เสียงอะไรบางอย่างตกลงพื้น ทำให้ชายหนุ่มที่กำลังเก็บของเพื่อเตรียมจะออกไปจากห้องหันกลับมามอง เขาค่อยๆย่อตัวลงไปเก็บของสิ่งนั้นขึ้นมาและมองอย่างพินิจพิจารณา ขมวดคิ้วมุ่นเมื่อได้เห็นสิ่งนั้นอย่างชัดเจน
     Shinyaยิ้มอย่างคิดถึง แววตาหม่นเล็กน้อยเมื่อคิดถึงเพื่อนๆที่ได้ร่วมกันฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆร่วมกันมาตลอดระยะเวลา 10 กว่าปี สำหรับเวลาที่พวกเขาทั้ง 5 ได้อยู่ร่วมกัน เขาเงยหน้าขึ้น มองทะลุบานประตูกระจกออกไป อพาร์ทเมนท์หรูชั้น 20 ทำให้ทัศนีย์ภายภายนอกดูเล็กลงไปถนัดตา Shinya เปิดประตูด้านระเบียงเดินออกไปด้านนอก ในมือยังคงถือกรอบรูปที่มีภาพของเขาและเพื่อนๆอยู่ในมือ เขาเดินออกไปยืนที่ระเบียง ลมเย็นๆพัดผ่านร่างไป เขาหลับตาลงสูดอากาศเข้าปอด อากาศของเมืองหลวง เมืองที่เขาและเพื่อนๆยังคงเดินวนเวียนอยู่
      คืนนี้ท้องฟ้าสดใส พระจันทร์ดวงโตลอยเด่นอยู่ราวกับว่าจะเอื้อมคว้าถึงได้ ด้านซ้าย เขามองเห็นทะเลอีกด้าน เขามองภาพถ่ายในมือ มองทะเลอีกฟาก และสุดท้ายก็เงยขึ้นไปมองดวงจันทร์ที่ส่องสว่างอยู่ และพึมพำออกมาเบาๆ
      "ทะเล Sea พระจันทร์ Luna ทะเลพระจันทร์ Luna Sea ทะเลแห่งแสงจันทร์ " เขาเบนสายตามองไปยังตัวเมืองที่มีดวงไปของรถราขยับเคลื่อนไหวไปมา เขามองอยู่อย่างนั้น นานโดยไม่ได้คิดถึงสิ่งอื่นใด ……

     ลมเริ่มพัดแรงขึ้นเรื่อยๆ ผมอ่อนนุ่มเริ่มปลิวไปมาตามแรงลม อากาศก็เริ่มจะเย็นลง แต่เขายังคงยืนอยู่ ณ จุดเดิมที่เคยอยู่เมื่อ ชั่วโมงที่ผ่านมา ในมือยังคงมีภาพถ่ายที่แสนคิดถึงอยู่ และเบื้องหน้าเขาก็ยังเห็นทะเล และ พระจันทร์ดวงโตอยู่เช่นเดิม
      Shinya ถอนหายใจเขาค่อยๆหันหลังกลับเข้าห้อง วางกรอบรูปลง และราวกับว่ามีอะไรบางอย่างผลักดัน เขาคว้าเสื้อโค้ทตัวยาวขึ้นมา และกุญแจรถพร้อมกระเป๋า เดินออกห้องไป ทั้งๆที่เขาเองก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่า เขาจะไปที่ไหน

     "ขอบคุณมากครับ!!! " ชายหนุ่มผมทองร่างสูง กล่าวขอบคุณเหล่าสต๊าฟทีมงานหนังสือฉบับหนึ่งที่เขารับงานเอาไว้ เขาเก็บของ แล้วสะพายขึ้นบ่าเดินออกไปจากสตูดิโอที่เขาใช้เวลาเกือบทั้งวัน J เดินออกมาถึงลานจอดรถที่เขาจอดชอปเปอร์คู่ใจ ก่อนจะขึ้นคร่อมและสตาร์ทเครื่องเสียงดังกระหึ่มออกไป ….
