banner

E-LAW รอบรู้

Regulation

กลับไปที่ Main Page in English | หน้าหลัก (ไทย) | ดัชนีบทความ | ข้อกฎหมาย |

ความจำเป็นในการควบคุมอินเทอร์เน็ตคาเฟ่

โดย นพมาศ ประสิทธิ์มณฑล



การที่ภาครัฐจะออกมาตรการใด ๆ มาควบคุมกิจการ หรือการประกอบกิจการประเภทใดประเภทหนึ่ง ก็ควรจะมีการพิจารณาและศึกษาอย่างรอบคอบเสียก่อนว่า กิจการเช่นว่านั้นอาจมีผลกระทบ (ซึ่งมักจะเป็นในทางลบ) ต่อสังคมโดยรวม เช่นเดียวกัน ถ้าเราจะมีมาตรการทางกฎหมายใดๆ มาควบคุมกิจการให้บริการอินเทอร์เน็ต ที่เรียกว่า อินเทอร์เน็ตคาเฟ่ นั้น เราก็คงต้องมาพิจารณากันก่อนว่า จริง ๆ แล้วนั้นกิจการอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ ได้ก่อ หรือเป็นไปได้ที่จะก่อความเสียหายใดสังคมหรือประชาชนอย่างไรบ้าง

เท่าที่ผู้เขียนได้ติดตามข่าวเรื่องอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ในประเทศไทย ปัญหาหลักจริง ๆ น่าจะเป็นเรื่องการใช้โปรแกรมที่ไม่ได้รับอนุญาต หรือซอร์ฟแวร์เถื่อน ที่เจ้าของลิขสิทธิ์ไม่ได้ให้สิทธิ์ เจ้าของกิจการในการใช้โปรแกรมเช่นว่านั้น ในการประกอบกิจการอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ โดยทั่วไปเจ้าของกิจการจะโปรแกรมเถื่อนมาลงในเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ตนให้บริการแก่ลูกค้า เมื่อเจ้าของลิขสิทธิ์ เช่น บริษัทไมโครซอร์ฟ มาตรวจสอบ ก็แน่นอนว่า พบการกระทำผิดของกิจการอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ที่ละเมิดลิขสิทธิ์เจ้าของโปรแกรมที่นำมาลงในคอมพิวเตอร์ ทั้งที่จริงแล้วปัญหาการใช้ซอร์ฟแวร์เถื่อนดังกล่าว มิได้เกิดขึ้นกับกิจการอินเทอร์เน็ตคาเฟ่เท่านั้น เพราะหากมีการตรวจสอบกันจริง ๆ กิจการอื่นที่ใช้คอมพิวเตอร์ ทั้งนี้รวมถึงการใช้คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลตามบ้านด้วย ก็เป็นไปได้ที่จะพบการลงโปรแกรมที่ไม่ได้รับอนุญาตมากมาย หากแต่ว่า การตรวจสอบ หรือจับกุมดำเนินคดีกับกิจการอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ นั้นน่าจะกระทำได้ง่ายกว่า ในกรณีนี้ ผู้เขียนเห็นว่า ปัญหาการใช้โปรแกรมไม่ได้รับอนุญาตของกิจการอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ เป็นปัญหาเรื่องกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งการบังคับการให้เป็นไปตามกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปรับ หรือจำคุก ก็ควรจะไปพิจารณากันตาม พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ 2537

อย่างไรก็ตาม มีผู้ให้ความเห็นว่า ควรจะมีมาตรการพิเศษมาควบคุมกิจการอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ เช่น ให้มีการจดทะเบียน หรือมีการขอใบอนุญาตในการประกอบกิจการนั้น ผู้เขียนเห็นว่า ถ้ามาตรการดังกล่าวมีเพื่อแก้ปัญหาการใช้โปรแกรมเถื่อน ในการประกอบกิจการอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ มาตรการเช่นว่านั้นย่อมเป็นการซ้ำซ้อน กับบทบัญญัติตามกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาที่มีมาตรการทางกฎหมายที่จัดการกับผู้กระทำการอันละเมิดลิขสิทธิ์ในการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ไม่ได้รับอนุญาตอยู่แล้ว

