราย และหนุมาน (หินสีเขียว) รูป
    ทรงเป็นแบบสมัยของเรืองอำนาจ ต่อมาในสมัยกรุงศรีอยุธยา ได้มีการบูรณะปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่ 
    และเปลี่ยนชื่อใหม่ถึง 2 ครั้ง เป็นวัดยางศรีสุธรรมาราม แล้วเป็นวัดยาง ณ รังสี จนถึงปัจจุบันนี้
    
    	18. พิพิภัณฑ์เรือพื้นบ้าน ตั้งอยู่ที่ศาลาการเปรียญหลังเก่าภายในวัดยาง ณ รังสี เป็นศาลา
    การเปรียญไม้ สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2470 ตั้งอยู่ริมแม่น้ำลพบุรี ศาลาหลังนี้ได้รับรางวัลอนุรักษ์
    สถาปัตยกรรมดีเด่น ในปี พ.ศ. 2536 ลักษณะเป็นสถาปัตยกรรมแบบศาลาวัดในชนบทของภาค
    กลางในประเทศไทย ทั้งนี้ผู้สร้างจำลองแบบมาจากภาพศาลาที่อยู่ด้านหลังธนบัตรใบละ 1 บาท ที่
    พิมพ์ในสมัยรัชกาลที่ 8 ซึ่งนับวันจะหาดูได้ยาก ต่อมาได้มีการบูรณะซ่อมแซมแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 
    2531 โครงการพิพิธภัณฑ์เรือพื้นบ้านจึงได้เกิดขี้นและนับเป็นพิพิธภัณฑ์เรือพื้นบ้านแห่งแรกของ
    ประเทศไทย การเดินทาง ใช้เส้นทางสายลพบุรี - บางปะหัน (ถนนเลียบคลองชลประทาน) จนถึง 
    กม.ที่ 9 วัดจะอยู่ด้านขวามือ มีรถโดยสารประจำทางสายลพบุรี-บ้านแพรก ออกจากสถานีขนส่ง 
    ระหว่างเวลา 05.30 - 17.30 น.
    
    	19. วัดเขาพระงาม หรือ วัดสิริจันทรนิมิต ตั้งอยู่ในเขตตำบลเขาพระงาม เดิมเป็นวัดร้าง 
    สร้างมาแต่สมัยใดไม่ปรากฎ ต่อมาปี พ.ศ. 2455 เจ้าอาวาสวัดบรมนิวาสพระนคร กับพระสงฆ์ 2 รูป 
    ได้ธุดงค์มาพักที่วัดนี้แล้วเห็นว่ามีภูมิประเทศดี จึงสร้างพระพุทธรูปขึ้นที่ไหล่เขา ขนาดหน้าตัก
    กว้าง 11 วา สูงจากหน้าตักถึงยอดพระเศียร 18 วา เส้นพระศกทำด้วยไหกระเทียมและถวาพระนาม
    ว่า พระพุทธนฤมิตรมัธยมพุทธกาล จนถึงทุกวันนี้ การเดินทางใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 1 
    (ลพบุรี - โคกสำโรง) ระยะทางประมาณ 12 กม. จากศาลากลางจังหวัดลพบุรี เมื่อเดินทางเข้าใกล้
    บริเวณวัด จะแลเห็นพระพุทธรูปสีขาว เด่นตระหง่านอยู่บนเชิงเขา มีรถโดยสารประจำทางสาย
    ลพบุรี-เขาพระงาม-ศูนย์การบิน ผ่านหน้าวัด บริการระหว่างเวลา 06.00 - 20.30 น. ต้นทางอยู่ที่วัด
    พรหมมาสตร์
    
    	20. หอไตรวัดท่าแค อยู่ภายในวัดท่าแค เป็นหอไตรที่เก็บพระธรรมของชุมชน ลาวหล่ม 
    ซึ่งโดยปกติจะสร้างบนเสาสูงในสระน้ำ แต่หอไตรที่วัดท่าแคนี้ มีลักษณะแปลกกว่าที่อื่น คือ สร้าง
    เป็นเรือนไม้ ตั้งอยู่นนเสาสูง ทรงจตุรมุข มีหลังคาชั้นทรงจตุรมุข และหลังคารูปหอคอยอยู่กึ่งกลาง 
    เลียนแบบหลังคาทรวงปราสาท ตกแต่งหลังคาและซุ้มระเบียงแผ่นไม้แกะสลักแบบตะวันตก ฝา
    ผนังเป็นฝาไม้พับได้แบบจีน เรียกว่า ฝาเฟี้ยม แกะสลักลวดลายแบบตะวันตก บางส่วนติดกระจกสี 
    หอไตรหลังนี้จึงมีลักษณะสถาปัตยกรรมผสมผสานกันระหว่างไทยและตะวันตก การเดินทางใช้
    เส้นทางเลียบคลองชลประทาน (สะพาน 6 - อำเภอบ้านหมี่) จนถึงสถานีรถไฟท่าแคเลี้ยวขวาข้าม
    สะพานประมาณ 1 กม. วัดท่าแคอยู่ทางด้านซ้ายมือ นอกจากนี้ยังมีรถโดยสารประจำทางสายลพบุรี 
    - วัดท่าแค บริการระหว่างเวลา 06.00 - 18.00 น.
    