      J ควบรถคู่ใจของเขามาตามถนนสายหนึ่งที่ตอนนี้รถราแทบไม่เห็นเนื่องจากว่าดึกแล้ว และเป็นเส้นทางที่ไม่ค่อยทีคนใช้กันมากนัก แสงไฟจากข้างทางมองเห็นเป็นระยะ ตามแนวทาง เขาขี่รถไปเรื่อยๆ จนมาถึงจุดหนึ่งของถนนซึ่งสามารถเป็นจุดชมวิวได้อย่างดี
      ณ จุดที่ชายหนุ่มผมทองพักสูดอากาศในยามค่ำคืนนั้น เป็นส่วนโค้งของถนน เขาเดินไปใกล้ๆส่วนขอบของถนนฟรีเวย์สายนี้ มันถูกสร้างให้ยกสูงทำให้สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเมืองทั้งเมืองได้ดีเลยทีเดียว ร่างสูงในชุดกางเกงยีนส์ เสื้อกล้ามสีดำสวมทับด้วยแจ๊คเก็ตหนัง รองเท้าหนังสีดำมันปลาบ ยืนเอาแขนยืนพิงที่กั้นถนนมองไปยังถนนด้านล่างเขา แสงไปจากรถเคลื่อนที่ผ่านไปมาอย่างไม่หยุดนิ่ง เหมือนกับชีวิตของเขา นอกเสียจากว่าเขาจะหมดลมหายใจไปแล้วเท่านั้น
      "ผ่านไปอีกวันแล้วสินะ " J เอ่ยขึ้นกับตนเอง เขาเอามือเสยผมสีทองนุ่มมือของตนไปด้านหลัง สายลมที่พัดผ่านมา ความเย็นของอากาศทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้น หลับตาเพื่อที่จะซึมซับเอาความเย็นของลมเข้าสู่ภายในใจของเขาให้ได้รับความชุ่มชื้น ให้เขาได้รู้สึกเย็นสบาย
      "สดชื่นดีจริง..." J กล่าวกับตัวเองอย่างพอใจ เขาลืมตาขึ้น และมองค้างอยู่แบบนั้นเมื่อเขาได้เห็นสิ่งหนึ่งบนท้องฟ้า พระจันทร์ดวงกลมโต สีเหลืองนวลตา ส่องสว่างอยู่ท่ามกลางความมืดของท้องฟ้า J ยืนนิ่งมองดูอย่างนั้นเป็นนาน กว่าจะจึงเปลี่ยนมานั่งบนเยาะรถที่จอดอยู่ อากาศและสภาพแวดล้อมช่างเป็นใจในการรับลมจริงๆ ไม่มียวดยาน ไม่มีผู้คนมากวนใจ J เอนกายลงนอนบนเบาะ เขายกเข่าชั้นขึ้นข้างหนึ่ง อีกข้างก็ปล่อยเหยียดสบายไป เอามือทั้งสองประสานหนุนศีรษะของตนไว้ แล้วค่อยๆหลับตาลง หูเขาแว่วยินเสียงต่างๆ จากที่ไกลๆ …. สักพักก็ลืมตาขึ้น แล้วมองขึ้นไปที่ดวงจันทร์ที่ส่องสว่างอยู่ ริมฝีปากได้รูปแย้มยิ้มน้อยๆทักทายดวงจันทร์
      'ดวงจันทร์เหรอ ช่างสวยงาม ยิ่งใหญ่จริงๆนะ เหมือนกับตอนนั้น ความรุ่งโรจน์ส่องสว่างของ' …. ชายหนุ่มยันกายลุกขึ้นนั่ง เขาสะบัดศรีษะไปมา แล้วนั่งนิ่งไปพักหนึ่ง ก่อนจะยิ้มและหัวเราะในลำคอน้อยๆ
      "คิดถึง'ที่นั่น'จริงๆ " J หาทางให้ตัวเองไปได้ในที่สุด สำหรับคืนวันนี้ เขาลุกขึ้นแล้วขึ้นคร่อมรถคันโปรด สตาร์ทและบิดออกไปตรงไปยังเป้าหมาย 'ที่นั่น'คงเหมาะสำหรับเขาในตอนนี้ …..

     ชายหนุ่มร่างเพรียวที่นอนทอดกายบนเตียงผ้าใบ ที่ระเบียงบ้านหลังใหม่ของเขา เขานอนนิ่งเงียบมานานนับชั่วโมงแล้ว หลังจากที่ได้เรียบเรียงเพลงที่จะใช้ประกอบภาพยนต์ที่เขาเป็นผู้สร้างเองเสร็จเรียบร้อยแล้วเขาก็ขนเอาเครื่องดื่มและของกินเล่นมานอนรับลม ชมแสงจันทร์ที่ระเบียงบ้าน โดยมีเจ้าหมาที่เขาพึ่งจะซื้อมานอนหมอบอยู่เคียงข้างเขา บางครั้งมันก็จะเงยหน้าขึ้นมองดูเขาเวลาที่เขาขยับตัว หรือบางทีที่เขาฮัมเพลงขึ้นมาพวกมันก็จะขยับเข้ามาใกล้ๆ และเงี่ยหูฟังเสียงของเขาอย่างตั้งใจราวกับว่ามันสามารถที่จะรับรู้ในสิ่งที่เขาทำอยู่ได้กระนั้น
