จดหมายถึงคุณลุง
29
มีนาคม 2546
สวัสดีค่ะคุณลุง
เพนนีไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะได้เขียนจดหมายถึงคุณลุง
แม้เราจะถือเป็นญาติสนิทกัน
เนื่องจากคุณลุงสนิทกับคุณพ่อและบรรดาคุณอาของเพนนีราวกับว่าเป็นพี่น้องคลานตามกันมา
แต่สำหรับเพนนี ขนาดจดหมายถึงบรรดาคุณอายังไม่ได้เขียน
จะข้ามขั้นไปเขียนถึงคุณลุงก่อน
คุณอาทั้งหลายมาอ่านเจอเป็นต้องน้อยใจแน่
แต่ในวันนี้เพนนีตั้งใจเขียนจดหมายถึงคุณลุงค่ะ
แม้ว่าจะแซงคิวบรรดาคุณอาก็ตามที
เพนนีมั่นใจว่าไม่ว่าใครในครอบครัวของเพนนีมาอ่าน
พวกเขาทุกคนก็จะเข้าใจ
และไม่มีการน้อยใจที่เพนนีเลือกเขียนจดหมายถึงคุณลุง
ก่อนที่จะเขียนจดหมายถึงพวกเขา
คุณลุงเป็นอย่างไรบ้างคะ? สบายดีหรือเปล่าคะ?
เพนนีเป็นคนที่มีหน่วยความจำค่อนข้างจำกัด
แถมยังเป็นคนที่สนใจอยู่แต่เรื่องของตัวเองอย่างมาก
ดังนั้นในวันนี้
เพนนีถึงบอกไม่ได้ว่าครั้งแรกที่เพนนีได้รู้จักคุณลุงนั้นมันเมื่อไหร่กันแน่
เพนนีเสียใจที่ไม่ได้เป็นคนใส่ใจรายละเอียดขนาดนั้น
แต่มันก็สายไปแล้ว ถึงจะรู้สึกเสียใจขนาดไหน
เพนนีก็ยังจำไม่ได้อยู่ดี
เพนนีรู้แต่ว่าถ้าพูดถึงคุณลุง
สิ่งแรกที่นึกถึงคือผู้ชายร่างผอมที่มีรอยยิ้มกับแววตาขี้เล่นอยู่เป็นนิจ
ท่าทางเฮฮาที่เปี่ยมไปด้วยน้ำใจไมตรีมากมาย ไม่ว่าจะกับน้องๆ
ของคุณลุงอย่างคุณพ่อและบรรดาอาๆ ของเพนนี กับญาติคนอื่นๆ
หรือกับรุ่นลูกๆ หลานๆ อย่างเพนนี
บ้านของเราไม่ค่อยได้ติดต่อสังสรรค์กับบรรดาญาติๆ บ่อยนัก
แต่คุณลุงเป็นหนึ่งในบรรดาญาติๆ ที่พวกเรายังติดต่ออย่างสม่ำเสมอ
โดยเฉพาะเมื่อคุณพ่อไม่ได้ทำงานอยางนี้แล้ว ความสัมพันธ์เก่าๆ
ในวัยเด็กระหว่างคุณลุงกับคุณพ่อ
เหมือนจะถูกรื้อฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง
ไม่ต้องบอกเพนนีก็รู้ว่าทั้งคุณลุงและคุณพ่อมีความสุขขนาดไหน
ที่ได้วางภาระหน้าที่มากมาย
และกลับมาใช้เวลาร่วมกันอีกครั้งเหมือนในวันวาน
เวลาแห่งความสุขมักผ่านไปเร็วเสมอ ใช่ไหมคะ? แม้ถ้านับเวลาจริงๆ
มันจะกินเวลาเป็นปีๆ
แต่ในความรู้สึกเมื่อเปรียบเทียบระหว่างความสุขกับความทุกข์
เราทุกคนมักจะคิดว่าเวลาที่อยู่ในความทุกข์
แม้จะเป็นเพียงแค่วันสองวัน แต่มันช่างยาวนานเหลือเกิน
เวลาแห่งความสุขที่คนนอกรวมทั้งเพนนีเห็นว่ามีมากมายของคุณลุง
มันรวดเร็วในความรู้สึกคุณลุงเองหรือเปล่า เพนนีไม่แน่ใจ
เพนนีเชื่อว่าคนอื่นๆ
รวมทั้งเพนนีพยายามคิดเหมือนกันว่าคุณลุงมีความสุข
ความสุขในการได้เห็นความสำเร็จของลูกๆ
ความสุขในการได้เห็นบรรดาคนที่คุณลุงรักและเป็นห่วงมีความสุขตามแต่อัตภาพ
เพนนีเชื่อว่าคนอื่นๆ รวมทั้งเพนนีต่างพยายามคิดเหมือนกัน
ว่าคุณลุงยังคงยิ้ม...จนวินาทีสุดท้ายของชีวิต
อยากจะเชื่อเหลือเกินว่าเป็นอย่างนั้น เพราะจากที่ได้ฟังมา
คุณลุงเพียงแต่ตื่นเช้ามาล้างหน้าล้างตา ไปนั่งดูทีวี แล้วจู่ๆ
ร่างของคุณลุงก็กระตุก
...แล้วนัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความขี้เล่นและความรื่นรมย์ในชีวิตของผู้ชายคนหนึ่ง
ก็ปิดสนิทลงนับแต่บัดนั้น...
