งานวิจัยเรื่อง แนวทางการพัฒนาการให้บริการข้อมูลกฎหมายออนไลน์แก่ประชาชน
โดย นพมาศ ประสิทธิ์มณฑล
ความเบื้องต้น
งานวิจัยเรื่อง แนวทางการพัฒนาการให้บริการข้อมูลกฎหมายออนไลน์แก่ประชาชน สำหรับรัฐบาลนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาวิชา Legal Information Systems ในปีการศึกษา 2001 ณ มหาวิทยาลัยเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย ด้วยผู้เขียนเห็นว่า แนวคิดในการให้บริการข้อมูลกฎหมาย อย่างมีประสิทธิภาพ แก่ประชาชนโดยใช้สื่ออินเทอร์เน็ต โดยไม่คิดค่าบริการนั้น ทางรัฐบาลควรที่จะมีความจริงจังในการที่จะทำให้เป็นรูปธรรม บทความนี้ได้เสนอแนวทางในการพัฒนา และอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้นในพัฒนาการเผยแพร่ความรู้กฎหมายสู่ประชาชนออนไลน์ โดยเปรียบเทียบ และวิเคราะห์จากตัวอย่างการให้บริการข้อมูลกฎหมายออนไลน์ของต่างประเทศ โดยเฉพาะตัวอย่างเว๊บไซต์กฎหมายที่ประสบความสำเร็จ อย่าง Austlii: www.austlii.edu.au ของ ออสเตรเลีย และ LII: www.law.cornell.eduของ สหรัฐอเมริกา บทความนี้น่าจะเป็นประโยชน์แก่ภาครัฐ หรือหน่วยงานเอกชนใด ๆ ที่ต้องการจะพัฒนาในเรื่องการให้บริการข้อมูลกฎหมายแก่ประชาชนไม่มากก็น้อย หากมีความผิดพลาดประการใดในงานวิจัยนี้ ผู้เขียนขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย
แนวคิดโดยย่อ
ผู้เขียนเห็นว่า การเผยแพร่ให้ความรู้กฎหมายแก่ประชาชนนั้นเป็นสิ่งสำคัญ เพราะทำให้ประชาชนรู้และตระหนักถึงสิทธิ และหน้าที่ที่ตนเองมีตามกฎหมาย ดังนั้นแล้ว ประชาชนย่อมปฏิบัติตามกฎหมาย ไม่กระทำการอันเป็นการละเมิดกฎหมาย ปัญหาคือ ทำอย่างไรจะทำให้ประชาชนรู้กฎหมาย ผู้เขียนเห็นว่า ควรเริ่มจากการทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึง(access) กฎหมายได้ ตรงนี้หมายความว่า มีแหล่งเก็บข้อมูลกฎหมายที่เปิดโอกาส หรืออำนวยความสะดวกให้ประชาชนสามารถค้นคว้า หาได้ว่ามีกฎหมายนั้น ๆ อยู่หรือไม่ ข้อกฎหมายนั้นอยู่ในกฎหมายฉบับไหน มีคำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายดังกล่าวตัดสินว่าอย่างไร
ความหมายของ การ "เข้าถึงได้" ซึ่งข้อมูลกฎหมายประการที่สอง คือ ประชาชนสามารถเข้าใจเนื้อหาที่บัญญัติไว้ในกฎหมาย ทั้งนี้เป็นที่ทราบกันว่า กฎหมายเขียนด้วยภาษากฎหมาย ซึ่งประชาชนทั่วไป ไม่ใช่นักกฎหมาย ก็อาจอ่านแล้วไม่เข้าใจ ดังนั้นการเผยแพร่ความรู้กฎหมายให้ได้ผลนั้น ควรที่จะมีการใช้ภาษาง่าย ๆ ในการอธิบายตัวบทกฎหมาย ทั้งนี้อาจพิจารณาใช้ภาพ หรือ ตัวอย่างประกอบการอธิบาย ความหมายประการที่สาม ในการทำให้ประชาชน "เข้าถึงได้" ซึ่งกฎหมายนั้น หมายความว่า ประชาชนไม่ต้องไปหาซื้อ ไม่ต้องใช้ความพยายามอย่างแสนเข็ญ ในการค้นคว้าหาข้อมูลกฎหมาย เรียกว่า ประชาชนความได้รับบริการข้อมูลกฎหมายฟรี อย่างทั่วถึงและเท่าเทียมกัน
ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ทำให้การสื่อสารสะดวกรวดเร็วด้วยค่าใช้จ่ายที่ไม่มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้อินเทอร์เน็ตในการสื่อสาร ผู้เขียนเห็นว่า รัฐบาล หรือหน่วยงานเอกชนใด ๆ ที่ประสงค์จะพัฒนาการเผยแพร่กฎหมายแก่ประชาชน สามารถใช้เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตนี้ เป็นเครื่องมือในการให้ความรู้กฎหมายแก่ประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในงานวิจัยส่วนแรกนี้ ผู้เขียนศึกษาภาพรวมของเว๊บไซต์กฎหมายไทยในปัจจุบัน 10 ตัวอย่างเว๊บไซต์ แบ่งเป็นเว๊บไซต์กฎหมายภาครัฐ 5 เว๊บไซต์ และ อีก 5 เว๊บไซต์มาจากภาคเอกชน หรือองค์กรอิสระ ทั้งนี้ผู้เขียนได้ให้ความเห็นไว้ด้วยว่าควรมีการปรับปรุงเว๊บไซต์กฎหมายของไทยอย่างไร ในส่วนที่สอง ผู้เขียนได้ให้เหตุผลว่า ทำไมรัฐบาลจึงควรแสดงบทบาทสำคัญในการพัฒนา การให้บริการข้อมูลกฎหมายแก่ประชาชนทางอินเทอร์เน็ต นอกจากนั้น ได้มีการเสนอแนะแนวทางในการพัฒนาโครงการนี้ ว่าต้องทำอย่างไรบ้าง มีขั้นตอนความยากง่ายในการดำเนินการเพียงไร ทั้งจะนำตัวอย่างของต่างประเทศมีเปรียบเทียบ ซึ่งจะได้กล่าวไว้ในส่วนที่สามของงานวิจัย ด้วยผู้เขียนตระหนักดีว่า การพัฒนาในเรื่องนี้ย่อมมีอุปสรรคไม่มากก็น้อย เช่นในเรื่องต่อไปนี้ การหาแหล่งเงินทุนในการสนับสนุนโครงการ การขาดแคลนประสบการณ์ และบุคคลากรที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญทั้งด้านกฎหมายและคอมพิวเตอร์ในขณะเดียวกัน ประเด็นปัญหาด้านลิขสิทธิ์ในข้อมูลกฎหมาย ที่นำมาจัดทำให้ในรูปอิเล็กทรอนิกส์ นอกจากนี้การนำเสนอข้อมูลกฎหมายที่เป็นคำพิพากษา อาจไปกระทบต่อสิทธิความเป็นส่วนตัว (Privacy right) ของคู่กรณีได้ ซึ่งปัญหาและอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้นในการดำเนินโครงการพัฒนาการให้บริการข้อมูลกฎหมายออนไลน์นี้ ได้ถูกวิเคราะห์ไว้ในส่วนที่สี่ของบทความ
ในส่วนสุดท้ายของบทความนี้ ได้เสนอรูปแบบที่สำคัญของเว๊บไซต์กฎหมาย ที่ให้บริการแก่ประชาชนควรจะมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
- เป็นเว๊บไซต์ให้บริการฟรี แต่ข้อมูลและบริการมีคุณภาพ
- การให้บริการ หรือเผยแพร่ข้อมูล ควรคำนึงถึงผู้ใช้งาน หรือประชาชนที่ไม่ใช่นักกฎหมายเป็นหลัก
- ควรแบ่งการให้บริการเป็นสองลักษณะ คือ เป็นเว๊บไซต์กฎหมายที่ให้บริการด้านเนื้อหา หรือที่เรียกว่า Content Web Site กับเว๊บไซต์กฎหมายที่เป็นแหล่งรวบรวมที่อยู่ของเว๊บกฎหมายของไทยและต่างประเทศที่เรา เรียกว่า Portal Web Site
- เนื้อหาของข้อมูลกฎหมายที่นำเสนอเป็นสิ่งสำคัญ ต้องถูกต้อง ชัดเจน เข้าใจง่าย และเชื่อถือได้
- รูปแบบโดยทั่วไป (appearance) ของเว๊บไซต์ ควรที่จะใช้งานได้ง่าย (user friendly) ไม่ซับซ้อนจนเกินไป พิจารณาถึงการใช้สีและภาพประกอบ ซึ่งไม่ควรจะใช้เวลานานในการดาวน์โหลด
ท่านสามารถอ่านบทความเต็ม (full text) ของงานวิจัยนี้ได้ในภาคภาษาอังกฤษ ได้ที่นี่.PDF Document
กลับไปที่หน้าแรก กลับไปหน้าดัชนีบทความ |