      "ไง ง่วงหรือเปล่า ไปนอนได้แล้วมั้ง" มือเรียวยื่นมาสัมผัสและลูบไปตามขนนุ่มๆของเจ้าหมาน้อยข้างกายอย่างเอ็นดู เจ้าหมาครางฮือในลำคอ แล้วแลบลิ้นเลียมือเจ้านายหนุ่มราวกับจะประจบ เจ้าสองตัวที่เหลือเห็นดังนั้นก็อยากจะอ้อนเจ้านายบ้าง เลยลุกขึ้นแล้วกระโจนขึ้นบนตักของเจ้านายทันที ทำเอาชายหนุ่มผมดำ นัยน์ตาคมหวานแทบตั้งรับไม่ทัน
      "อุ๊บ โอย นี่เจ้าสองตัวนี่ อิจฉาหรือไง เอ้าลงไปก่อน หนักนะ " Ryuichi หัวเราะเบาๆ อย่างเอ็นดูสัตว์เลี้ยงทั้งสามของเขาไม่ได้ เขาลูบหัว และตามขนนุ่มๆของพวกมันทุกตัวและกอดอย่างแสนรัก เจ้าตัวโตลงไปจากตักเขาแล้วมานั่งข้างๆตัวที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว ส่วนเจ้าตัวเล็กยังอ้อนอยู่ต่อไป Ryuichi หัวเราะอย่างนึกขัน เขาแกล้งกอดรัดฟัดกับเจ้าตัวที่อยู่บนตักจนมันอึดอัดและตะกุยตะกายให้เขาปล่อย เรียกเสียงหัวเราะจากเจ้านายหนุ่มลั่น
      " เอ้า อย่าดิ้นสิ" เขาเล่นกับเจ้าหมาน้อยอยู่พักใหญ่ก็เอนกายลงนอน ปล่อยเจ้าตัวเล็กลงให้มันไปนอนกับอีก 2 ตัวที่เหลือ เขานอนมองดวงจันทร์ที่ส่องสว่างสดใสในคืนนี้อย่างสบายใจ แสงนวลของจันทรา ทำให้จิตใจสงบอย่างไม่น่าเชื่อ
      "ไม่ว่าเมื่อไหร่ ดวงจันทร์ก็ยังคงยิ่งใหญ่อยู่เสมอ" เขาพึมพำกับตัวเอง เขาเองก็อยากเป็นเช่นเดียวกับดวงจันทร์ที่ส่องสว่างอยู่เสมอ เขาอยากจะเดินต่อไปตามทางที่เขาเลือก อยากจะรู้ว่าเขาจะได้พบกับอะไรต่อไป เหมือนกับ ….. เพื่อนของเขา เพื่อนรัก เพื่อนสนิทที่ร่วมต่อสู้กันมา เพื่อนเดินร่วมทางด้วยกันมานานนับ 10 ปี และแยกจากกันไปตามทางของตนเมื่อเวลามาถึง " Luna Sea " ไม่ว่าเมื่อไหร่ คำๆนี้ก็ยิ่งใหญ่สำหรับเขาเสมอ ไม่เคยเปลี่ยนแปลง
      "จะเป็นยังไงกันบ้างนะ" Ryuichi พึมพำในลำคอราวกับต้องการจะส่งคำถามนี้ไปหาใครคนหนึ่งหรือหลายคนที่เขากำลังคิดถึงอยู่ ' ชั้นคิดถึงพวกนาย ' เสียงนี้ร่ำร้องก้องอยู่ในอก นัยน์ตาสีนิลที่มองท้องฟ้าเปล่งประกายไหววูบ เขาหลับตาลงช้าๆ แล้วลืมตาขึ้นอีกครั้ง เขาค่อยๆลุกขึ้น เจ้าหมาน้อยทั้งสามมองตามเจ้านายหนุ่มที่เดินกลับเข้าบ้าน พวกมันก็รีบลุกขึ้นตามทันที Ryuichi เปลี่ยนชุดอย่างรวดเร็ว เสื้อยืดสีขาว กางเกงยีนส์ตัวโปรด รองเท้าผ้าหนังคู่เก่งและสุดท้าย แจ๊คเก็ตที่เขาใช้มานาน ชายหนุ่มปิดไฟในบ้านแล้วเดินออกมาโดยมีเจ้าหมาน้อยทั้งสามเดินมาส่ง เขานั่งลงเอามือลูบหัวน้อยๆของพวกมันและสั่งการ
