banner

E-LAW รอบรู้

Terms and Conditions of Web sites

กลับไปที่ Main Page in English | หน้าหลัก (ไทย) | ดัชนีบทความ | ข้อกฎหมาย |

โดย นพมาศ ประสิทธิ์มณฑล


ข้อกฎหมายสำหรับเว๊บไซต์

1. ความจำเป็นในการมีข้อกฎหมาย (terms and conditions) สำหรับการใช้เว๊บไซต์

การที่เจ้าของเว๊บไซต์ติดหรือ มีข้อกฎหมายไว้ในเว๊บของท่าน วัตถุประสงค์ก็เพื่อจำกัดความรับผิดทางกฎหมาย ที่อาจเกิดขึ้น จากการใช้เว๊บไซต์ของผู้เยี่ยมชม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากเว๊บไซต์ของท่านมีลักษณะล่อแหลมต่อการละเมิดกฎหมาย ทั้งนี้โดยพิจารณาจากเนี้อหา, รูปแบบของธุรกรรม และ ลักษณะการให้บริการหรือธุรกิจของท่าน ที่ให้บริการผ่านทางเว๊บไซต์ เว๊บไซต์ที่มีความเสี่ยงต่อการละเมิดกฎหมายเหล่านี้ส่วนใหญ่จะมีข้อกฎหมายไว้ป้องกัน หรือ จำกัด ความรับผิดของตน (แต่อย่างไรก็ตาม ข้อกฎหมายไม่สามารถจำกัดความรับผิดได้ทุกกรณี)

ท่านมีความรับผิดชอบต่ออะไรก็ตามที่ท่านเผยแพร่ในเว๊บไซต์ ถ้าหากว่าผู้เยี่ยมชมสามารถเข้าถึงได้ทางอินเทอร์เน็ต ความรับผิดทางกฎหมายนี้มีตั้งแต่ การละเมิดลิขสิทธิ์, การติดข้อความอันเป็นการหมิ่นประมาท, หรือ เนื้อหาไม่เป็นความจริง ผู้ประกอบกิจการทางเว๊บไซต์อาจต้องรับผิดทางกฎหมาย หากกิจการนั้นต้องได้รับอนุญาตจากทางการ (having a licence) เช่น การประกอบกิจการธนาคาร หรือ การค้าหลักทรัพย์ ฯลฯ

เนื้อหาของข้อกฎหมายนั้นอาจจะบอกถึงการจำกัดประเภทของผู้สามารถเข้าเยี่ยมชม หรือ ใช้บริการผ่านเว๊บไซต์ของท่าน เช่น หากท่านต้องการให้บริการซื้อขายหลักทรัพย์เฉพาะลูกค้าในประเทศไทย ข้อกฎหมายในเว๊บไซต์ของท่านก็ควรบอกกล่าวว่า ไม่รับลูกค้าที่อยู่ในต่างประเทศ ทั้งผู้ที่ซื้อหลักทรัพย์ หรือหุ้นผ่านเว๊บไซต์ของท่านได้ต้อง ให้ที่อยู่และหมายเลขโทรศัพท์ ที่ติดต่อกลับได้ในประเทศไทย ตรงนี้แม้ว่า ชาวอเมริกันใช้ชื่อและที่อยู่ปลอมเพื่อที่จะซื้อหุ้นจากเว๊บไซต์ของท่าน แล้วคณะกรรมการหลักทรัพย์ของ U.S.A. หรือ SEC จะกล่าวหาว่าท่านทำการค้าหลักทรัพย์ในสหรัฐ โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็คงไม่ถนัด เพราะข้อกฎหมาย(terms and conditions) ในเว๊บของท่าน ได้เป็นพยานหลักฐานอย่างดีว่า กิจการออนไลน์ของท่านมีขอบเขตการให้บริการแค่ไหน ดังนี้แล้ว ความรับผิดทางกฎหมายจากการทำธุรกกรรมใด ๆ ทางเว๊บไซต์ก็น่าจะเป็นสิ่งที่คาดเห็นได้ ถ้ามีการติดข้อกฎหมายที่มีรายละเอียด และขอบเขตการให้บริการที่ชัดเจน

