มาลาเรีย : มหันตภัยร้ายของไก่ชน
โดย ธเนศร์ บุญตาแสง
jom.tha@chaiyo.com
....................................................................................................................................
พอหน้าฝนคืบคลานเข้ามาเยือน นับเป็นฤดูกาลที่ธรรมชาติได้คืนความอุดมสมบูรณ์สู่แผ่นดินอีกครั้งหนึ่งในรอบปี การสับเปลี่ยนฤดูเช่นนี้เท่ากับเป็นการให้เวลากับธรรมชาติสร้างพืชพันธุ์ธัญญาหารเพื่อหล่อเลี้ยงสิ่งมีชีวิตในโลกให้รอดพ้นจากความอดอยาก ระบบนิเวศย่อมรักษาความสมดุลในตัวของมันเองโดยสร้างสิ่งหนึ่งขึ้นมาต้องมีอีกสิ่งที่คอยควบคุมหรือจำกัดประชากรให้มีจำนวนที่เหมาะสม สิ่งเหล่านี้ย่อมเป็นผลดีมาสู่มวลมนุษย์โดยตรง แต่สิ่งที่มากับหน้าฝนนั้นก็อาจสร้างความหายนะให้กับมวลมนุษย์ได้เช่นกัน
ยุงเป็นสัตว์ชนิดหนึ่งที่มักก่อปัญหาในทุก ๆ ปีที่ฤดูฝนย่างกรายเข้ามาเยือนโดยเฉพาะปัญหาด้านสุขภาพอนามัยคนและสัตว์เลี้ยง เพราะยุงเป็นพาหนะนำเชื้อโรคหลายชนิดที่เป็นอันตรายต่อชีวิต เช่น โรคไข้เลือดออก โรคเท้าช้าง ไข้มาลาเรีย นอกจากนี้ยุงยังสามารถไปรบกวนสัตว์เลี้ยงด้วยการกัดกินเลือดจนสัตว์เลี้ยงมีสุขภาพทรุดโทรม หลับนอนไม่ได้เต็มที่ ภูมิคุ้มกันลดลงอาจติดเชื้อชนิดอื่น ๆ ได้ง่าย โรคบางอย่างเมื่อยุงกัดสัตว์เลี้ยงตัวหนึ่งก็จะนำเชื้อไปสู่อีกตัวหนึ่งได้ เช่น มาลาเรียในไก่ชน เป็นต้น
ปกติการเลี้ยงไก่ชนนั้นเราจะเอาใจใส่เป็นพิเศษก็เฉพาะตัวที่ต้องเลี้ยงเพื่อออกชนเท่านั้น แม่ไก่-พ่อไก่และไก่เล็กก็จะปล่อยเลี้ยงเหมือนกับไก่พื้นเมืองทั่ว ๆ ไป เป็นโอกาสที่ให้ยุงได้เข้าไปแพร่เชื้อได้ดีเพราะไก่ชอบนอนรวมกันในเล้าเป็นฝูง ดังนั้นการกางมุ้งให้ไก่นอนในเวลาค่ำคืนก็นับเป็นวิธีหนึ่งที่ป้องกันยุงและโรคที่จะมากับยุงได้โดยตรง แต่เมื่อโรคร้ายนี้ได้เข้าระบาดในไก่ฝูงใดแล้วการเฝ้าระวังนั้นนับเป็นงานที่ลำบากอยู่ไม่น้อย เพราะยุงเป็นสัตว์ที่มีขนาดเล็กและออกหากินในเวลาค่ำคืนมองหาและเห็นตัวยาก และเป็นสัตว์ที่มีมากในทุก ๆ พื้นที่ ดังนั้นผู้เลี้ยงไก่ชนต้องมีการป้องกันที่ดีเอาไว้ก่อน จะได้ไม่เสียใจตามภายหลัง