      " เฝ้าบ้านให้ดีล่ะ " เขายิ้ม เจ้าหมาทั้งสามส่งเสียงฮื่อฮ่าในลำคอราวกับจะรับปาก Ryuichi ยิ้มแล้วลุกขึ้นเดินไปที่โรงจอดรถ เขาเปิดประตูรถและก้าวขึ้นไปนั่งอย่างคุ้นเคย รีโมทเปิดประตูใหญ่ทำงาน เฟอร์รารี่คันงามก็ค่อยๆเคลื่อนตัวออกไปอย่างเชื่องช้า และเพิ่มความเร็วมากขึ้นตามลำดับ ดวงตาคู่สวยมองไปข้างหน้าอย่างสงบ เขาขับรถคู่ใจมาเรื่อยๆ แสงไฟยามค่ำคืนดูสวยงามแต่ก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นได้เลย อะไรกันนะที่จะทำให้เขารู้สึกถึงความอบอุ่นและสงบสุขได้ ท่ามกลางความมืดที่ปกคลุม มีเพียงแสงไฟจากข้างทางเป็นระยะ รถคันหนึ่งวิ่งตัดผ่านฝ่าความมืดไปด้วยความเร็ว ที่ไหนกันนะที่จะเป็นจุดหมายของเขา ที่ไหนกันที่เขาต้องการจะไป

     ในห้องนั่งเล่นของห้องชุดในตึกสูงแห่งหนึ่ง ในยามราตรีที่ดึกสงัดที่ผู้คนส่วนมากได้เข้าสู่นิทราที่แสนสงบสุขไปแล้วนั้น ชายหนุ่มคนหนึ่งเขายังไม่สามารถจะข่มตาให้หลับลงไปได้ ร่างเพรียวบางนอนเอกเขนกบนโซฟาตัวใหญ่ โทรทัศน์ที่เปิดทิ้งไว้ไม่มีรายการอะไรนานแล้วแต่เขาก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก เหมือนกับว่าเขาไม่ได้มองภาพที่เคลื่อนไหวอยู่ในจอเลยแม้แต่น้อย
      นิ้วเรียวสวยคีบบุหรี่ขึ้นสูบและพ่นควันสีเทาขาวออกมา เขาจับจ้องมองควันบุหรี่ที่ค่อยๆสลายตัวไปกับอากาศรอบข้างๆ เสียงลมที่พัดแรงด้านนอกทำให้เขารู้สึกตัวและนึกขึ้นได้ว่าเขาลืมปิดประตูที่เชื่อมต่อกับส่วนระเบียงของห้องเอาไว้ Inoran ขยี้ก้นบุหรี่กับที่เขี่ยแล้วลุกขึ้นอย่างเกียจคร้านและเชื่องช้า ลากขาเดินไปจนถึงระเบียงและยืนเอามือเท้ากับพนักของระเบียงเอาไว้ เงยหน้าขึ้นสะบัดผมสลวยไปมา แรงลมที่พัดมาทำให้ผมนุ่มปลิวสยายดูนุ่มนวลน่าจับต้องยิ่งนัก สายลมที่พัดพาเอาความเย็นมาด้วยทำให้เขาตาสว่างอย่างไม่น่าเชื่อ เขามองลงไปเบื้องล่าง แสงไฟของยานพาหนะยังมีให้เห็นทั้งคืน
      "เป็นเมืองที่ไม่รู้จักการพักผ่อนจริงๆเลยน้า~~" Inoran หัวเราะเบาๆ พึมพำกับตนเอง นานเท่าไหร่แล้วนะที่เขาอยู่โดยไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างมากนัก นอกจากว่าสิ่งนั้นจะมีผลกระทบต่อเขาจริงๆ ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า สายตาปะทะกับดวงจันทร์ดวงโต กลมๆ อยู่บนท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ แม้มันจะไม่ใช่สิ่งที่ใหญ่โตมากมายนัก เมื่อเทียบกับผืนฟ้ากว้าง แต่ทำไมนะ เจ้าลูกกลมๆสีเหลืองนั่นถึงได้ดูโดดเด่นนักเมื่อเทียบกับหมู่ดาวดวงน้อยๆใหญ่บนท้องฟ้า เป็นเพราะแสงสีเหลืองสว่างนวลของมันหรืออย่างไร ที่ดึงดูดผู้คน ความยิ่งใหญ่ที่เป็นรองก็เพียงดวงอาทิตย์เท่านั้น เขาเองก็เคยเป็นเหมือนเจ้าลูกกลมๆนั้นเหมือนกัน เป็นพระจันทร์ เป็นทะเลที่ยิ่งใหญ่ ดึงดูดให้ค้นหา ดึงดูดผู้คนให้อยากเข้าใกล้คลั่งไคล้อยากสัมผัส เขาเป็นได้เช่นนั้นร่วมกับคนอีก 4 คน เพื่อนผู้ร่วมอุดมการณ์ เพื่อนรักทั้ง 4 คน ที่ตอนนี้ต่างก็มีทางเดินเป็นของตนเอง รวมทั้งตัวเขาเองด้วย พระจันทร์ดวงโตที่อยู่กับทะเล ได้สลายไปแล้ว ทะเลแห่งเสียงเพลงไม่มีพระจันทร์ประดับส่องสว่างเหมือนเช่นเคย เหลือเพียงดาวดวงน้อยเท่านั้น ….