2. การแจ้ง หรือทำให้ผู้เยี่ยมชมรู้ถึงการมีอยู่ของข้อกฎหมายในเว๊บไซต์

ข้อกฎหมาย (terms and conditions) รวมทั้งข้อปัดป้องความรับผิด(disclaimers) ควรติดในเว๊บไซต์ของท่านในลักษณะที่จะก่อให้เกิดผลทางกฎหมาย และต้องทำให้ผู้เยี่ยมชมสามารถที่สังเกตเห็นได้ อันจะนำมาซึ่งผลผูกพันต่อผู้เยี่ยมชมนั้น อย่างไรก็ตาม หากว่าข้อกฎหมายในเว๊บของท่าน ปฎิเสธความรับผิดที่มีความเป็นไปได้ว่าน่าจะเกิดขี้นจากลักษณะการให้บริการ ก็เป็นไปได้ว่า ข้อกฎหมายนั้นอาจไม่มีผลผูกพันผู้เยี่ยมชม เช่น หากเว๊บไซต์ของท่านให้บริการ เป็นที่แลกเปลี่ยนไฟล์เพลง mp3 ระหว่างสมาชิก เหมือนกรณีของ Napster แล้วท่านติดข้อกฎหมาย เพื่อป้องกันความรับผิดจากการละเมิดลิขสิทธิ์จากบริษัทเพลง ว่า "ทางเว๊บไซต์ไม่มีส่วนรู้เห็น หรือการกระทำใด ๆ ระหว่างสมาชิก อันอาจนำมาซึ่งความรับผิดจากการละเมิดลิขสิทธิ์ ในงานอันมีลิขสิทธิ์ ดังนั้น เว๊บไซต์จะไม่รับผิดจากกระทำอันเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ของสมาชิก" กรณีนี้ ถ้าหากบริษัทเพลงที่ถูกละเมิดลิขสิทธิ์ฟ้องเจ้าของเว๊บไซต์ ในฐานะผู้ร่วมกระทำความผิด เจ้าของเว๊บ รายนี้คงยกข้อกฎหมายปฏิเสธความรับผิดน่าจะฟังไม่ขึ้น เพราะข้อกฎหมายไม่ผูกพันผู้ถูกละเมิด

การทำให้ข้อกฎหมายของท่านมีผลผูกพัน หรือมีผลบังคับทางกฎหมายต่อผู้ใช้บริการเว๊บไซต์ของท่าน
ทำให้ข้อกฎหมายของท่านเป็นที่สังเกตได้โดยผู้ใช้บริการ หรือผู้เยี่ยมชม
อาจทำได้โดยวิธีต่อไปนี้:

  • ทำลิงค์ (link) ในตอนท้ายของเว๊บเพจ โดยเรียกว่า ข้อกฎหมายเกี่ยวกับการใช้เว๊บ (Legal notices)
  • การทำ pop-up หรือจอเว๊บเพจโผล่ขึ้นมาตอนเข้าสู่เว๊บไซต์ โดย ป๊อปอัพ สกรีนนี้จะแสดงข้อกฎหมาย และรายละเอียด ที่ท่านต้องการจะจำกัดความรับผิดไว้
  • การทำให้จอหน้าแรกแสดงข้อกฎหมายอัตโนมัติทุกครั้ง ที่มีการเรียกข้อมูลจากเว๊บไซต์มาดูเป็นครั้งแรก เรียกว่า ผู้ชมจะต้องผ่านหน้าเว๊บไซต์ที่แสดงข้อกฎหมายนี้ก่อนไปสู่หน้าอื่นๆ ของเว๊บเพจ

การติดข้อกฎหมายในเว๊บไซต์ ดังสามวิธีข้างต้นนี้ เป็นวิธีที่ใช้ในกรณีทั่วไป เพื่อให้แน่ใจว่าผู้เยี่ยมชมเว๊บไซต์ได้สังเกตเห็นข้อกฎหมายดังกล่าว การติดข้อกฎหมายในลักษณะนี้ใช้กับการติดข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับ เงื่อนไขการใช้เว๊บไซต์ (general conditions of use), ลิขสิทธิ์ และ นโยบายเกี่ยวกับสิทธิความเป็นส่วนตัว (privacy policies)

อย่างไรก็ตาม วิธีการนำเสนอข้อกฎหมายข้างต้นไม่ควรนำมาใช้กับกรณีการทำธุรกรรมออนไลน์ หรือการอนุญาตให้ลูกค้าใช้ข้อมูล หรือ ดึง (upload) ข้อมูลมาดู ทั้งนี้เพราะลูกค้าอาจปฎิเสธได้ว่าข้อกฎหมายดังกล่าวไม่มีผลผูกพันตนเอง เพราะไม่มีอะไรแสดงว่าลูกค้าแสดงเจตนาตกลงผูกพันในธุรกรรมออนไลน์นั้น เพียงแค่ทำให้ลูกค้าสังเกตเห็น หรือ อ่านข้อตกลง หรือสัญญาออนไลน์ใด คงไม่เพียงพอที่จะก่อให้เกิดความผูกพันทางกฎหมาย ดังนั้น ในกรณีของการทำให้ข้อกฎหมายมีผลผูกพัน หรือใช้บังคับได้ (enforceable) ในการทำธุรกรรมออนไลน์นั้น วิธีที่แนะนำ ก็คือ การทำข้อตกลงในรูปแบบกดปุ่ม หรือที่เรียกกันว่า click wrap agreement นอกจากนี้ยังอาจจะมีการนำกลไก ลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ด้วยก็ได้ ส่วนรายละเอียดของการใช้เทคนิค click wrap agreement และ digital signature นั้นผู้เขียนจะได้นำเสนอในบทความหน้า



Date Created: 24-Feb-2002
Last Modified: 24-Feb-2002
Author: Noppramart Prasitmonthon
Email: nop_elaw@hotmail.com
? Copyright นพมาศ ประสิทธิ์มณฑล 2001-2002 All rights reserved

กลับไปที่หน้าแรก
กลับไปหน้าดัชนีบทความ