    	


    	21. อ่างเก็บน้ำซับเหล็ก อยู่ในเขตตำบลโคกตูม เป็นอ่างเก็บน้ำธรรมชาติ มีมาแต่โบราณ ใน
    สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ชาวฝรั่งเศสและอิตาเลี่ยน เป็นผู้วางท่อส่งน้ำ
    ดินเผาจากอ่างซับเหล็กเข้าไปในเขตพระราชฐาน และในสมัยจอมพล ป.พิบูลสงคราม มีการสร้าง
    เขื่อนดินกักน้ำเพื่อเก็บไว้ใช้ในการเกษตร ต่อมามีการสร้างถนนรอบอ่างเก็บน้ำ มีศาลาชมทิวทัศน์ 
    สามารถมองเห็นเขาจีนแล ทัศนียภาพสวยงามมาก 
     
    	22. วัดถ้ำพระธาตุ ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาเก้าชั้น ซอย 3 ตำบลโคกตูม มีเนื้อที่ประมาณ 18 ไร่ 
    เมื่อปี พ.ศ. 2497 มีพระธุดงค์รูปหนึ่งมาอาศัยอยู่ภายในถ้ำ ซึ่งมีหินงอกหินย้อยงดงามมาก สภาพภาย
    ในถ้ำมีก้อนหินขนาดต่าง ๆ เต็มพื้นถ้ำ เมื่อนำมาทุบให้แตกจะพบแร่ธาตุขนาดเท่าเมล็ดข้าวสาร จึง
    ทดลองนำไปใส่ในน้ำส้มสายชู เกิดฟองฟู่ ท่านจึงตั้งชื่อถ้ำนี้ว่า ถ้ำพระธาตุ นอกจากนี้ยังพบเขี้ยวเสือ 
    กระดูกสะโพกช้าง ภายในถ้ำด้วย ต่อมาเมื่อมีการสร้างวัด ได้ก่อสร้างบันไดสำหรับขึ้นไปยังถ้ำ 236 
    ขั้น
    
    	23. เขาเก้าชั้น อยู่ด้านหลังวัดถ้ำพระธาตุ มีเนื้อที่ประมาณ 10 ตารางกิโลเมตร จากคำบอก
    เล่าของพรานเก่า สันนิษฐานว่า ตั้งชื่อตามหมู่บ้านเก้าชั้น ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่อพยพมาจากอำเภอพระ
    พุทธบาท จังหวัดสระบุรี สภาพป่าเขาเก้าชั้นยังคงเป็นป่าทึบ ประกอบด้วยต้นประดู่ มะค่าโมง 
    ตะแบก งิ้ว เป็นส่วนใหญ่ มีหนองน้ำใหญ่ 3 แห่ง มีสัตว์ป่าที่ชาวบ้านเคยพบเห็น คือ ลิงก้นแดง เสือ
    ปลา เม่น หมูป่า เก้ง กระจง อีเห็น และนกนานาชนิด
    
    สถานที่ท่องเที่ยวในเขตอำเภอท่าวุ้ง
    	1. วัดไลย์ อยู่ริมน้ำบางขาม ตำบลเขาสมอคอน ที่วัดไลย์นี้ มีรูปพระศรีอาริย์ ซึ่งเป็นของ
    สำคัญที่มีผู้คนนับถือกันมาแต่โบราณ นอกจากนี้ยังมีสิ่งที่น่าสนใจอีกหลายอย่าง เช่น ศาลาริมน้ำซึ่ง
    รัชกาลที่ 5 เสด็จประพาสวัดไลย์ทางน้ำ วิหารเก้าห้อง สถาปัตยกรรมแบบอยุธยาตอนต้น คือ มี
    ลักษณะเจาะช่องผนังแทนหน้าต่าง ภายในมีพระประธานขนาดใหญ่ปางมารวิชัย ลงรักปิดทอง มีซุ้ม
    เรือนแก้วแบบพระพุทธชินราช จังหวัดพิษณุโลก ที่ด้านหน้าและด้านหลังของพระวิหาร มีภาพปูน
    ปั้นเรื่องทศชาติ และเรื่องปฐมสมโพธิ ซึ่งนับได้ว่าเป็นภาพประติมากรรมฝาผนังขนาดใหญ่ที่มี
    ความสำคัญยิ่งชิ้นหนึ่งของชาติ การเดินทาง ใช้เส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 311 (ลพบุรี-
    สิงห์บุรี) แล้วเลี้ยวขวาเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 3028 ตรงสี่แยกไฟแดง (กม.ที่ 18) เข้าไปอีกระยะ
    ทางประมาณ 6 กม. มีรถโดยสารประจำทางผ่านหลายสาย คือ สายลพบุรี-ท่าโขลง, สายโคกสำโรง-
    บ้านหมี่ และสายสิงห์บุรี-บ้านหมี่
    