      Inoran ยืนนิ่งมองฟ้ากว้างอย่างเงียบๆ เขาปล่อยให้เวลาผ่านไปอย่างไม่ได้เร่งรีบอะไร เขาไม่เคยเร่งรีบหรือบีบคั้นอะไรที่เขาไม่ต้องการ เพราะรู้ว่านั่นไม่ใช่ตัวเขา เขาไม่ต้องการให้มีอะไรมาเป็นตัวทำลายความเป็นตัวของตัวเอง และความเข้มแข็งที่เขามีมาตลอด แม้แต่คนๆหนึ่งที่เคยบอกเขาเสมอว่า ความเข้มแข็งเป็นสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของเขา เป็นสิ่งที่ดึงดูดคนๆนั้นให้เข้ามาหาเขาและอยู่ร่วมกันมานานนับ 10 ปี ในห้วงความคิดของ Inoran เขาเห็นชายหนุ่มผมทองร่างสูงใหญ่คนหนึ่งยืนอยู่รวมทั้งร่างของคนอีก 3 คนที่ยืนข้างๆ ยืนอยู่ไกลๆราวกับรอเขาให้เขาตามไป ในชีวิต 1 ชีวิต จะมีสักกี่คนที่จะมีเพื่อนที่เข้าใจในตัวตนของเราอย่างถ่องแท้ จะมีสักกี่คนที่จะโชคดีอย่างนั้น
      เสียงรถที่ยังวิ่งอยู่แว่วเข้ามา Inoran ตัดสินใจที่จะออกไปข้างนอกเพื่อให้สดชื่นขึ้นมาบ้าง อากาศยามดึกคงช่วยเขาให้รู้สึกปลอดโปร่งขึ้นมาได้บ้าง ชายหนุ่มร่างเพรียวบาง ค่อยๆเยื้องย่างกลับเข้าห้องโดยไม่ลืมปิดประตูระเบียงคว้าแจ๊คเก็ตตัวโปรดมาสวม พร้อมทั้งกุญแจรถคันเก่งของเขา แล้วก้าวออกไปจากห้องพักด้วยความมั่นคง ไม่นานนัก เฟอร์รารี่คันงามก็ทะยานออกจากตัวตึกสูง มุ่งหน้าไปเรื่อยๆอย่างไม่รู้จุดหมาย ….
      เกือบชั่วโมงที่ Inoran ขับรถวนเวียนไปมาตามถนนสายต่างๆ จนมาถึงทางยกระดับ เขาจอดรถที่ข้างทางและก้าวลงจากรถ ลมเย็นสบายพัดมา ผมสีน้ำตาลอ่อนนุ่มสลวยปลิวไปมา ชายหนุ่มเอนกายพิงรถไว้อย่างสบายๆ
      " ไหนๆก็ออกมาแล้ว ลองไปอีกสักหน่อยก็คงไม่แปลก " Inoran บอกกับตัวเอง เขายิ้มออกมาบางๆ ที่นั่น สถานที่ที่เขาและเพื่อนๆชอบไปนั่งเล่น ไปคุยกัน ทุกครั้งเขามักจะไปกับเพื่อนๆ แต่วันนี้ลองไปคยเดียวก็คงจะไม่มีอะไรหรอกมั้ง คิดได้ดังนั้น เขาก็ยืดตัวขึ้นอย่างมั่นคง เปิดประตูแล้วขึ้นนั่งทันที ไม่นานก็ออกรถมุ่งหน้าไปยังเป้าหมายทันที

     ลมทะเลที่พัดมาไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มผมสีเพลิงรู้สึกอะไรมากมายนัก นานนับชั่วโมงที่เขามานั่งอยู่ที่ชายหาดแห่งนี้ Sugizo ยกมือขึ้นคีบบุหรี่ที่คาบอยู่ในปากออก เขาค่อยๆพ่นควันสีเทาขาวออกมามันสลายหายไปกับแรงลมอย่างรวดเร็ว เส้นผมนุ่มปลิวสยายไปมา เสื้อผ้าที่สวมก็ปลิวสะบัดไปด้วย ก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่ชั่วโมง เขายังอยู่ในเมืองที่วุ่นวายสับสน แต่นาทีนี้เขาอยู่ที่นี่ ชายหาดที่เงียบสงบ อยู่กับสายลม ทะเล และแสงจันทร์ที่สาดส่องลงมาจากพระจันทร์ดวงใหญ่ กลมโตสดใสที่ลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้า
