การเงินระหว่างประเทศ
ของโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงไป
มติชนรายสัปดาห์ ที่ 9 ธันวาคม 2545 อีกเพียงไม่กี่สัปดาห์ โลกของชาวยุโรปก็จะเปลี่ยนเข้าสู่ศักราชใหม่ ในขณะที่ยังมีปัญหาตะวันออกกลางเป็นเครื่องหน่วงรั้ง ในขณะที่โลกของชาวจีน ที่มีมากเป็น 1 ใน 5 ของพลเมืองโลกโดยรวม จะก้าวย่างสู่มะแมหรือปีแพะ ในช่วงตรุษจีนปีหน้า หรือในอีกราวหนึ่งเดือนให้หลัง ท่ามกลางมิติใหม่ในโครงสร้างเศรษฐกิจและการบริหารเศรษฐกิจของรัฐสังคมนิยมจีน ตามแนวทางทุนนิยมและระบบตลาดเสรี โดยพรรคคอมมิวนิสต์ ส่วนของไทยตลอดจนชนชาติด้านใต้ของทวีปเอเชีย ที่ได้รับอิทธิพลจากตำนานเทพ ในศาสนาพราหมณ์ ก็อยู่ถัดเลยจากปีใหม่ของจีน ออกไปอีกราว 3 เดือน ท่ามกลางความรู้สึกที่ไม่ใคร่ดีนัก ในหมู่นักดูดาว เพื่ออ่านดวงชะตาของโลก และของประเทศที่เก็บรักษาความรู้ความเจริญทั้งจากอดีตกาล และปัจจุบันกาล ตลอดจนอนาคตกาลอย่างไทย ตลอดจนแม้ชาวอเมริกันรุ่นใหม่ ที่บางคน หรือหลายๆ คน ได้บรรลุถึงความเชื่อมโยงหรือสอดคล้องระหว่างอำนาจอิทธิพลแห่งดวงดาว กับปรากฏการณ์ในสังคมโลก ไม่ว่าจะเป็นโลกด้านใด โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องหรือเนื่องด้วยปรากฏการณ์แห่งธรรมชาติ ที่ดูคล้ายกับจะปราศจากวิญญาณความรู้ในตัวตนที่มีอยู่ แน่นอนว่า ดาวเคราะห์โลกในปีแพะนั้น ยังคงไม่สูญสลายหรือแตกทะลายไปด้วยฤทธิ์อำนาจดาวหางหรืออุกกาบาต ในขณะที่การเกิดแก่เจ็บตายของมนุษย์ตัวกระจ้อยร่อย ก็ยังคงดำเนินไปตามปกติ คงมีเพียงวิถีการดำรงชีวิตของคนบางหมู่บางเหล่า บางพวกที่บ้างก็เปลี่ยนแปลงไปในวิถีทางที่ชอบ ในขณะที่บางคนบางหมู่บางประเทศ เปลี่ยนแปลงไปในทิศทางตรงกันข้าม ในทางการเมืองนั้น คำถามที่คนส่วนใหญ่อยากถามก็คือ จะเกิดสงครามในอิรักหรือไม่ ในขณะที่การก่อการร้ายของกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรง ดูจะยังไม่สิ้นสุด และแม้จะไม่ร้ายแรงเท่ากับการวินาศกรรมวันที่ 11 กันยายน 2544 อีกแล้วก็ตาม ปัญหาการเมืองการทหารที่ตะวันออกกลาง ดูยังเป็นเครื่องผูกรัด ระหว่างระเบียบการเมืองโลกใบเก่ากับระเบียบการเมืองโลกใบใหม่ ในขณะที่ปัญหาการเมืองการปกครองเกาหลีเหนือกับเกาหลีใต้ ก็ยังดูยากที่จะรอมชอมจนถึงขั้นยประสานใหม่เป็นเนื้อเดียวกัน ในท่ามกลางวิวัฒนาการของเทคโนโลยีสารสนเทศและการแพร่กระจายกว้างออกไปของระบบการสื่อสารมวลชน จนลุถึงอีกขั้น และระเบียบใหม่การเงินระหว่างประเทศ อันโยงไปถึงกฎหมายกรรมสิทธิต่างๆ ที่เริ่มเซ็ตตัวใหม่ตั้งแต่ 5 ปีที่แล้ว ก็ดูเริ่มเข้ารูปเข้ารอย เข้าท่าเข้าทางอายุใหม่ของโลกมนุษย์ ท่ามกลางความเจ็บปวดในความรู้สึกนึกคิดของผู้บรรลุรรมและอำนาจในการบริหารทรัพย์สิน ประโยชน์โภคผลเก่าก่อน