    	2. เขาสมอคอน ตั้งอยูเขตตำบลเขาสมอคอน เป็นเทือกเขาที่มีความสำคัญด้านประวัติ
    ศาสตร์ มีตำนานเก่าแก่เกี่ยวกับเขาสมอคอนอยู่หลายเรื่องที่น่าสนใจ จากหนังสืออักขรานุกรม
    ภูมิศาสตร์ ฉบับราชบัณฑิตยสถาน กล่าวไว้ว่า เขาสมอคอน เป็นที่อยู่ของสุกกทันตฤาษี อาจารย์
    ของพระเจ้ารามคำแหงมหาราช และพระยางำเมือง กษัตริย์เมืองพะเยา ซึ่งน่าจะเป็นราชวงศ์หนอง
    แส โยนก เชียงแสน ทั้ง 2 พระองค์ เพราะเมื่อทรงพระเยาว์ ได้เสด็จมาศึกษาศิลปวิทยาที่เขาสมอ
    คอนนี้ ซึ่งสมัยนั้นเป็นกษัตริย์เมืองลพบุรีก็เป็นราชวงศ์เดียวกัน...
    วัดที่สำคัญบนเทือกเขานี้ 4 วัดด้วยกัน คือ วัดบันไดสามแสน มีโบราณสถานคือ วิหารอยู่หน้าถ้ำ
    และพระอุโบสถเก่า สถาปัตยกรรมสมัยอยุธยา วัดถ้ำตะโกพุทธโสภา มีพระอุโบสถสร้างเมื่อปี พ.ศ. 
    2457 ภายในมีจิตรกรรมฝาผนังเรื่องพุทธประวัติ ที่วิหารมีจิตรกรรมฝาผนัง ศิลปะแบบพม่า และ
    เจดีย์ทรงเรือสำเภา วัดถ้ำช้างเผือก บริเวณเชิงเขามีทำนบดินและอ่างเก็บน้ำโบราณ ประมาณว่าสร้าง
    ในพุทธศตวรรษที่ 18 ร่วมสมัยกับอ่างเก็บน้ำและทำนบดินที่ตำบลทะเลชุบศร วัดเขาสมอคอน มี
    เจดีย์ย่อมุมไม้สิบสอง ที่ทำบัวกลุ่มรองรับองค์ระฆังเป็นเจดีย์แบบนิยมของสมัยอยุธยา จนถึงสมัย
    รัตนโกสินทร์ และใต้เจดีย์มีถ้ำเล็ก ๆ เรียกว่า ถ้ำพระนอน ภายในมีพระพุทธไสยาสน์ประดิษฐานอยู่ 
    รัชกาลที่ 5 เคยเสด็จประพาสเมื่อปี พ.ศ. 2448 การเดินทาง ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 311 (สาย
    ลพบุรี-สิงห์บุรี) ถึง กม.ที่ 18 เลี้ยวขวาเข้าสู่เส้นทางหลวงหมายเลข 3028 ตรงสี่แยกไฟแดงเข้าไปอีก
    ประมาณ 12 กม. มีรถโดยสารประจำทางผ่าน ทางเข้าเขาสมอคอนบริเวณตลาดท่าโขลงหลายสาย 
    คือ สายลพบุรี-ท่าโขลง สายโคกสำโรง-บ้านหมี่ และสายสิงห์บุรี-บ้านหมี่ หลังจากนั้นต้องเหมารถ
    สองแถวหรือรถมอเตอร์ไซด์รับจ้างเข้าไปจากปากทาง
    
    สถานที่ท่องเที่ยวในเขตอำเภอบ้านหมี่
    	1. วัดธรรมมิการาม หรือ วัดค้างคาว เป็นวัดเก่าแก่ตั้งอยู่ริมน้ำบางขามด้านฝั่งตะวันตกของ
    อำเภอบ้านหมี่ ใกล้ทางเข้าวัดไลย์ (อำเภอท่าวุ้ง) เดิมมีค้างคาวอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก สิ่งที่น่าสนใจ 
    คือ ภาพเขียนที่ผนังโบสถ์เรื่องพุทธประวัติ ทั้ง 4 ด้าน มีลักษณะการเขียนภาพแบบตะวันตกเข้ามา
    ปะปนอยู่บ้าง เช่น การแรเงาต้นไม้ เป็นภาพเขียนในสมัยรัชการที่ 4 ฝีมือช่างพื้นบ้านที่งดงามมาก 
    การเดินทางใช้เส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 311 (สายลพบุรี-สิงห์บุรี) แล้วเลี้ยวขวาเข้าสู่ทาง
    หลวงหมายเลข 3028 ตรง กม.ที่ 18 (เส้นทางเดียวกับทางเข้าวัดไลย์)
    
    	2. วัดเขาวงกต ตั้งอยู่ที่เชิงเขาสนามแจง ห่างจากตัวอำเภอบ้านหมี่ ประมาณ 4 กม. สถานที่
    น่าชมของวัดนี้ คือ ถ้ำค้างคาว ซึ่งอยู่บนไหล่เขาด้านเหนืออุโบสถ เป็นถ้ำค้างคาวที่ใหญ่ที่สุดใน
    ลพบุรี ภายในถ้ำมีค้างคาวนับล้าน ๆ ตัว แต่ละปีมูลค้างคาวทำรายได้ให้วัดเป็นจำนวนมาก ช่วงเวลา 
    18.00 น. ค้างคาวจะพากันบินกรูออกจากปากถ้ำอย่างมืดฟ้ามัวดิน เพื่อออกหากิน และเห็นเป็นสาย
    ยาวคล้ายกับควันที่พุ่งออกมาจากปล่องโรงสีไฟ เป็นเวลานานประมาณ 1-2 ชม. จึงจะหมด การเดิน
    ทาง ใช้เส้นทางหมายเลข 311 (ลพบุรี-สิงห์บุรี) เช่นเดียวกับวัดท้องคุ้ง จะถึงก่อนเข้าตัวอำเภอ
    บ้านหมี่ ประมาณ 4 กม. มีบริการรถโดยสารประจำทางสายลพบุรี-บ้านหมี่ ลงรถที่สถานีขนส่ง
    บ้านหมี่ แล้วเหมารถรับจ้างจากตลาดบ้านหมี่เข้าไปยังวัดอีกครั้ง
    