บางท่านอาจสงสัยว่า แล้วในต่างประเทศเขามีปัญหาเรื่องอินเทอร์เน็ตคาเฟ่กันบ้างหรือไม่ ก็ขอตอบว่า มีเหมือนกัน แต่ปัญหาของแต่ละประเทศก็แตกต่างกันไป ดังมาตรการที่นำมาใช้ในการควบคุมกิจการอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ก็แตกต่างกันไปด้วย

อย่างที่เป็นข่าวครึกโครมเมื่อเดือนกรกฎาคม (2002) ที่ผ่านมา ที่ประเทศจีนซึ่งเป็นข่าวดังไปทั่วโลก เมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้สถานให้บริการอินเทอร์เน็ตคาเฟ่แห่งหนึ่ง ในนครปักกิ่ง เป็นเหตุให้นักเรียน นักศึกษา ซึ่งไปใช้บริการอินเทอร์เน็ต ณ สถานบริการดังกล่าว เสียชีวิตไป 24 ศพ ข้อเท็จจริงปรากฎว่าเด็กชายชาวจีนอายุ 13 และ 14 ปี สองคนได้ให้การรับสารภาพว่า ตนเป็นผู้วางเพลิงสถานให้บริการอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ดังกล่าว เนื่องจากโกรธแค้นที่พนักงานของกิจการดังกล่าว ไม่อนุญาตให้ตนเข้าไปใช้คอมพิวเตอร์

หลังเหตุการณ์เพลิงไหม้ดังกล่าว ทางการจีนประกาศปิดอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ในเมืองหลวงจำนวน 2,400 แห่ง เป็นเวลาสามเดือนเพื่อตรวจสอบความปลอดภัย ในขณะที่ทางการจีนได้กล่าวว่ามีกิจการอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ไม่ถึง 10 เปอร์เซ็น ที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการอินเทอร์เน็ตคาเฟ่อย่างถูกกฎหมาย

สื่อมวลชนจีนได้ให้ความเห็นกรณีการสั่งปิดอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ของทางการจีนว่า เป็นเรื่องความปลอดภัยของสถานให้บริการ มากกว่าจะเป็นเรื่องมาตรการควบคุมการประกอบกิจการอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ หรือ ที่ต่างประเทศเข้าใจว่าเป็นเรื่องเซ็นเซอร์ที่ รัฐบาลจีนไม่ต้องการให้ประชาชนของตนเข้าถึงข้อมูลที่ไม่พึงประสงค์ เช่น เว๊บไซต์ที่มีข้อมูลโจมตีเรื่องสิทธิมนุษยชนของรัฐบาลจีน

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้าที่จะมีเหตุวางเพลิงกิจการอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ บรรดาผู้ปกครอง และทางการจีนก็ได้เป็นกังวลกับเยาวชนจีน ซึ่งไม่เป็นอันร่ำเรียน เพราะไปจับกลุ่มใช้บริการอินเทอร์เน็ตกันที่สถานให้บริการอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ กันจนดึกดื่น

อีกกรณีหนึ่งที่เกี่ยวกับมาตรการควบคุมกิจการอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ เกิดขึ้นเมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา (2002) เมื่อผู้พิพากษาแห่งรัฐแคลิฟอร์เนีย สั่งระงับการมีผลใช้บังคับมาตรการทางกฎหมายใหม่ ซึ่งเกี่ยวกับการควบคุมกิจการอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ ณ เมือง Garden Grove มาตรการดังกล่าว สรุปได้ว่า ผู้เยาว์ใช้บริการอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ได้ไม่เกิน สองทุ่ม ทั้งนี้ทางสถานให้บริการอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ต้องจัดให้มีมาตรการรักษาความปลอดภัยพิเศษด้วย เนื่องจากว่า เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา มีเหตุการณ์ฆาตกรรมสองเหตุการณ์ ได้เกิดขึ้นกับวัยรุ่นที่ไปใช้บริการอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ แล้วปรากฎว่าถูกยิง และถูกแทงโดยแก๊งอันธพาล หลังจากกลับจากการใช้บริการอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ ดังนั้นเพื่อป้องกันเหตุร้ายซ้ำรอย ผู้ว่าเมือง Garden Grove ที่เกิดเหตุได้ออกมาตรการทางกฎหมายดังกล่าวมาควบคุมการให้บริการกิจการอินเทอร์เน็ตคาเฟ่แก่เยาวชนทันที