เพนนีใจหาย เมื่อตื่นเช้าขึ้นแล้วโทรกลับบ้าน
เพื่อที่จะพบรูปประโยคอันน่ากลัวจากคุณอา
เมื่อคุณอาใช้น้ำเสียงเรียบๆ
ที่พยายามสะกดกลั้นความเสียใจไว้อย่างมาก
ก่อนจะบอกว่าอามีอะไรจะบอก
กริ่งเตือนภัยดังก้องในหัวของเพนนี
หลังจากคุณอาพูดประโยคนั้นเสร็จแล้วเงียบไป
ราวกับพยายามรวบรวมกำลังใจในการแจ้งข่าวร้าย
เพนนีกลัวว่าจะเป็นคุณพ่อหรือคุณแม่
นึกในใจว่าทำไมคุณอาไม่พูดต่อเสียที
เพนนีไม่คิดเลยว่าจะเป็นคุณลุง
เพราะคุณลุงดูแข็งแรงเหลือเกินเมื่อเทียบกับบรรดาญาติพี่น้องรุ่นเดียวกันที่ยังอยู่
ไม่จริงใช่ไหมคะ? สิ่งที่เพนนีได้ยินจากคุณอา
แม้ว่าจะโล่งใจที่ชื่อที่ออกมาไม่ใช่คุณพ่อหรือคุณแม่ของเพนนี
แต่ก็ใจหาย ไม่อยากจะเชื่อ...ว่าจะเป็นคุณลุง
อย่างน้อย...คุณลุงก็จากไปอย่างรวดเร็ว แม้จะทำให้คนรอบข้างใจหาย
แต่ก็ยังดีใจที่คุณลุงไม่ได้เจ็บปวดอะไร
เพนนีนึกถึงคุณป้า คุณป้าจะอยู่ได้อย่างไรโดยไม่มีคุณลุง
คุณป้าจะรู้สึกอย่างไรในวินาทีที่เห็นร่างของคุณลุงกระตุกก่อนหมดสติไป
ในชั่วนาทีที่คุณป้าวิ่งออกไปขอความช่วยเหลือจากคนข้างบ้าน
เฝ้ามองดูคุณลุงจากไปต่อหน้า
เพนนีนึกถึงลูกชายคนเล็กของคุณลุง พี่ชาย...ที่คุณลุงภูมิใจนักหนา
แกจะรู้ข่าวหรือยัง เพราะแกเพิ่งมาอเมริกาได้ราวสัปดาห์
ช่วงเวลาแห่งการปรับเปลี่ยนแบบนี้ การติดต่อดูจะยากเหลือเกิน
แม้จะมีทั้งอินเตอร์เน็ทและบัตรโทรศัพท์ระหว่างประเทศก็เถอะ
เพนนีโทรบอกคุณอาอีกคนที่อยู่ที่นี่ คุณอา...ที่รักและเคารพคุณลุงเหมือนเป็นพี่ชายแท้ๆ
ไม่ใช่แค่ญาติ คุณอาร้องไห้ผ่านสายโทรศัพท์มา
เล่าให้ฟังว่าลูกชายคนเล็กของคุณลุงเพิ่งโทรมาหาคุณอาเมื่อไม่กี่วันนี้เอง
ไม่อยากจะเชื่อ...ว่าคุณลุงที่แสนจะแข็งแรงของพวกเรา
ได้จากพวกเราไปอย่างไม่มีวันกลับแล้ว
เพนนีพยายามที่จะรวบรวมสติ รวบรวมความคิด
แต่ดูเหมือนว่าจะทำได้ไม่ดีนัก
นอกจากความเสียใจที่คุณลุงจากไปอย่างไม่ทันคาดคิด
เพนนีก็ยังมีความกลัว
เพราะคุณลุงแก่กว่าคุณพ่อของเพนนีเพียงไม่กี่ปี
เพนนีไม่อยากจะคิดว่าถ้าวันนึง...