    สถานที่ท่องเที่ยวในเขตอำเภอโคกสำโรง
    	เขาวงพระจันทร์ ตั้งอยู่ในเขตตำบลห้วยโป่ง ห่างจากตัวเมืองลพบุรีประมาณ 28 กม. ตาม
    เส้นทางพหลโยธิน ตรงหลักกิโลเมตรที่ 178 มีทางแยกเลี้ยวขวาอีก 5 กม. จะถึงเขาวงพระจันทร์
    บริเวณเชิงเขาเป็นที่ตั้งของวัดเขาวงพระจันทร์ มีทางบันไดขึ้นสู่ยอดเขาประมาณ 3,890 ขั้น ยอดเขา
    นี้สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 650 เมตร ได้ชื่อว่าเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในลพบุรี ช่วง
    เทศกาลเดือน 3 ประชาชนทั้งใกล้และไกลจะหลั่งไหลกันมานมัสการรอยพระพุทธบาท และพระ
    พุทธรูปบนยอดเขานี้อย่างเนืองแน่น การเดินทางไปยังเขาวงพระจันทร์ สามารถเดินทางโดยรถ
    โดยสารประจำทางจากสถานีขนส่งลพบุรี สายลพบุรี-โคกสำโรง ผ่านทางหน้าวัดและเหมารถรับ
    จ้างจากปากทางเข้าวัดเข้าไปอีกประมาณ 5 กม.
    
    
    	


    สถานที่ท่องเที่ยวในเขตอำเภอพัฒนานิคม
    	1.ทุ่งทานตะวัน อยู่ในเขตอำเภอเมืองลพบุรี ชัยบาดาลและอำเภอพัฒนานิคม โดยมีพื้นที่
    ปลูกประมาณ 200,000-300,000 ไร่ โดยบริเวณที่ปลูกมากได้แก่ บริเวณเขาจีนแล ใกล้วัดเวฬุวัน 
    ตำบลโคกตูม อำเภอเมืองลพบุรี การเดินทางใช้เส้นทางถนนพหลโยธิน (ลพบุรี-สระบุรี) ถึง
    กิโลเมตรที่ 4 เลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงหมายเลข 3017 (ทางไปตำบลโคกตูม) ระยะทางประมาณ 8 
    กม. จะถึงทางเข้าวัดเวฬุวัน (ด้านซ้ายมือ) เลี้ยวเข้าไปอีกประมาณ 2 กม. ท่านจะได้สัมผัสกับทุ่ง
    ทานตะวันเหลืองอร่ามสุดลูกหูลูกตา นอกจากนั้นตามเส้นทางที่จะไปอำเภอพัฒนานิคมจะมีการ
    ปลูกทานตะวันตลอดเส้นทาง
    
    	2.เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เป็นโครงการพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ตั้งอยู่ที่
    ตำบลหนองบัว อำเภอพัฒนานิคม เป็นเขื่อนดินที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีทัศนียภาพอันสวยงาม 
    และยังเป็นที่ตั้งของ พิพิธภัณฑ์ลุ่มน้ำป่าสัก ซึ่งจัดแสดงเนื้อหาความรู้ด้านธรรมชาติและวัฒนธรรม
    ในบริเวณพื้นที่อ่างเก็บน้ำ นอกจากนี้ ยังมีเส้นทางรถไฟตัดผ่านบริเวณอ่างเก็บน้ำเหนือเขื่อนหลาย
    ช่วง ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถนั่งรถไฟชมทัศนียภาพอันสวยงามได้ด้วย       
    
    	


    สถานที่ท่องเที่ยวในเขตอำเภอชัยบาดาล
    	1.สวนรุกขชาติน้ำตกวังก้านเหลือง ตั้งอยู่ที่หมู่ 4 ตำบลท่าดินดำ การเดินทางจากตัวเมือง
    ลพบุรีใช้เส้นทางสายลพบุรี-โคกสำโรง (ทางหลวงหมายเลข 1) -ชัยบาดาล (ทางหลวงหมายเลข 
    205) ถึงบริเวณที่บรรจบกับทางหลวงหมายเลข 21 แล้วต่อเข้าทางหลวงหมายเลข 21 แล้วต่อเข้าทาง
    หลวงหมายเลข 2089 ไปอำเภอท่าหลวงประมาณ 12 กม. เลี้ยวซ้ายเข้าตัวน้ำตกอีกประมาณ 7 กม. 
    น้ำตกวังก้านเหลืองนี้ มีน้ำไหลตลอดทั้งปี เนื่องจากมีต้นน้ำเกิดจากตาน้ำใต้ดินขนาดใหญ่ ซึ่งอยู่ทาง
    ทิศตะวันออก ห่างจากบริเวณน้ำตกประมาณ 1.5 กม.    
    