      1 ชั่วโมงก่อนหน้านี้ Sugizo อยู่ที่สตูดิโอและประชุมงานกับสต๊าฟรวมทั้งนักดนตรีหน้าใหม่ที่เขาเป็น Producer ให้ เขามองเห็นแววตาแห่งความกระหาย ใฝ่ฝันในดนตรีที่ตนเองรักและต้องการในดวงตาของเด็กหนุ่มเหล่านั้น มันช่างเหมือนกับแววตาของเขาและเพื่อนรักอีก 4 คน ที่มีอยู่เสมอ ความต้องการที่จะเดินไปบนเส้นทางดนตรีตามแบบของตน มันทำให้เขานึกถึงตัวเองเมื่อครั้งที่ยังเป็นอินดี้ เมื่อตอนที่ J และ Inoran มาชวน Shinya ให้ไปร่วมวงและเขาก็ถูก Shinya ลากไปด้วย จวบจนได้ Ryuichi มาเป็นสมาชิกคนสุดท้าย การได้เจอกับ Hide และเข้าสังกัดของ Extasy การทำงานช่วงต่าง ความสนุก ความสุข ความทุกข์ ปัญหาต่างๆที่เคยต้องเผชิญ จนกระทั่งเหตุการณ์นั้นที่เขาเป็นผู้เริ่มต้นเอง
      Sugizo สั่นสะท้านเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เปลี่ยนชีวิตของเขาและเพื่อนๆ เมื่อเขาได้พูดถึงการแยกวง และในที่สุดมันก็มาถึง ความเจ็บปวดและทรมานที่ติดค้างอยู่ทำให้น้ำตาไหลออกมาโดยไม่ตั้งใจ พักใหญ่เขาก็ค่อยๆยืดตัวตรงมองไปข้างหน้าด้วยท่าทางของ Sugizo คนเดิม น้ำตาใสๆที่ออกมาจากตา ถูกสายลมพัดผ่านและพาให้เหือดแห้งไป เขาหลับตาลง ยืนเอามือซุกอยู่ในกระเป๋ากางเกงแบบนั้น และเงยหน้าขึ้นมองบนท้องฟ้า
      "Luna Sea …. " ริมฝีปากสวยเปล่งเสียงออกมาเบาๆ
      "ทะเลแห่งแสงจันทร์ ที่ยิ่งใหญ่ กว้างไกล แต่...... ตอนนี้...มันคงกลายเป็น..... ทะเลในคืนที่มืดมิดไปแล้วสินะ " เขาถามตัวเอง ตาคู่สวยคมเด่น มองนิ่งไปยังท้องฟ้ากว้าง ที่มีดวงจันทร์ดวงโตส่องสว่างอยู่ ดาวดวงน้อยมีประดับประปรายบนท้องฟ้า เบื้องหน้าเขาคือท้องน้ำ ของผืนทะเลอันกว้างใหญ่ ขอบฟ้าที่มืดมิด จรดกับขอบทะเลอีกด้าน แสงจากประภาคารส่องสว่างเป็นระยะ บอกทางแก่นักเดินเรือในยามค่ำคืน เพื่อให้เดินทางได้อย่างปลอดภัย
      ชายหนุ่มยืนอยู่อย่างนั้น เขาไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้าง ไม่ได้สนใจฟังหรือมองอะไรเลย นอกจากปล่อยให้ความคิดล่องลอยไปเรื่อยๆกับสายลมที่พัดผ่านร่างกาย ไม่รู้เลยว่าเบื้องหลังเขาได้มีรถยนต์คันหนึ่งแล่นเข้ามาจอดเทียบ และชายหนุ่มคนหนึ่งก็ก้าวลงมาจากรถและยืนมองเขาอยู่นานราวกับอยากให้แน่ใจว่าไม่ผิดตัว
      ชายหนุ่มผู้มาใหม่เดินเข้าไปหาร่างเพรียวบางที่ยืนนิ่งมองไปยังทะเลอยู่ และไปหยุดยืนอยู่ข้างๆ นั่นเองที่ทำให้ Sugizo รู้สึกตัว เขาค่อยๆหันหน้ามาดูผู้มาเยือนแล้วก็ชะงัก เบิกตามองอย่างตกใจแกมดีใจ แล้วริมฝีปากสวยก็คลี่ยิ้มรับผู้มาใหม่อย่างยินดี และอีกฝ่ายก็ยิ้มตอบอย่างยินดีเช่นกัน ชายหนุ่มทั้งสองโผเข้ากอดกันอย่างยินดีอย่างยิ่ง เป็นนานกว่าที่ทั้งสองจะคลายอ้อมแขนออกจากกัน Sugizo ยิ้มเขาเอ่ยเรียกชื่ออีกฝ่ายราวกับจะย้ำความถูกต้องว่าตนเองตาไม่ฝาด
      "Ryu … " Ryuichi พยักหน้าให้เพื่อนและยิ้มรับ ทั้งสองไม่พูดอะไรไปมากกว่านั้น ไม่มีคำพูดใดจะมาสื่อความรู้สึกยินดีของพวกเขาได้ เสียงรถอีกคันที่เข้ามาทำให้ทั้งสองหันไปมอง และยิ้มรับเมื่อพบว่าผู้ที่เดินเข้ามาหานั้นเป็นใคร Ryuichi เอ่ยขึ้นเบาๆพร้อมกับกางแขนรับร่างของ อีกฝ่ายที่โถมเข้ามาเช่นเดียวกับ Sugizo ที่ต้องรีบกางแขนรับร่างที่โถมเข้ามานั้น
