จันทร์เจ้าขา ภาค ๒๐๙ คิดถึง… แม่หญิง…
จันทร์เจ้าขา ภาค ๒๐๙ คิดถึง… แม่หญิง…


    	สามโมงสี่สิบห้า บ่ายคล้อยของวันอาทิตย์   ม้าหินอ่อนคือแหล่งกบดาน
    ของผมในวันนี้ ลมพัดโชยมา บรรยากาศแบบสบายอย่างนี้ หายากในกรุงเทพฯ    
    จักรยานคู่ชีพคือเครื่องทุ่นแรง แสวงหาวัตถุดิบที่จะใช้ในการเขียน ผมไม่ต้องลงทุน
    สร้างภาพอะไรมาก เพียงตรงจุดนั้นเงียบสงบพอสมควร มีร่มไม้ ชายคา โต๊ะนั่ง 
    
    	


    	นกกระจอกฝูงใหญ่ กระโดดอยู่บนพื้นหินที่เขานำมาเรียงติดต่อกันเป็นพืด 
    ใต้ร่มมะม่วง ผมชะโงกหน้าขึ้นไปมอง อดไม่ได้ที่จะนึกขอบคุณต้นไม้ที่ให้ร่วมเงา ต้น
    ไม้มักมอบสิ่งดี ๆ เกื้อกูลแก่มนุษย์และสัตว์ทั้งหลายอย่างมากมาย หากเราพยายาม
    พินิจพิเคราะห์ให้ดีเราจะพบความจริง ถึงสิ่งที่ซ่อนเร้นอยู่ในใบสีเขียว ใบแห้ง ใบอ่อน 
    ใบแก่ ผุพัง ย่อยสลายกลายเป็นดินเป็นปุ๋ย วงจรธรรมชาติที่เป็นจริงเช่นนี้ บางทีเราก็
    มองข้ามไป
    
    	


    	การเรียนรู้ธรรมชาติเป็นสิ่งที่ควรให้ความสนใจ อยู่บ้านนอก หากไม่ได้ธรรม
    ชาติคอยค้ำยันให้แล้ว ฝนฟ้าไม่ตก พระอาทิตย์ไม่ฉายแสง ชาวไร่ชาวนาคงจะแย่
    อย่างแน่นอน ธรรมชาติไม่อาจพูดได้ว่า รักเรารักโลก แต่สิ่งที่ดำเนินอยู่ เราควรรับรู้ด้วยใจ 
    และช่วยกันห่วงใยธรรมชาติ รวมทั้งสิ่งแวดล้อมของเรา เริ่มต้นที่กาย… และที่ใจ…
    	สายลมพัดมาอีกรอบใหญ่ ผมชื่นใจจริง ธรรมชาติคงจะรับรู้ในสิ่งที่ผมกำลัง
    เขียน กำลังนำเสนอต่อเพื่อนและผู้อื่น…
    
    	


    	หากพูดได้เขาคงจะพูดว่า ช่วยรักษาฉันให้มาก ๆ โลกกำลังใกล้วันหายนะ
    เข้ามาทุกที ทุกวันนี้เทคโนโลยีสมัยใหม่ กำลังคุกคามธรรมชาติ อย่างรวดเร็ว และ
    อันตรายโดยที่เราไม่รู้ตัว ข้าวของเครื่องใช้ สินค้าต่าง ๆ หลั่งไหลเข้ามา เลื่อยไฟฟ้า 
    ทำลายป่าไม้บ้านเราไปหลายล้านไร่อย่างน่าเสียดาย แม่น้ำเจ้าพระยา เน่าเสีย ด้วย
    อุตสาหกรรมหนัก เทคโนโลยีที่มุ่งแสวงหาเพียงผลกำไร โดยไม่ได้ห่วงใย
    สภาพแวดล้อม
    
    	


    	สวนป่าของพ่อ ผมมักเข้าไปวิ่งเล่น พ่อทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ มอบไว้ให้แก่แผ่นดิน 
    สวนป่าของพ่อไม่เคยให้โทษแก่ใคร กลับให้แต่ประโยชน์ สุขสงบ ร่มเย็น เป็นแหล่ง
    อาหารของชาวบ้าน เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าบางชนิด ร่วมทั้งนก แมลง และ
    อื่น ๆ 
    	พ่อจากไปโดยมิได้สั่งเสียอะไร ผมรับรู้ได้ด้วยใจ ผมรักพ่อ รักในสิ่งที่พ่อรัก 
    และทุ่มเท ทุกวันนี้ ผมกลับไปเยี่ยมบ้าน มองสวนป่าที่พ่อบุกเบิกตั้งแต่แรกเริ่ม ด้วย
    ความซาบซึ้งใจ พ่อไม่ได้จากผมไปเลยจริง ๆ
    
    	