    	2.เขตห้ามล่าพันธุ์สัตว์ป่าเขาสมโภชน์ ตั้งอยู่ในท้องที่บางส่วนของตำบล 4 ตำบล คือ ตำบล
    ซับตะเคียน ตำบลหนองยายโต๊ะ ตำบลบัวชุม และตำบลนาโสม มีเนื้อที่ประมาณ 13.504 ตาราง
    กิโลเมตร หรือประมาณ 8,440 ไร่ ได้รับการประกาศเป็นเขตห้ามล่าพันธุ์สัตว์ป่าเขาสมโภชน์ เมื่อ
    วันที่ 29 พฤศจิกายน 2538 เขตห้ามล่าพันธุ์สัตว์ป่าเขาสมโภชน์ เป็นเทือกเขาหินปูน มีลักษณะสูง
    ชันยาวทอดตัวไปตามแนวทิศตะวันตกเฉียงใต้ มีถ้ำและหน้าผาเป็นจำนวนมาก มีที่ราบในหุบเขา 2 
    แห่ง และที่ราบบนเขา 1 แห่ง มีแหล่งน้ำซับกระจาย จึงเป็นป่าซับน้ำ ป่าต้นน้ำที่มีความสำคัญมาก 
    นอกจากนี้ภายในบริเวณเขตห้ามล่าพันธุ์สัตว์ป่าเขาสมโภชน์ มีการค้นพบหลักฐานทางโบราณคดี 
    กระจัดกระจายอยู่ทั่วไป โดยเฉพาะที่วัดถ้ำพรหมโลก ค้นพบขวานหินขัด ยุคสมัยหินตอนปลาย 
    อายุราว 3,000 ปี ใบหอกสำริด ภาชนะดินเผาในยุคโลหะ อายุประมาณ 2,500 ปี พระพุทธรูปสลัก
    ด้วยไม้สมัยอยุธยาตอนปลาย หรือ สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น อายุราวพุทธศตวรรษที่ 23-24 เขต
    ห้ามล่าพันธุ์สัตว์ป่าเขาสมโภชน์ มีสภาพป่าไม้และสัตว์ป่าที่สมบูรณื มีบริการการจัดเส้นทางการ
    ศึกษาธรรมชาติ อาทิ พรรณพืชชนิดต่าง ๆ นิเวศวิทยา ตลอดจนซากฟอสซิล อายุประมาณ 280 ล้าน
    ปี ซึ่งเป็นหลักฐานทางธรณีวิทยาสำคัญ ที่แสดงว่าบริเวณเทือกเขานี้ เคยเป็นไหล่ทวีป อยู่ใต้น้ำมา
    ก่อน นอกจากนี้ยังมีสถานที่สำหรับปฏิบัติธรรมที่วัดเขาสมโภชน์ วัดถ้ำพรหมโลก และบริเวณใกล้
    วัดถ้ำพรหมโลกมีลานยุคหินผุดที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติให้ชมอีกด้วย
    
    สถานที่ท่องเที่ยวในเขตอำเภอลำสนธิ
    	1.เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าซับลังกา ตั้งอยู่ในท้องที่ตำบลลำสนธิ ล้อมด้วยเทือกเขาเป็นรูปก้าม
    ปู ด้านทิศตะวันออกถูกกั้นด้วยเทือกเขาพังเหย ทิศตะวันตกเป็นเขารวก สูงจากระดับน้ำทะเล
    ปานกลาง 140-846 เมตร ความสำคัญของพื้นที่ คือ ป่าซับลังกามีสภาพสมบูรณ์ เป็นป่าต้นน้ำของ
    แม่น้ำลำสนธิ และแหล่งอาหารของสัตว์ป่า ปัจจุบันยังมีเลียงผา ซึ่งเป็นสัตว์ป่าสงวนอาศัยอยู่
    
    	


    ของดีของฝากจากลพบุรี
    	1.ศูนย์รวมผ้ามัดหมี่ 
    	ผ้ามัดหมี่และสินค้าพื้นเมืองทุกชนิด 
    	อาคารเฉลิมพระเกียรติ ถ.นารายณ์มหาราช บริเวณศาลากลางจังหวัดลพบุรี
     
    	2.ร้านดารณีไหมไทย 
    	ผ้ามัดหมี่ 
    	201 - 203 ถ.สุระสงคราม อ.เมือง โทร.(036) 411736, 411262
     
    	3.ร้านธนกิจ 
    	ผ้ามัดหมี่ 
    	162 หมู่ 6 ต.บ้านกล้วย อ.บ้านหมี่ โทร. (036) 471358, 471911
     
    	4.ศูนย์ศิลปาชีพประชาสุขสันต์ 
    	ผ้ามัดหมี่ 
    	84 หมู่ 4 ต.บ้านกล้วย อ.บ้านหมี่ โทร. (036) 471847
     
    	5.กลุ่มทอผ้าบ้านหมี่ (คุณวัฒนา มีมั่งคั่ง)
    	 ผ้ามัดหมี่ 
    	80 หมู่ 1 ต.บ้านกล้วย อ.บ้านหมี่ โทร. (036) 471904
     
    	6.กลุ่มทอผ้าบ้านหมี่ (คุณณรงค์ ตางาม)
    	ผ้ามัดหมี่ 
    	36/1 หมู่ 1 (สระโบสถ์) ต.บ้านกล้วย อ.บ้านหมี่ โทร. (036) 471476
     
    	


    ศูนย์ผลิตภัณฑ์และจำหน่าย
    	1.อาหารพื้นเมือง ประกอบจิตร์
    	 ปลาส้มฟัก หมูส้ม และของฝากจากลพบุรี
    	 105 หมู่ 5 ต.บ้านกล้วย อ.บ้านหมี่ โทร. (036) 471545, 628825
     
    	2.แม่ลาปลาส้มฟัก 
    	ปลาส้มฟักและของฝากจากลพบุรี 
    	28/1 หมู่ 4 ต.บ้านกล้วย อ.บ้านหมี่ โทร. (036) 628667
     
    	3.แม่พลอย (คำพัน) 
    	ปลาส้มฟัก หมูส้ม แหนมซี่โครงหมู 
    	32 หมู่ 4 ต.บ้านทราย อ.บ้านหมี่ โทร. (036)628530
     
    	4.แม่น้อย 
    	ปลาส้มฟัก 
    	37/5 บ้านโพนทอง อ.บ้านหมี่ โทร. (036) 471902
     
    	5.ส้มฟักแม่พร 
    	ปลาส้มฟัก 
    	33/11 ตลาดบนเมือง อ.เมือง โทร. (036) 420457, 618605
     
    	6.ชมรมแม่บ้านพัน ปจว. 
    	ไข่เค็มดินสอพอง 
    	กองพันปฏิบัติการจิตวิทยา ศูนย์สงครามพิเศษ 
    	ถ.นารายณ์มหาราช อ.เมือง โทร. (036) 611099
     
