เนื้อหาโดยย่อ กฎหมายการธนาคารและการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์
โดย นพมาศ ประสิทธิ์มณฑล
กฎหมายการธนาคารอิเล็กทรอนิกส์นี้ มีประเด็นที่ต้องพิจารณาในเรื่อง การโอนเงินอิเล็กทรอนิกส์ (EFT) และกลไลการชำระราคาโดยวิธีการอิเล็กทรอนิกส์เป็นหลัก กฎหมายของต่างประเทศส่วนใหญ่เมื่อพูดถึง กฎหมายการธนาคารอิเล็กทรอนิกส์ จะมีการพิจารณากันในประเด็นทางกฎหมายต่อไปนี้:
- การให้ความคุ้มครองผู้บริโภค หรือธุรกิจ ในกรณีที่มีการใช้บริการทางการโอนเงินอิเล็กทรอนิกส์ทางไกล (Remote Account Access) เช่น การใช้บัตรเอทีเอ็ม การชำระราคาที่จุดขายสินค้า ที่เรียกย่อๆ ว่า เอฟพอซ (Electronic Funds Transfer Point of Sales or EFTPOS) การธนาคารทางโทรศัพท์ (Telephone Banking) การธนาคารทางอินเทอร์เน็ต คำสั่งการชำระราคาทางเทเล็กซ์ (Telexed Payment Instructions) การใช้หมายเลขพิน (Personal Identity Number or PIN) หรือรหัสส่วนบุคคล ทั้งนี้รวมถึง
การใช้ลายเซ็นดิจิตอล (Digital Signature) ด้วย- การชำระราคาทางอินเทอร์เน็ต จะรวมถึงการใช้บัตรเครดิต ไม่ว่าจะมีการเข้ารหัส หรือไม่ก็ตาม
- ระบบการชำระเงินแบบบรรจุมูลค่า (Stored Value Payment Systems ) ซึ่งได้แก่ เงินดิจิตอล (Digital Cash) สมาร์ทการ์ด(Smart Cards) หรือ กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Purses) ตัวอย่างเช่น มอร์นเด็กซ์การ์ด (Mondex Card) และ บัตรโทรศัพท์ที่มีไมโครโปรเซสเซอร์ชิพ
- การโอนเงินที่มีมูลค่าสูง (High Value Funds Transfers) ทั้งภายในและในทางระหว่างประเทศ ผ่านทางระบบต่อไปนี้ BITS, CHAPS, CHIPS, SIC, และ SWIFT
ประเด็นทางกฎหมายจะครอบคลุมถึง ความมีผลบังคับทางกฎหมายของคำสั่งอิเล็กทรอนิกส์ ความเป็นตัวแทน และ ความมีอำนาจทางนิตินัย ในกรณีที่การชำระเงินเสร็จสิ้นลง การกระจายความรับผิด ในกรณีที่มีความผิดพลาดของระบบ การล่าช้า มีการทุจริต การปลอมหรือทำซ้ำมูลค่าอิเล็กทรอนิกส์ การละเมิดต่อสิทธิส่วนบุคคล และ การชดเชยการจ่ายเงินที่ผิดพลาด ในประเด็นกฎหมายในเรื่องเหล่านี้ แม้แต่ในประเทศที่ใช้ระบบกฎหมายคอมมอนลอว์ ก็ปรากฏว่า กฎหมายคอมมอนลอว์เองก็ยังไม่มีความชัดเจนในประเด็นใหม่ ๆ เหล่านี้ หากแต่ว่า ในทางปฏิบัติธนาคาร หรือ ผู้ให้บริการการธนาคารอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งอาจจะรวมถึง บริษัทซอฟท์แวร์ต่าง ๆ ได้แก้ปัญหาเฉพาะหน้า ในเรื่องความไม่ชัดเจนของกฎหมาย โดยการประเด็นกฎหมายที่ระบุไว้ข้างต้นไว้ในสัญญาการขอใช้บริการ ซึ่งก็เป็นไปได้ว่าข้อสัญญามักจะไม่ได้ให้ความคุ้มครองผู้บริโภคมากนัก แต่สัญญามักจะระบุกรณีที่ตนไม่ต้องรับผิดต่อผู้บริโภคไว้มากมาย จนดูเหมือนว่า ไม่มีกรณีใดที่ผู้ให้บริการจะต้องรับผิด ต่อความผิดพลาดในการให้บริการ ไม่ว่าจะเกิดขึ้นโดยจงใจ ทุจริต หรือ ไม่จงใจก็ตามที
นี่ก็น่าจะเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมเราควรจะมีกฎหมายการธนาคารและการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากเราต้องการจะพัฒนาการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์อย่างจริงจัง กฎหมาย พรบ ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ที่จะมีผลใช้บังคับเดือนมีนาคม 2545 นี้ คงจะไม่พอกับการจัดการกับปํญหาการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ในรูปแบบต่าง ๆ เพราะการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ในปัจจุบันนี้ คงปฎิเสธไม่ได้ว่า ส่วนใหญ่เป็นเรื่องการค้าขาย การให้บริการ ซึ่งประเด็นหลักก็คือ ก็ต้องมีการชำระราคาค่าสินค้า และบริการกัน พูดได้ว่าหัวใจของการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ คือ การชำระราคา ดังนี้แล้ว การพัฒนากฎหมาย และการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์จะไม่สมบรูณ์ หากยังมิได้มีการออกกฎหมายการธนาคารและการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์มาใช้บังคับ
กลับไปที่หน้าแรก กลับไปหน้าดัชนีบทความ |
31/Jan/2002 |