อย่างไรก็ตาม เจ้าของผู้ประกอบกิจการอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ ได้ยื่นคำร้องต่อศาลว่า มาตรการดังกล่าวขัดต่อรัฐธรรมนูญ หรือ First Amendment ของสหรัฐอเมริกา ดังนั้นขอให้ศาลมีคำสั่งระบับการใช้บังคับมาตรการดังกล่าว ด้วยเหตุที่ว่า มาตรการดังกล่าวเป็นการไม่ยุติธรรมต่อกิจการอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ฆาตกรรมทั้งสองกรณีแต่อย่างใด จากกรณีที่ศาลสั่งระงับการมีผลของมาตรการดังกล่าว ทำให้อีกหลายเมืองในสหรัฐอเมริกา จับตาดูคดี Garden Grove อย่างใกล้ชิดว่าจะลงเอยอย่างไร

จากตัวอย่างในประเทศจีนและสหรัฐอเมริกา ก็ยังไม่ชัดเจนว่า การประกอบกิจการอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ นั้นเป็นพิษเป็นภัยในตัวเอง (illegal per se) ไม่เหมือนกับการค้ายาบ้า หรือต้มตุ๋นหลอกลวงผู้ใช้บริการ จริงอยู่ว่า ปัญหาข้างเคียงที่อาจเกิดจากการให้บริการอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ อาจมีขึ้นได้ เช่น เป็นแหล่งมั่วสุมของเยาวชน ที่หนีเรียน, ผู้ไม่ประสงค์ดีที่ใช้อินเทอร์เน็ตจากร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ ในการส่งข้อความ ซึ่งเป็นการให้ร้ายป้ายสี หรือหมิ่นประมาทผู้อื่น, รวมทั้งอาชญากรที่อาจใช้คอมพิวเตอร์จากร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ ในการติดต่อกัน หรือเป็นส่วนหนึ่งของการประกอบอาชญากรรม เป็นต้นว่า การเจาะระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่น โดยใช้คอมพิวเตอร์ที่ร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่เป็นเครื่องมือ เหล่านี้มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นจากกระทำของผู้ใช้บริการ มากกว่าจะเป็นปัญหาที่ตัวสถานประกอบกิจการอินเทอร์เน็ตคาเฟ่เองโดยตรง ซึ่งตรงนี้เราก็ควรต้องหามาตรการที่เหมาะสมมาควบคุมเป็นเรื่อง ๆ ไป

แต่การจะออกมาตรการเดียว เช่นการจดทะเบียน หรือการขออนุญาตในการประกอบกิจการ มาจัดการกับปัญหาทั้งหมด ก็คงจะเป็นไปไม่ได้ เพราะ การจดทะเบียนการประกอบกิจการอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ ไม่ได้เป็นการแก้ปัญหาการมั่วสุมของเยาวชน หรือ การใช้คอมพิวเตอร์จากร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ในการประกอบอาชญากรรมคอมพิวเตอร์อื่น ๆ

โดยสรุป ไม่ว่าทางการจะออกมาตรการใดมาควบคุมกิจการอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ ควรต้องทำการศึกษาพิจารณาให้รอบคอบเสียก่อนว่า ปัญหาจริง ๆนั้นคือปัญหาอะไรกันแน่ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาที่เกิดจากลักษณะการให้บริการของตัวกิจการอินเทอร์เน็ตคาเฟ่เอง หรือเป็นปัญหาที่เกิดจากตัวผู้ใช้บริการกิจการดังกล่าว กันแน่ เรียกว่าต้องวินิจฉัยให้รู้สาเหตุของปัญหากันเสียก่อน แล้วจึงจะหามาตรการที่เหมาะสมมาควบคุม การกระทำอันไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือการกระทำที่มีผลกระทำต่อประชาชนและสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพ



Date Created: 27-Aug-2002
Last Modified: 27-Aug-2002
Author: Noppramart Prasitmonthon
Email: nop_elaw@hotmail.com
© Copyright นพมาศ ประสิทธิ์มณฑล 2001-2002

กลับไปที่หน้าแรก
กลับไปหน้าดัชนีบทความ