    	7.โรงงานน้ำพริกแม่ศรีรัตน์ 
    	น้ำพริกนานาชนิด 
    	36/32 หมู่ 1 ตลาดชาญชัย ต.ลำนารายณ์
    	อ.ชัยบาดาล โทร. (036) 461743, 630157
     
    	8.โรงงานวรชัย 
    	วุ้นน้ำมะพร้าว น้ำพริกเผาไข่เค็ม ดินสอพอง ของฝากจากลพบุรี
    	 131 หมู่ 8 ต.ป่าตาล อ.เมือง โทร. (036) 413087, 420925
     
    	9.บ้านขนมถ้วยฟู (คุณบุญส่ง เกาเทียน) 
    	ขนมถ้วยฟูน้ำตาลสด 
    	27 หมู่ 5 ต.ท่าวุ้ง อ.ท่าวุ้ง โทร. (036) 481202 
    
    	10.กลุ่มทำน้ำพริกหัวสำโรง (คุณเจริญ งามสม)
    	 น้ำพริกเผา น้ำพริกปลาร้าสับ ฯลฯ 
    	หมู่ 10 ต.หัวสำโรง อ.ท่าวุ้ง โทร. (036) 655096
     
    	11.ชมรมทองเหลืองบ้านท่ากระยาง 
    	เครื่องทองเหลือง 
    	168 หมู่ 1 ต.ทะเลชุบศร อ.เมือง (หลังวัดตองปุ) โทร. (036) 421469
     
    	12.ริมถนนพหลโยธิน สายลพบุรี - สระบุรี
    	ไข่เค็มดินสอพอง วุ้นน้ำมะพร้าว 
    	บริเวณบ้านดงจำปา อำเภอเมือง 
    
    	13.ริมถนนหมายเลข 311สายลพบุรี - สิงห์บุรี
    	 ไข่เค็มดินสอพอง วุ้นน้ำมะพร้าว 
    	บริเวณบ้านบางขันหมาก อ.ท่าวุ้ง 
    
    	14. ฟาร์มเห็ดขจรวิทย์ 
    	เห็ดนานาชนิด ทั้งเห็ดสดและแปรรูป 
    	71/1 หมู่ 1 ต.นิคมสร้างตนเอง อ.เมือง โทร. (036) 652442
    
    	


    	งานประเพณี
    งานแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช 
    	จัดขึ้นในช่วงประมาณเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี เพื่อเป็นการรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ
    ของสมเด็จพระนารายณ์มหาราชที่มีต่อลพบุรีและประเทศชาติ เนื่องจากเมืองลพบุรีเป็นราชธานี
    แห่งที่สอง ในสมัยนั้นที่พระองค์ทรงโปรดปรานประทับอยู่ที่นี่นานกว่าที่กรุงศรีอยุธยา บริเวณงาน
    ส่วนใหญ่อยู่ที่ บริเวณพระราชวังนารายณ์ราชนิเวศน์ 
    	เริ่มด้วยพิธีบวงสรวงดวงพระวิญญาณของสมเด็จพระนารายณ์ ขบวนแห่ต่างๆ เช่น 
    ขบวนแห่พระราชสาสน์ ขบวนเจ้านายชั้นสูงฝ่ายใน ขบวนทหารฯลฯ การแต่งกาย สมัยพระ
    นารายณ์ฯ การแสดงการละเล่น การประดับประทีบโคมไฟในพระราชวังเพื่อทำให้บรรยากาศ ให้
    กลับคืนสู่อดีต เมื่อ 300 ปีที่ผ่านมา รวมทั้งมีนิทรรศการพิเศษเกี่ยวกับเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ 
    สมัยนั้น ตลอดจนการออกร้านขายสินค้าพื้นเมือง 
    
     
    ประเพณีกำฟ้า 
    	เป็นงานบุญพื้นบ้านอย่างหนึ่งของชาวไทยพวน ซึ่งมีอยู่หลายหมู่บ้านในเขตอำเภอเมือง
    ลพบุรี และอำเภอบ้านหมี่ จัดขึ้นเพื่อขอพรจากเทพยดาผู้รักษาฟากฟ้าและบันดาลให้ฝนตกต้องตาม
    ฤดูกาล มักจะถือเอาวันขึ้น 2 ค่ำ เดือน 3 เป็นวันสุกดิบ และรุ่งขึ้น 3 ค่ำ เดือน 3 จะเป็นวัดกำฟ้า 
    โดยชาวบ้าน จะร่วมกันใส่บาตรด้วยข้าวหลามและข้าวจี่ และจะหยุดงานหนึ่งวัน 
    ตกบ่ายมีการละเล่นพื้นบ้าน เช่น มอญซ่อนผ้า ช่วงชัย เป็นต้น
    
    ประเพณีใส่กระจาด หรือประเพณีเสื่อกระจาด 
    	ตามภาษาพวน เรียกว่า เส่อกระจาด เป็นประเพณีของชาวไทยพวนซึ่งถือปฏิบัติกันในเขต
    อำเภอบ้านหมี่ จัดให้มีขึ้นในงานเทศกาลเทศมหาชาติ ส่วนมากจะกำหนดในฤดูกาลออกพรรษา คือ
    ระยะเดือน 11 ข้างแรม ก่อนถึงวันใส่กระจาดหนึ่งวัน ชาวบ้านจะช่วยกันทำขนมห่อข้าวต้ม ตำข้าว
    ปุ้น ในคืนนั้นหนุ่มๆ จะไปเที่ยวตามบ้านสาวที่ตนชอบ โดยช่วยทำขนมและคุยกันตลอดคืน
    รุ่งขึ้นจะเป็นวันใส่กระจาด ชาวบ้านจะนำของ เช่น กล้วย อ้อย ส้ม ธูป เทียน หรือสินค้าอื่นๆ มาใส่
    กระจาดตามบ้านของคนที่ตนรู้จักเจ้าของบ้านก็จะนำอาหารที่เตรียมไว้มาเลี้ยงรับรองแขก 
    เมื่อแขกจะกลับเจ้าของ บ้านจะนำข้าวต้มมัดฝากไปให้ เรียกว่า คืนกระจาด ในวันรุ่งขึ้นเป็นวัน 
    เทศน์มหาชาติจะนำของที่แขกมาใส่กระจาดทำเป็นกัณฑ์ไปถวายพระที่วัด โดยถือว่าการทำบุญ 
    มหาชาตินี้เป็นการทำบุญครั้งยิ่งใหญ่ประจำปี
    