      "Sugi…Ryu " Shinya เรียกเพื่อนอย่างยินดี เขากอดเพื่อนทั้งสองอย่างยินดี ทั้งสามยิ้มและหัวเราะให้กันอย่างมีความสุข ทั้งสามมองไปที่ทะเล และดวงจันทร์ที่ส่องประกายอยู่ ด้วยความหวังลึกๆในใจที่ แอบภาวนา และแล้วดวงจันทร์ก็ตอบรับคำภาวนาของเขาเมื่อเสียงรถอีกคันดังเข้ามาแว่ว ทั้ง 3 คนรีบหันกลับไปทันทีและนั่นพวกเขาก็ได้เห็นชายหนุ่มร่างบางที่เดินเข้ามา
      Inoran เดินเข้าไปหาเพื่อนทั้งสามอย่างไม่แน่ใจ เขาแทบไม่อยากจะเชื่อว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นมาได้ เพื่อนที่เขาคิดถึงมาปรากฏตรงหน้าเขาถึง 3 คน เขาเดินเข้าไปหา ทั้ง 4 คนกอดคอกันและหัวเราะ พวกเขาไม่พูดอะไรนอกจากหัวเราะและยิ้ม แค่นี้ก็พอแล้วสำหรับความยินดีที่ท่วมท้น Inoran เดินนำเพื่อนทั้ง 3 คนไปใกล้ชายทะเลมากขึ้น เขาถอดรองเท้าออก ให้ฝ่าเท้าได้สัมผัสกับพื้นทราย ยืนนิ่งเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า โดยมีเพื่อนทั้งสามยืนมองอยู่ไม่ไกลนัก ขณะนั้นเองทุกคนไม่รู้เลยว่า J ได้มาถึงแล้วเช่นกันจวบจนกระทั่ง Shinya รู้สึกถึงแรงบีบที่ไหล่ เขาหันกลับไปทันทีและเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าเป็นใคร Sugizo และ Ryuichi เองก็ตกอยู่ในอาการเดียวกัน J ยิ้มและกอดเพื่อนทั้งสาม อย่างยินดี มีเพียง Inoran เท่านั้นที่ยังไม่รู้ J ค่อยๆเดินเข้าไปหาเพื่อนรักที่ยืนนิ่งอยู่ เขามองเพื่อนอย่างพิจารณาแต่ก็ไม่พบว่าเพื่อนที่สนิทที่สุดของเขาคนนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรเลย
      Inoran ควานหาบุหรี่ขึ้นมาคาบและจะจุดสูบ แต่ไม่ทันที่จะหาไฟแช็ค ก็มีมือหนึ่งยื่นไฟมาให้ เขาเหลียวหันกลับมามอง ดวงตาโตมองอย่างแปลกใจที่ได้เห็นคนที่เขาไม่คิดว่าจะได้เห็น เรียวปากที่คาบบุหรี่อยู่ยิ้มน้อยๆ และค่อยๆจ่อบุหรี่กับไฟที่ J ยื่นมาให้ J เก็บไฟแช็คเข้ากระเป๋า แล้วยืนเงียบๆเคียงข้าง Inoran ไม่มีการโอบกอดเหมือนที่ได้ทำกับเพื่อนอีก 3 คน ไม่มีการพูดคุย แต่ทั้งสองก็รับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายรู้สึกอย่างไร
      Inoran ทรุดกายลงนั่งบนพื้นทรายข้างๆ J เขาชันเข่าขึ้นมาเอาคางเกยเข่าไว้ เอียงคอมองไปด้านข้างและเห็นเพียงช่วงขาของ J ซึ่งยืนอยู่ มือข้างหนึ่งวางซ้อนคางอยู่ ส่วนอีกข้างหนึ่งก็คีบบุหรี่ไว้ ไม่นาน Ryuichi Sugizo และ Shinya ก็ตามมาสมทบ Ryuichi ทรุดตัวลงนั่งข้างๆ เหยียดขาออกไปเอามือเท้ายันไปด้านหลัง ส่วน Sugizo นั้นก็จุดบุหรี่สูบและเดินไปยืนมองทะเลที่อยู่เบื้องหน้า ส่วน Shinya ก็กอดอก ยืนมอง Sugizo ที่เดินออกไปอย่างเงียบๆ ไม่มีเสียงพูดคุยใดๆทั้งสิ้น ทุกคนต่างสงบนิ่งสายตาทุกคู่อยู่ที่ปลายฟ้าที่เป็นเส้นขอบที่บรรจบกันของท้องฟ้าและผืนน้ำ ที่เริ่มมีสีทองเรื่อขึ้นมาเนื่องจากยามเช้าใกล้เข้ามาแล้ว