และความรู้สึกสูญเสียอัตตาเดิมอันเป็นผลจากความสำเร็จทางปัญญา รู้แจ้งเห็นจริงในระบบและโครงสร้างอำนาจทางการค้าในโลกการเมืองใบเก่า ทำนองเดียวกับคำพูดของอดีตเจ้าสัวไทย ที่ระบุบ่งบอกถึงความเจ็บช้ำน้ำใจอยู่กลายๆ ว่า มีแต่เจ้าสัวเยสเตอร์เดย์ และคงจะยากยิ่งที่จะได้เห็นตัวตน ในแบบเยสเตอร์เดย์วันซ์มอร์ สำหรับคนรุ่นผู้ใหญ่เต็มวัยทอง ที่ประสบผลสำเร็จในการดำเนินชีวิตที่ผ่านๆ มา ก่อนที่ระบบเศรษฐกิจโลก และระเบียบวิธีบริหารความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศในโลกใบเก่า ถูกเปลี่ยนแปลงไปโดยความก้าวหน้าของระเบียบการเมืองโลก จนถึงจุดอันเป็นวิกฤตการณ์การเงินและระบบสถาบันการเงิน ที่ต้องเปลี่ยนผ่านไปตามสภาพสังคมมนุษยชาติโดยรวม สุดสัปดาห์ที่แล้ว (1 ธันวาคม) ผู้บริหารระบบการเงินการคลังในประเทศญี่ปุ่น ได้ออกมากล่าวถึงนโยบายการเงินในประเทศและนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศ ของเงินสกุลเยนและเงินสกุลหยวนอย่างน่าจับตา โดย นายมาซาจูโร่ ชิโอกาว่า รัฐมนตรีคลังของญี่ปุ่นกล่าวว่า เมื่อคำนวณตามมาตรฐานโลกกันแล้วนั้นค่าเงินเยนเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ของสหรัฐ ตามภาวะเศรษฐกิจที่แท้จริงของญี่ปุ่น ณ เวลานี้ น่าจะอยู่ที่ระดับ 150-160 เยนต่อดอลลาร์ ไม่ใช่ 121-125 เยนต่อดอลลาร์อย่างที่เป็นกันอยู่ ขณะเดียวกัน นายฮารูฮิโกะ คารูดะ รัฐมนตรีช่วยฝ่ายกิจการวิเทศสัมพันธ์ กระทรวงการคลัง ก็เสนอข้ามน้ำข้ามทะเลไปถึงจีนว่า ค่าเงินหยวนของจีนเอง สมควรที่จะเพิ่มสูงขึ้นมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เพื่อที่จะได้ช่วยกันป้องกันและแก้ไขปัยหาภาวะเงินฝืดในตลาดเศรษฐกิจโลก ซึ่งแน่นอนว่า ผู้นำรัฐจีน คงยังไม่อยากจะรับ แม้ว่าโครงสร้างระบบการเงินการคลังของประเทศจะเริ่มเข้ารูปเข้ารอยแบบรัฐทุนนิยมทั่วๆ ไป บวกด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัวและระเบียบการเมืองการปกครอง ตลอดจนอุดมคติที่แปรเปลี่ยนไป จากระบบอันแข็งกระด้างและหยิ่งจองหอง ก้าวร้าวในทีมาเป็นการสัมพันธ์อย่างถ้อยทีถ้อยอาศัย ตามข้อเท็จจริงพื้นทางความก้าวหน้าของระบบเศรษฐกิจและตลาดแรงงานในประเทศ และยังไม่อยากจะก้าวเร็วเกินกำลังอำนาจทางการเมือง ซึ่งอาจก่อผลร้ายมากกว่าผลดีทั้งในแง่ของอำนาจ ภาวะสันติภาพภายในและระหว่างประเทศ ตลอดจนภาวะเศรษฐกิจภายในจักรวรรดิโดยรวม อย่างไรก็ตาม เมื่อมองเห็นกันแต่ตัวเลขกันเพียวๆ ข้อเรียกร้องหรือความเห็นของรัฐมนตรีฝ่ายการเงินการคลังของญี่ปุ่น ก็สะทกสะท้อนให้เห็นถึงภาวะช่องแคบการแข่งขันทางเศรษฐกิจการค้าการลงทุนระหว่างจีนกับญี่ปุ่น ที่ตีบเล็กลง แคบลงจนญี่ปุ่นรู้สึกอึดอัด ขณะเดียวกัน ก็สะท้อนให้เห็นถึงวิวัฒนาการทางการเมืองระหว่างประเทศ สองประเทศใหญ่นี้ไปในตัว อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศ นอกเวทีที่ประชุมคณะกรรมการบริหารของไอเอ็มเอฟ หรือกองทุนการเงินระหว่างประเทศ กลายเป็นคำพูดที่สะท้อนนัยยะทางการเมืองระหว่างประเทศ ซึ่งประเทศที่ได้พัฒนากลไกการเงิน การควบคุมให้อยู่ในระดับที่ต้องการได้ เสมือนการปิดเปิดประตูระบายน้ำ การเก็บและการบำบัดก่อนนำกลับมาใช้หมุนเวียนใหม่ ย่อมมีความได้เปรียบในการปรับตัวสูง เช่นเดียวกับญี่ปุ่น หรือสหรัฐอเมริกาที่เป็นต้นแบบการเงินโลกยุคใหม่ ร่วมกับฝรั่งเศส ขณะที่จีนนั้น ยังคงต้องยึดอยู่กับที่ของตนไว้ก่อน เช่นที่เคยกล่าวประกาศมาหลายครั้งก่อนหน้า อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศสำหรับเงินหยวนของจีน ยึดตัวอยู่กับที่ที่ 8 หยวนกว่าๆ ต่อหนึ่งดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 5 บาทไทย ขณะที่เงินเยนอยู่ที่ประมาณ 100 เยนต่อ 32-35 บาทไทย และทั้งสองประเทศ ต่างมีเงินดอลลาร์สหรัฐเป็นทุนสำรองในระดับต้นๆ ของโลก ก่อนหน้านี้ นักบริหารเงินตราระหว่างประเทศหลายสำนัก ได้ประมาณการกันว่า ค่าเงินหยวนของจีนน่าจะอยู่ที่ระดับ 7 หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐ หรืออาจสูงกว่านั้น ซึ่งก็เป็นข้อเสนอที่ใกล้เคียงกับความเป็นจริง เฉพาะในเขตเศรษฐกิจและตลาดการค้าการลงทุนที่พัฒนาแล้วของจีน อย่างเช่นเขตใจกลางกรุงปักกิ่ง เขตในของมหานครเซี่ยงไฮ้ เขตเศรษฐกิจพิเศษเสิ่นเจิ้น ตลอดจนอุตสาหกรรมเขตท่องเที่ยวภายในของจีน ซึ่งมีพื้นที่อย่างมากไม่เกิน 0.3 ใน 10 ส่วนของพื้นที่ตลาดเศรษฐกิจทั้งหมดของประเทศ แต่ปัญหาสำคัญของจีนก็คือ ตัวระบบการเงิน สถาบันการเงินภายในประเทศของจีนเองที่ยังยากต่อการปรับเข้าสู่ระบบอัตราแลกเปลี่ยนลอยตัวตามภาวะความเป็นจริงทางเศรษฐกิจโดยเฉลี่ย ทำนองเดียวกับยุคแรกเริ่มปฏิรูประบบปฏิวัติประเทศของรัสเซีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ เต็มไปด้วยความหลากหหลายในระดับเสื่อมโทรมขาดการบำรุงรักษาอย่างเป็นระบบอย่างรัฐทุนนิยมประชาเสรี กระนั้นก็ตาม วิวัฒนาการของสังคมโลกก็ยังคงเป็นตัวปัจจัยหลักที่เรียกร้องให้จีนขับเคลื่อนสังคมของตัวเองให้ก้าวไปข้างหน้า ด้วยความระมัดระวังและรู้แจ้งเห็นจริงภายในรัฐจีนเอง ดั่งพญามังกรที่ตื่นจากหลับและกำลังวาดแขนวาดเท้าอันใหญ่โตของมัน เป็นการวาดเท้าวาดแขนที่แม้เพียงกรีดหรือสะบัดเข้าที่ใด ก็ก่อแรงกระทบอันมหาศาลได้ แม้กับตัวของมันเองแม้โดยไม่ตั้งใจและยังไม่ทันได้ออกแรงใดใดเลยก็ตาม... โลกกำลังจะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมๆ จนแทบจะหมดสิ้นเชิงในอีกไม่กี่เพลาข้างหน้า ไม่ว่าจะมี "อุบัติเหตุ" ทางการเมืองการทหารหรือไม่ก็ตาม...
|
กลับหน้าแรก |