     
    ประเพณีชักพระศรีอาริย์ วัดไลย์ ประเพณีชักพระศรีอาริย์ หรือแห่พระศรีอาริย์
    	ถือปฏิบัติกันมาช้านาน ในวันขึ้น 14 ค่ำ เดือน 6 ของทุกปี ทางวัดจะจัดให้มีการอัญเชิญพระ
    ศรีอาริย์มาประดิษฐานบนแท่นตะเฆ่ แล้วให้ประชาชนร่วมกันชักพระไปทางทิศเหนือ เริ่มจากวัด
    ไลย์ไปสุดทางที่วัดท้องคุ้ง แล้วชักกลับมายังวัดไลย์ ระหว่างทางจะมีผู้เข้าร่วมขบวนเป็นจำนวนมาก
    จะหยุดขบวน ในแต่ละจุดเพื่อให้ผู้ที่ศรัทธาได้สรงน้ำและนมัสการ นอกจากนั้นตลอดระยะทางที่
    แห่พระศรีอาริย์ไป จะมีผู้ตั้งโรงทานสำหรับ
    
    ประเพณีกวนข้าวทิพย์ 
    	เป็นประเพณีที่สืบเนื่องมาแต่พุทธกาล ในจังหวัดลพบุรีได้มีประเพณีกวนข้าวทิพย์หลาย
    แห่ง โดยเฉพาะที่วัดนิคมสามัคคีชัย ตำบลนิคม อำเภอเมือง ลพบุรี ได้ทำพิธีกวนข้าวทิพย์มา
    นานกว่า 20 ปีแล้ว โดยจะกระทำในวันขึ้น 14 ค่ำ เดือน 6 และจะนำไปถวายในวันพระขึ้น 15 ค่ำ 
    เดือน 6 ส่วนที่เหลือก็จะแจกจ่ายให้แก่ประชาชนที่ไปร่วมทำบุญในวันนั้น ถือเป็นการให้ทาน
    
    	


    	เกร็ดความรู้เกี่ยวกับจังหวัดลพบุรี
    
    ตราประจำจังหวัดลพบุรี
    	เป็นรูป พระนารายณ์ประทับบนพระปรางค์สามยอด หมายถึง การระลึกถึงสมเด็จพระ
    นารายณ์มหาราช ผู้สร้างเมืองลพบุรีขึ้นใหม่เมื่อ พ.ศ. 2208 และสร้างความเจริญให้กับแผ่นดิน
    ลพบุรีนับเอนกอนันต์ ส่วนพระปรางค์สามยอดเป็นโบราณสถาน ที่เป็นสัญลักษณ์ของเมืองลพบุรี 
    
    จังหวัดลพบุรี ใช้อักษรย่อว่า  ลบ 
    
    ดอกไม้ประจำจังหวัดลพบุรี
    	ชื่อดอกไม้  ดอกพิกุล 
    
    ไม้มงคลประจำจังหวัดลพบุรี
    	ชื่อพรรณไม้  พิกุล  ชื่อวิทยาศาสตร์  Mimusops elengi 
    	สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ได้พระราชทานพันธุ์ไม้ พิกุล  เพื่อปลุกเป็น
    ไม้มงคลประจำจังหวัดลพบุรี เนื่องจากในจังหวัดลพบุรีมีต้นพิกุลโบราณอายุเก่าแก่ของจังหวัดอยู่
    บริเวณวัดไลย์ ตำบลเขาสมอคอน อำเภอท่าวุ้ง จังหวัดลพบุรี นอกจากนั้น ยังสามารถพบเห็นต้น
    พิกุลขนาดใหญ่ในบริเวณวัดต่าง ๆ ในท้องที่ที่ได้ตั้งมานานแล้วเช่นเดียวกัน
    
    แหล่งข้อมูลจังหวัดลพบุรีเครือข่ายกวีไทย
    	http://www.oocities.org/thai76thai/15.html
    	http://www.oocities.org/hauykhunram/
    	http://www.oocities.org/wangbau/
    	http://www.oocities.org/wangbau/page_01.htm
    
    เว็บไซด์จังหวัดลพบุรีมีข้อมูลสมบูรณ์ครบถ้วน
    	http://www.lopburi.go.th/
    	


    สาระความรู้เกี่ยวกับเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์
     	ป่าสักชลสิทธิ์ เป็นชื่อพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลย
    เดชมหาราช มีความหมายว่า  เขื่อนแม่น้ำป่าสักที่เก็บกักน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ 
    