เพนนีร้อนรน วางหูโทรศัพท์จากคุณอาอีกคนแล้วไม่รู้จะทำอย่างไร
พยายามที่จะโทรคุยกับคนอื่น
แต่ก็ไม่สามารถเพราะบัตรโทรศัพท์กลับประเทศเสียงแย่มาก
เพนนีตัดสินใจว่าไม่ควรที่จะอยู่บ้าน ควรจะออกไปไหนสักที่
ว่าแล้วก็แต่งตัว ตัดสินใจออกไปห้องสมุดประชาชน
เปิดประตูบ้านออกไปพบว่าฝนตกปรอยๆ
ธรรมดาฝนแบบนี้ไม่เคยขัดขวางเพนนีได้อยู่แล้ว
ขนาดลุยพายุเพื่อไปเที่ยวเพนนีก็ยังเคย
แต่ในวันนี้เพนนีกลับยืนนิ่งอยู่หน้าบ้าน หัวสมองไม่สั่งการอะไร
จากนั้นก็หันหลังกลับ เปลี่ยนเสื้อผ้า กลับไปซุกตัวบนที่นอน
แล้วก็หลับตา
เกือบสามชั่วโมงที่เพนนีหลับไป บังคับตัวเองให้หลับ...เพื่อที่จะไม่คิดอะไร
และแล้วเมื่อเพนนีตื่นขึ้นพร้อมกับหัวสมองที่เริ่มลำดับอะไรได้ดีกว่าตอนเข้านอน
คุณอาก็โทรมาอีกครั้ง
คุณอาบอกว่านับแต่วางหูจากเพนนี คุณอาก็เที่ยวโทรหาคนอื่นๆ
เรื่อยมา เพนนีรับว่าเพนนีก็คิดเหมือนกัน
เสียอย่างเดียวที่ของเพนนีโทรไม่ติด
แล้วเราก็คุยกันเรื่องคุณลุง...แล้วเพนนีก็เริ่มร้องไห้
อยากจะคิดว่าตัวเองฟังข่าวจากเมืองไทยมาผิด
แต่ถึงขนาดนี้แล้วคงไม่ผิดแน่ๆ
ระหว่างที่คุยกับคุณอาไป พี่กันที่รู้ข่าวเรื่องคุณลุงจากพี่คอม (เพนนีคุย
MSN กับพี่คอมเมื่อเช้า เพราะรบกวนให้พี่คอมทำ Tax Return ให้
แต่คุยไม่ได้นานเพราะทนอยู่บ้านไม่ไหว เลยเลิกเสียก่อน)
มาแสดงความเสียใจ
ขอบคุณสำหรับความห่วงใยของพี่คอมและพี่กัน
แต่เพนนีไม่แน่ใจที่พี่กันย้ำแล้วย้ำเล่าให้เพนนี Be strong น่ะ
เพนนีจะทำได้หรือเปล่า
เพนนียังคงร้องไห้ แม้ว่าจะวางสายจากคุณอาไปแล้ว
เพนนียังคงร้องไห้ แม้ว่าจะมา Log in เข้าพันธุ์ทิพย์
และเขียนจดหมายถึงคุณลุง
เพนนียังจะคงร้องไห้ ไม่รู้เหมือนกัน...ว่าจะหยุดได้เมื่อไหร่
เพนนีได้แต่หวัง
ว่าที่คุณอาพยายามคิดในแง่ดีว่าคุณลุงอาจจะยังยิ้มอย่างอารมณ์ดีก่อนที่จะจากพวกเราไป
จะเป็นความจริง
หลับให้สบายนะคะคุณลุง ถ้าคุณลุงรับรู้ได้
ช่วยส่งความร่าเริงที่คุณลุงเคยมีและยังจะมีอยู่ตลอดเวลากลับมาให้พวกเราด้วย
เพื่อที่พวกเราจะได้ใช้มันเป็นกำลังใจช่วยให้ก้าวเดินไปอย่างมั่นคง...ในวันที่ไม่มีคุณลุงอีกต่อไปแล้ว
ปล. เพนนีอดดีใจไม่ได้ ที่คุณย่าได้จากเพนนีไป
ก่อนที่เพนนีจะต้องข้ามน้ำข้ามทะเลมาไกลเพียงก่อนหน้าไม่กี่เดือน
เพนนีได้แต่หวังว่าคุณย่าจะรอรับคุณลุงอยู่ที่บนฟ้า
แล้วร่วมกันมองลงมายังพวกเราที่อยู่ที่นี่นะคะ
...แล้ววันหนึ่งเราจะได้พบกันอีกครั้ง...
เพนนี
|