การให้ความคุ้มครองสิทธิความเป็นส่วนตัว ในกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองสิทธิส่วนบุคคลออสซี่ กับเสรีภาพของสื่อมวลชน
โดย นพมาศ ประสิทธิ์มณฑล
ธุรกิจต่าง ๆ ในออสเตรเลีย เริ่มตระหนักถึงการให้ความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เนื่องจากกฎหมายว่าด้วยสิทธิความเป็นส่วนตัว หรือ Privacy Law ซึ่ง แก้ไข และมีผลบังคับใช้แล้วในช่วงคริสมาสต์ที่ผ่านมา ได้กำหนดให้ภาคเอกชน หรือ private sector ให้ความคุ้มครองสิทธิของประชาชน หรือลูกค้า ตาม กฎหมายนี้ด้วย ทั้งนี้เนื่องจากกฎหมายก่อนการแก้ไขได้กำหนดให้เฉพาะแต่ภาครัฐเท่านั้นที่มีหน้าที่ให้ความคุ้มครองในข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชน ตามกฎหมายนี้ เราจะเห็นได้ว่าในปัจจุบันนี้ ข้อมูลส่วนตัวของเราได้ถูกจัดเก็บโดยที่เราอาจะไม่รู้ค้ว เริ่มตั้งแต่ประวัติทางการแพทย์ ซึ่งถูกบันทึกในรูป ข้อมูลคอมพิวเตอร์ การทำธุรกรรมทางอินเทอร์เน็ต รวมถึงการทำธุรกรรมทางการเงินการธนาคารอิเล็กทรอนิกส์ด้วย การจัดเก็บข้อมูลสมัยใหม่ดังกล่าว นี้ ดูเหมือนจะเอื้อโอกาสให้แฮกเกอร์ และบุคคลอันไม่พึงประสงค์ต่าง ๆ เข้าถึงและสืบค้นเอาข้อมูลส่วนบุคคล ที่หน่วยงานใหญ่ ๆ จัดเก็บไว้ เช่น บริษัทประกันภัย ต่าง ๆ รวมทั้งธุรกิจรายย่อย ๆ ซึ่งองค์เหล่านี้ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการเพื่อประโยชน์ทางแผนการตลาด ดังนั้นเป็นที่แน่นอนว่ากฎหมายแก้ไขใหม่ นี้ย่อมสร้างความกดดันให้แก่ผู้ประกอบการ ในการที่จะถูกตรวจสอบการจัดเก็บ และการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลอย่างระมัดระวังมากขึ้น ผู้สังเกตการณ์กล่าวว่า กฎหมายฉบับนี้แม้ว่าจะมีช่องโหว่อยู่บ้าง แต่ว่าเป็นที่ยินดีของประชาชนโดยทั่วไปที่มีกฎหมายให้ความคุ้มครองสิทธิความเป็นส่วนตัว ในเรื่องดังกล่าวนี้
กฎหมายดังกล่าว มีผลห้ามภาคเอกชนส่งต่อข้อมูลส่วนบุคคลไปยังบุคคลที่สาม โดยปราศจากการรับรู้และยินยิมของเจ้าของข้ฮมูลแต่ละราย อย่างไรก็ตามกลุ่ม ผู้บริโภค ได้แสดงความเห็นว่า เป็นที่น่าผิดหวังที่กฎหมายแก้ไขใหม่ดังกล่าวยังไม่ได้ห้าม การจัดเก็บข้อมูลจากฐานข้อมูลขนาดใหญ่ สำหรับข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อวัตถุประสงค์ ในการเป็นข้อมูลทางการตลาด อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ถือได้ว่าผู้บริโภคในออสเตรเลียมีสิทธิอย่างแท้จริงที่จะเลือกไม่อยู่ในรายการบันทึกเพื่อ เป็นข้อมูลทางทางการตลาดของผู้ให้บริการ ทั้งนี้นักการตลาดก็มีหน้าที่ต้องแจ้งแก่ลูกค้าถึงขั้นตอนการใช้สิทธิดังกล่าว