โจทก์ฟ้อง จำเลยให้การรับสารภาพ ดังมีข้อเท็จจริงต่อไปนี้ กล่าวคือ เมื่อระหว่างเดือนมิถุนายน ๒๕๔๒ ถึงวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๔๒ เวลากลางวันและกลางคืนต่อเนื่องกันตลอดมา จำเลยได้หมิ่นประมาท นางสาวอ. ผู้เสียหายที่ ๑ นางสาวค. ผู้เสียหายที่ ๒ และนางสาวก. ผู้เสียหายที่ ๓ ซึ่งเป็นดารานักแสดง โดยการโฆษณานำภาพใบหน้าของผู้เสียหายทั้งสามที่ไปตัดต่อเข้ากับภาพหญิงอื่นในลักษณะโป๊ เปลือย เห็นอวัยวะเพศชัดเจน เผยแพร่ภาพดังกล่าวทางระบบอินเตอร์เน็ต เป็นการใส่ความผู้เสียหายทั้งสามต่อประชาชนทั่วไป ซึ่งทำให้ประชาชนที่ชมภาพดังกล่าวทางอินเตอร์เน็ตเข้าใจว่า ผู้เสียหายทั้งสาม ซึ่งเป็นดารานักแสดง เป็นที่รู้จัก และสนใจของประชาชน มีอาชีพที่ขัดต่อศีลธรรมในทางเพศ เป็นผู้มีความประพฤติไม่ดี โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้เสียหายทั้งสามเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นและถูกเกลียดชังจากประชาชนทั่วไปที่ได้พบเห็นภาพดังกล่าวนั้น
การกระทำของจำเลยนี้พิจารณาได้ว่า เพื่อประสงค์แห่งการค้า และโดยการค้า เพื่อแสดงอวดแก่ประชาชนทั่วไปได้ทำให้แพร่หลาย ด้วยการแพร่ภาพของผู้เสียหายทั้งสามดังกล่าวในฟ้อง และดารานักแสดงหญิงผู้มีชื่ออื่นอีกหลายคน โดยนำภาพใบหน้าของผู้เสียหายทั้งสาม รวมทั้งดารานักแสดงหญิงผู้มีชื่ออื่นอีกหลายคนดังกล่าวที่ตัดต่อเข้ากับภาพหญิงอื่น ในลักษณะโป๊ เปลือย เห็นอวัยวะเพศอย่างชัดเจน มีลักษณะของการร่วมเพศกับผู้ชายไม่มีการปกปิดส่วนใดๆ อันเป็นภาพลามกออกเผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ต เพื่อให้ประชาชนทั่วไปที่ใช้บริการอินเตอร์เน็ต ได้เห็นภาพลามกดังกล่าวอันเป็นการฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อย และศีลธรรมอันดี เหตุเกิดที่แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน แขวงแสนแสบ เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร และทั่วราชอาณาจักรเกี่ยวพันกัน
ศาลพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒๘ ฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา จำคุก ๑ ปี ปรับ ๔๐,๐๐๐ บาท มาตรา ๒๘๗ ฐานเพื่อความประสงค์แห่งการค้า เพื่อแสดงอวดแก่ประชาชน ทำให้แพร่หลายด้วยประการใดๆ ซึ่งสิ่งพิมพ์รูปภาพหรือสิ่งอื่นใดอันลามกจำคุก ๑ ปี ปรับ ๖,๐๐๐ บาท รวมจำคุก ๒ ปี ปรับ ๔๖,๐๐๐ บาท จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ จำคุก ๑๒ เดือน ปรับ ๒๓,๐๐๐ บาท พิเคราะห์รายงานการสืบเสาะของพนักงานคุมประพฤติแล้วเห็นว่า ไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยกระทำความผิดใดๆ มาก่อน มีที่อยู่อาศัย และประกอบอาชีพเป็นหลักแหล่ง ความประพฤติโดยทั่วไปไม่ปรากฏข้อเสียหายร้ายแรง เห็นควรให้โอกาสจำเลยกลับตนเป็นพลเมืองดี โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด ๒ ปี โดยให้จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติจำนวน ๔ ครั้ง ภายในกำหนดระยะเวลา ๑ ปี ให้จำเลยกระทำกิจกรรมบริการสังคมหรือสาธารณะประโยชน์จำนวน ๑๒ ชั่วโมง หากจำเลยไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙, ๓๐ ริบของกลาง
กลับไปที่หน้าแรก กลับไปหน้าดัชนีบทความ |