    ความเป็นมาของโครงการ
    	พ.ศ. 2508     เริ่มศึกษาโครงการ แต่เนื่องจากเป็นโครงการใหญ่ ค่าใช้จ่ายสูง จึงระงับโครงการไป 
    	19 ก.พ. 32     มีพระราชดำริให้ศึกษาโครงการอย่างเร่งด่วน เพื่อแก้ปัญหาภัยแล้งและอุทกภัย 
    	ก.ค. 35     ศึกษาความเหมาะสมและผลกระทบของโครงการ 
    	23 ก.พ. 37     ผ่านความเห็นชอบจาก ส.ผ. 
    	3 พ.ค. 37     ครม. อนุมัติให้เปิดโครงการ 
    	2 ธ.ค. 37     เริ่มงานก่อสร้าง 
    	15 มิ.ย. 41     สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงประกอบพิธีเริ่มเก็บกักน้ำเป็นปฐมฤกษ์ 
    	7 ต.ค. 41     พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระราชทานชื่อ  เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ 
    	30 ก.ย. 42     งานก่อสร้างเขื่อนหัวงาน และอาคารประกอบ พร้อมงานส่วนประกอบอื่นแล้วเสร็จ 
    	25 พ.ย. 42     พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เสด็จทรงเปิดเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ 
    
    ข้อมูลเฉพาะของเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์
    	ลักษณะทั่วไป   เขื่อนดินเหนียวกั้นแม่น้ำป่าสัก พื้นที่เหนือเขื่อนเป็นอ่างเก็บน้ำ 
    ที่ตั้ง   บ้านแก่งเสือเต้น ตำบลหนองบัว อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี และ 
    บ้านคำพราน อำเภอวังม่วง จังหวัดสระบุรี พิกัด 47-PQS222-443 ระวาง 5238 IV 
    ความยาว   4,860 เมตร 
    ระดับสันเขื่อน   -46.5 เมตร เหนือระดับน้ำทะเลปานกลาง 
    เก็บกักน้ำสูงสุด   -43.0 รทก. ความจุ 960 ล้านลูกบาศก์เมตร 
    อาคารประกอบ   
    	1. อาคารระบายน้ำล้นเป็นประตูระบายน้ำคอนกรีตเสริมเหล็ก 7 ช่อง  
    ระบายน้ำได้สูงสุด 3,900 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที 
    	2. ท่อระบายน้ำลงพื้นลำน้ำเดิม เป็นท่อคอนกรีตเสริมเหล็กขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 3.0 เมตร  
    	3. ท่อระบายน้ำฉุกเฉิน เป็นบ่อคอนกรีตเสริมเหล็กขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 3.0 เมตร 
        สามารถระบายน้ำได้สูงสุด 65 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที 
    คันกั้นน้ำ   
    	1. คันกั้นน้ำท่าหลวง ตั้งอยู่ที่ตำบลท่าหลวง อำเภอท่าหลวง จังหวัดลพบุรี ยาว 1,716 
    เมตร 
    	2. คันกั้นน้ำโคกสลุง ตั้งอยู่ที่ตำบลโคกสลุง อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี ยาว 4,120 เมตร 
    อ่างเก็บน้ำ   คลุมบริเวณพื้นที่ 2 ฝั่งแม่น้ำป่าสัก ในเขตอำเภอชัยบาดาล อำเภอท่าหลวง อำเภอพัฒนา
    นิคม จังหวัดลพบุรี และอำเภอวังม่วงจังหวัดสระบุรี รวมพื้นที่ 114,119 ไร่ หรือ 45,650 เอเคอร์ 
    เก็บกักน้ำ   สูงสุดที่ +43.0 เมตร รทก. ความจุ 960 ล้านลูกบาศก์เมตร ต่ำสุดที่ +21.50 เมตร รทก. 
    ความจุ 2 ล้านลูกบาศก์เมตร 
    	


    	ข้อมูลทุ่งทานตะวัน
    
    ทุ่งทานตะวัน
    	ตั้งอยู่ที่ตำบลช่องสาริกาใกล้วัดมณีศรีโสภณ ทุ่งทาานตะวันแห่งนี้เป็นทุ่งทานตะวันขนาด
    ใหญ่ที่สุดในประเทศ ดอกทานตะวันจะบานสะพรั่งในช่วงประมาณเดือนตุลาคม - มกราคม จน
    ลายเป็นทุ่งทานตะวันที่มีความงดงามตามธรรมชาติ การเดินทางไปชมทุ่งทานตะวันสามารถใช้เส้น
    ทางได้ 2 เส้นทาง ได้แก่ 
    	เส้นทางแรก สามารถเดินทางจากจังหวัดลพบุรี โดยใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 1 ไป
    ประมาณ 15 กม.จนถึงสามแยกพุแคแล้วเลี้ยวขวาไปตามทางหลวงหมายเลข 21 ไปอีกประมาณ 15 
    กิโลเมตร ก็จะถึงทางเข้าวัดมณีศรีดสถณและให้แล้วขวาไปอีกประมาณ 2 -5 กิโลเมตร ก็จะพบทุ่ง
    ทานตะวันนับหมื่นไร่ 
    	เส้นทางที่สอง สามารถเดินทางจากจังหวัดสระบุรี โดยใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 1 ไป
    ประมาณ 15 กม. จนถึงสามแยกพุแคแล้วเลี้ยวขวาไปตามทางหลวงหมายเลข 21 ไปอีกประมาณ 15 
    กิโลเมตรก็จะถึงทางเข้าวัดมณีศรีโสภณและให้แล้วขวาไปอีกประมาณ 2 - 5 กิโลเมตร ก็จะพบทุ่ง
    ทางตะวันนับหมื่นไร่...
    
    	
โดยคุณ : โก๋ขอรับ [วันอาทิตย์ที่ 1 เมษายน 2544 - 10:42:04 น.]

กลับหน้าหลักครับ back to memu