ว่าจะต้องทำอย่างไร การเปลี่ยนแปลง ที่สำคัญได้มีผลให้ความคุ้มครองถึงผู้ป่วย ที่จะสามารถเรียกร้องเข้าตรวจสอบข้อมูลของตนเองและมีสิทธิจะแก้ไข ข้อผิดพลาดใด ๆ ในข้อมูลของตนที่ได้ถูก จัดเก็บ ภาคเอกชนต่างๆ ได้รับการเตือนว่า ไม่ควรที่จะเก็บข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของตน แต่ยังรวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับสถานะภาพการสมรส กฎหมายใหม่ได้ วางระเบียบไว้อย่างกว้าง ๆ ว่า หากว่า ถ้าบริษัทมีรายได้น้อยกว่า 3 ล้านเหรียญออสเตรเลียต่อปี จะได้รับการผ่อนผันจากกฎหมายใหม่นี้ในช่วงสั้น ๆ เพื่อให้ พร้อมรับมือกับการปรับตัวเข้าสู่กฎหมายใหม่ อย่างไรก็ตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่แก้ใขใหม่นี้ จะช่วยสร้างระเบียบใหม่ทางธุรกิจของออสเตรเลีย ด้วยจิตสำนึกใหม่ และเคารพต่อสิทธิส่วนบุคคลในเรื่องความเป็นส่วนตัว
ชาวออสเตรเลีย ก็เคยมีความเคลี่อนไหวในประเด็นสิทธิความเป็นส่วนตัวมีแล้วครั้งหนึ่งในอดีต ในปี 1987 สาธารณชนได้ต่อต้านอย่างมากสำหรับแนวคิด ที่จะให้มีบัตรประชาชน หรือ the Australian Card ก็ด้วยเหตุผลที่ว่า อาจก่อให้เกิดการล่วงละเมิดต่อสิทธิส่วนบุคคล เมื่อเร็ว ๆ นี้ คณะกรรมการสิทธิส่วนบุคคล ได้เปิดเผยว่า จากการสำรวจ 90% ของประชาชนตอบแบบสอบถามว่า ผู้จัดเก็บข้อมูลควรสอบถาม หรือได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูล ก่อนมีการส่งต่อ ข้อมูลสู่บุคคลที่สาม ในขณะที่อีก 10% เห็นว่า ข้อมูลที่จัดเก็บในระบบคอมพิวเตฮร์ มีความปลอดภัยเพียงพอ>
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่สิทธิส่วนบุคคลมีความสำคัญเสรีภาพในการเสนอข่าว ก็มีความสำคัญด้วยเช่นกัน การแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครอง ความเป็นส่วนตัว หรือข้อมูลส่วนบุคคลนี้ ไม่ได้มีการนิยามความหมายของคำว่า "การสื่อสารมวลชนไว้" ซึ่งดูเหมือนว่าจะได้รับการยกเว้น จากกฎหมาย ที่เข้มงวดดังกล่าว ผู้สังเกตการณ์ให้ความเห็นต่อไปว่า เป็นไปได้เหมือนกันว่า องค์กรอาจพยายามปฎิเสธข้อมูลของสื่อมวลชน หรือ media information ควรเป็นที่เปิดเผยแก่สาธารณชนในวงกว้าง โดยอยู่บนพื้นฐานของความเป็นส่วนตัว ข้อโต้แย้งอีกประการหนึ่ง ก็คือ ปฎิญาณว่าด้วยสิทธิ (Bill of Right) ซึ่งรับรองเสรีภาพของการเผยแพร่ข่าวสาร ปฎิญาณดังกล่าวอาจสามารถใช้กล่าวอ้างในศาลได้และทำให้เป็นที่เข้าใจได้ว่า หลักทั้งสองมีความสำคัญ ทั้งเสรีภาพในการแสคงความคิดเห็น และสิทธิความเป็นส่วนตัวในการที่จะได้รับความคุ้มครอง
กลับไปที่หน้าแรก กลับไปหน้าดัชนีบทความ |
31/Jan/2002 |