      Ryuichi ยืนขึ้นเมื่อ Sugizo เดินกลับมาหา และราวกับจะสื่อถึงกันได้ ทั้ง J Inoran และ Shinya ต่างก็เดินเข้ามาหากัน ทั้ง 5 ตนมองตากันอย่างรู้ว่าพวกเขาจะทำอะไรต่อไป Ryuichi ยื่นมืออกมาข้างหน้าอย่างมั่นคง.......เหมือนกับทุกครั้งก่อนที่พวกเขาจะขึ้นเวที ก่อนที่การแสดงจะเริ่มต้น แต่นี่ไม่ใช่การแสดง มันเป็นชีวิตที่เริ่มต้นของพวกเขา เช้าวันใหม่ที่เริ่มต้น ก้าวต่อไปของพวกเขา เสียงของ Ryuichi ดังขึ้นในที่สุด
      "เราต้องก้าวต่อไป" สิ้นเสียง เขาก็ยิ้มให้กับเพื่อนๆและอีก 4 คนก็พยักหน้าแล้วสะบัดมือลงไป ทันใดนั้นเองโดยไม่ทันได้ตั้งตัว Sugizo ก็ถูก Ryuichi โกยเอาทรายมาปาเต็มที่ เขายืนนิ่งเป็นนานส่วน ก่อนจะวิ่งไล่กวด Ryuichi ที่วิ่งหนึไปก่อนหน้านั้นแล้ว โดยมีเสียง Shinya ตะโกนบอกให้ Ryuichi รีบวิ่งหนีดังตามมาด้วย
      "แก……………..เจ้า Ryu อย่าหนีน๊าาาาาาาาาา…" Sugizo ตะโกนและวิ่งไล่เพื่อนไม่ลดละ ส่วนตัวก่อเรื่องนั้นเผ่นไปไกลแล้ว Inoran หัวเราะ แล้วเดินตามพวก J และ Shinya ที่เดินตาม Sugizo และ Ryuichi ไปช้าๆ แต่แล้ว เขาก็นึกสนุกจึงถอยหลังไปนิดหนึ่งแล้ววิ่งเข้าไปชาร์ท J ทันที
      "เฮ้ย…." J ร้องอย่างตกใจที่จู่ๆ Inoran ก็กระโดดมาเกาะหลังจนเกือบคะมำ แต่เขาก็ยังเดินต่อไป โดยที่แบกเอาเพื่อนรักอย่าง Inoran ทีเกาะแปะติดหลังไปด้วย Shinya เองก็เอาแต่หัวเราะที่เห็น Sugizo วิ่งกวด Ryuichi อย่างเอาเป็นเอาตาย เขาเดินรั้งท้ายขบวนเป็นคนสุดท้าย นานแล้วสินะที่ไม่ได้เห็นภาพแบบนี้ แล้วจะอีกนานแค่ไหนกันนะที่จะได้เห็นอีก เขาคิด แต่แล้วก็เลิกคิดเพราะไม่ใช่สิ่งที่ต้องกังวล สำหรับพวกเขาแล้ว ไม่ว่าจะห่างกันสักแค่ไหน ความรักและความผูกพัน มิตรภาพของพวกเขาจะยังคงเหมือนเดิมไม่มีวันเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน Shinya คิดและยิ้มกับตัวเอง เขาเดินตามเพื่อนไปตามชายหาด แสงอาทิตย์เริ่มจับของฟ้ามาเรื่อยๆ วันใหม่กำลังจะเข้ามาแล้ว อนาคตจะเป็นอย่างไร อย่าไปกังวลดีกว่า ขอแค่ได้รู้ว่าความรู้สึก ความรัก ความผูกพันยังเหนียวแน่นจะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่กลัว
      เช้าวันนี้หากมีใครสักคนที่ออกมาเดินเล่นแต่เช้า และมองไปที่ชายหาด ก็จะได้เห็นภาพของชายหนุ่ม 2 คน ที่วิ่งไล่กันอยู่ โดยมีอีกคู่ที่เล่นขี่หลังเดินตามมา และตบท้ายด้วยชายหนุ่มอีกคนที่ตามสังเกตการณ์อยู่เบื้องหลัง ไม่มีใครรู้ว่าต่อไปภาพแบบนี้จะเกิดขึ้นอีกหรือไม่ แต่ที่รู้ ภาพนี้จะอยู่ในความทรงจำของทั้ง 5 ตลอดไป สักวันหนึ่งพวกเขาจะกลับมารวมกันเช่นนี้อีก เส้นทางทั้ง 5 ที่เคยแยกทางออกไป จะกลับมารวมกันอีกครั้ง สักวันความรัก ความผูกพันจะย้อนหวนกลับมาหากันดังวันวาน สักวัน…….. แสงทองของดวงอาทิตย์เริ่มทอแสง วันใหม่เริ่มขึ้นแล้ว ขาทั้งสองก็ต้องก้าวต่อไปอย่างเชื่อมั่น ก้าวไปเถอะ อย่าได้หวั่นไหว หากล้มลงจงรู้ไว้ กำลังใจจากเพื่อนยังคอยส่งถึง แม้ไม่รับรู้ด้วยกายก็จงรับรู้ด้วยใจ แล้วสักวันเราจะได้กลับมาพบกัน ….

สักวันเราจะพบกัน!!
IT'S NEVER END

Back to Main
© copyright 2001 Eternal Team