    	แตงโมผ่าซีกลูกละสิบแปดบาท ที่ผมพยายามต่อแม่ค้า ให้เหลือสิบห้าบาท 
    แต่ไม่สำเร็จ ผมบรรเลงงานเขียน สลับกับเนื้อแตงโมหวาน ช้อนหอยอันเล็ก ๆ นำใส่
    ย่ามปักรูปช้าง ที่แม่ดอกสารภีส่งมาให้เป็นของขวัญ ใกล้วันเกิดของแม่แล้ว ผมทราบดี   
    	แม่ดอกสารภี หญิงผู้เปี่ยมด้วยน้ำใจ งานกวีส่วนหนึ่งในอดีต ผมเคยบรรจง
    เขียนให้แม่ อดไม่ได้ที่จะแอบยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ที่มุมปาก ผมแต่งไว้ได้ดีจริง ๆ แม่ก็คงรู้
    	ผมแสนจะโชคดี ที่มีแม่หญิงถึงสองท่าน ให้ความช่วยเหลือเกื้อหนุน นางฟ้า
    ใจดี แม่พระของผมอีกท่านหนึ่ง อ่อนหวาน สดใส เป็นกำลังใจให้จันทร์เจ้าขาเสมอ 
    คิดถึงน้ำพริกหนุ่ม แคบหมู เพลงมนต์เมืองเหนือ ถ้าไม่เสียดายแตงโมตรงหน้า ผมจะ
    บินลัดฟ้าไปเชียงใหม่ทันที
    
    	


    	ต้นเหง้าสูงใหญ่จนต้องแหงนมองคอตั้งบ่า ผมหยิบแว่นมาใส่ขยับเล็กน้อย 
    แบบไม่ค่อยเชื่อสายตาตัวเอง ชาวบ้านใช้นุ่น ใยอ่อนนุ่มที่ซ่อนอยู่ในฝักที่แก่ ผมเคย
    ช่วยป้าแถมแกะฝักนุ่น มันสวยงามมาก อ่อนนุ่ม บางเบา เหมือนบทกวีของแม่ดอก
    สารภี ผมชอบนอนบนหมอนที่ยัดด้วยนุ่มของป้าแถม ค่ำคืนนั้น ผมฝันถึงนางฟ้าใจดี
    ด้วยล่ะ…
    	ดอกของต้นเหง้ามีสีขาว ส่งกลิ่นหอม ผึ้งและแมลงชอบมารุมตอมกันอย่าง
    คับคั่ง แม่เคยโยนหมอนที่ยัดด้วยนุ่นทิ้งที่หลังบ้าน หน้าฝน ต้นนุ่นอ่อนเยาว์จะแทง
    หมอนขึ้นมา กลายเป็นต้นใหญ่ เขาเจริญเติบโตเร็วมาก เปลือกของเขาสีเขียวสด แผ่
    กิ่งก้านขยายใหญ่โตเป็นชั้น ๆ ยามลมพัดใบของเขาจะพลิ้วมาก ดูสวยงามและเป็น
    สุขใจ
    
    	


    	ผมมักจะเผลอนั่งทับหมอน แม่บอกว่าระวังก้นจะเป็นฝี ผมเชื่อแม่ แม่บอก
    ว่าโบราณเขาว่าไว้ ส่วนพ่อบอกว่า เชื่อโบราณก็บานบุรี ผมเลยงง ๆ และปวดหัวมาก 
    จนต้องไปช่วยป้าแถมแกะฝักเหง้า เพื่อคลายเครียด
    	นอกจากเหง้าแล้ว งิ้ว…ต้นไม้ที่มีหนามแหลม แต่มีดอกสวยแปลกตาที่สุด 
    ผมมักไปเก็บดอกงิ้วมาเล่นเสมอยามหน้าแล้ง ผมว่ามันสวยไม่เป็นรองใครเลย ใน
    สวนป่าของพ่อมีหลายต้น แต่ต้องเดินไกลสักหน่อยเกือบถึงบ้านลุงวัน สำหรับสิ่งที่
    สวยงามหรือของอร่อยแล้ว ไกลแค่ไหนก็ดั้นด้นไป 
    
    	


    	ฝักงิ้วเล็กกว่าฝักเหง้า ไม่ค่อยได้รับความนิยม ที่สำคัญต้องรอฝักมันร่วงลง
    มาเอง จะสอยเหมือนต้นเหง้าก็ไม่ได้ เนื่องจากต้นสูงมาก หรือใครยากจะลองปีนขึ้น
    ไปเก็บฝักงิ้วดูบ้าง ผมก็ไม่ว่ากระไรดอก ขออย่างเดียวอย่ามาชวนผมก็แล้วกัน…
    หนามงิ้วยายเคยเล่าว่า หากใครผิดลูกผิดเมียเขา ตายแล้วจะไปปีนต้นงิ้ว
    ในนรก ผมยังเด็กอยู่ เลยโล่งใจ คงเป็นชู้กับใครไม่ได้ ยายเล่าอีกว่า จะมียมบาลเอา
    เหล็กแหลมทิ่มแทงที่ก้นด้วย มีอีกกาปากเหล็กค่อยจิกตี ยังไม่พอข้างล่างยังมีหมา
    คอยส่งเสียงเห่า รอกัดอยู่ที่โคนต้นด้วย ผมหวาดเสียว นึกแล้วก็สยดสยอง ผมไม่กล้า
    ไปเก็บอีกเลย กลัวเห็นภาพนรกอย่างที่ยายเล่าที่ต้นงิ้วในป่า…
    
    	


    	ลูกมะพร้าวห้อยอยู่ที่ชายคาบ้าน นกกระจอกผัวเมีย กำลังจู๋จี๋กัน
    	ก็ดีไปอย่างที่เกิดเป็นนก ไม่ต้องกลัวตกนรก…
    	เกิดเป็นคนนี่สิ ดั่งเข็นครก…
    	เรื่องราวแสนตลก หยิบยกมาเอวัง…
    
    	
โดยคุณ : โก๋ 2000 ปี [วันจันทร์ที่ 2 เมษายน 2544 - 22:34:58 น.]

กลับหน้าหลักครับ back to memu