การเลี้ยงไก่ชนนั้นปฏิเสธไม่ได้ว่าจะต้องนำไก่ไปชนกัน นำไก่จากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งอยู่เป็นประจำ ทั้งนี้อาจด้วยจุดประสงค์ที่แตกต่างกัน เช่น นำไปปล้ำ นำไปชน นำไปเพื่อผสมพันธุ์ หรืออาจนำไก่จากฝูงอื่นมาเลี้ยง เราไม่อาจตรวจตราด้วยตาเปล่าได้เลยว่าไก่ตัวนั้นจะมีเชื้อมาลาเรียอยู่ในตัวหรือไม่ การตรวจหาเชื้อมาลาเรียนั้นจะต้องมีการเจาะเลือดตรวจในห้องแล็ปเท่านั้น ฉะนั้นการแพร่เชื้อของโรคนี้จึงค่อนข้างป้องกันยากพอสมควร ยิ่งอาการของโรคนั้นคล้ายกับไก่เป็นโรคอื่น ๆ ที่มักระบาดอยู่เป็นประจำ เช่น คอมีเสียงดังคล้ายกับเป็นหวัด ขี้ขาวซึ่งเหมือนกับไก่เป็นโรคขี้ขาว หงอยซึมคล้ายคลึงกับเป็นนิวคลาสเซิล ดังนั้นจึงมักทำให้เจ้าของไก่คาดไม่ถึงว่าจะเป็นโรคมาลาเรีย ทำให้การวางแผนการรักษาผิดพลาด ทางที่ดีนำไก่ของท่านไปตรวจที่ศูนย์ชันสูตรโรคสัตว์ที่ใกล้บ้านท่านเป็นทางดีที่สุด
ไก่ที่ติดเชื้อมาลาเรียนั้นในระยะแรก ๆ จะมีอาการหงอย ซึม เหมือนไก่กำลังง่วงนอน เมื่อเราเข้าไปใกล้ไก่จะยังตีปีกทักทายผู้เป็นเจ้าของได้อย่างปกติ จนบางครั้งทำให้เราคิดว่าไก่คงอยากจะนอนพักผ่อนตามปกติเท่านั้น หากสังเกตอย่างละเอียดต่อไปจะพบ่วาไก่กินน้ำและอาหารได้น้อยลง ระยะยนี้จะใช้เวลา 1-3 วัน ระยะต่อมาไก่จะแสดงหงอยซึม คอตก ให้เห็นอย่างชัดเจน ขับถ่ายเป็นของเหลวสีขาว เริ่มมีอาการขาอ่อนเดินกระปกกระเปลี้ยนอนหมอบ ระบบทางเดินอาหารเริ่มไม่ทำงาน กระเพาะไม่ย่อย ป้อนข้าวก็จะเหลือข้าวให้น้ำก็จะเหลือน้ำในกระเพาะอยู่เหมือนเดิม น้ำหนักจะลดลงอย่างรวดเร็ว หน้าซีด หงอนซีด เพราะเชื้อมาลาเรียซึ่งเป็นเชื้อโปรโตชัวอาศัยในกระแสเลือดจะทำลายเม็ดเลือดแดง ไก่จะผอมแห้งลงอย่างรวดเร็วจนเหลือแต่กระดูก ระยะนี้อาจมีเชื้ออื่น ๆ เข้าแทรกซ้อนได้ง่าย เช่น หวัดต่าง ๆ ระยะสุดท้ายนี้ไก่จะเริ่มทะยอยตายไปจนกว่าจะหมดฝูง ตัวที่เหลือก็จะไม่แข็งแรงเป็นตัวอมเชื้อที่จะแพร่ไปติดตัวอื่นได้อีก
ที่จริงไก่บ้านเราอาจเป็นโรคนี้มานานแล้ว ในหลาย ๆ พื้นที่ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มียุงชุกชุม แต่ชาวบ้านมักปล่อยปละละเลยไม่นำไก่มาตรวจเพาะเชื้อหาสาเหตุการตายของไก่อย่างจริงจัง ส่วนมากเป็นไก่ชนที่ผู้เป็นเจ้าของรักมาก และมีราคาค่างวดสูง ๆ เจ้าของจึงจะนำเข้ามาปรึกษาสัตวแพทย์ ที่โรงพยาบาลสัตว์มหาวิทยาลัยขอนแก่นพบเชื้อมาลาเรียในไก่ชน และเจาะเลือดส่งตรวจที่ศูนย์ชันสูตรโรคสัตว์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นห้องแล็ปตรวจเลือดหาเชื้อ และจะทราบผลภายใน 1 วัน จากนั้นคุณหมอจะแนะนำแนงทางการรักษา ยาที่ใช้รักษามาลาเรียในไก่นั้นเป็นตัวยาเดียวกับที่ใช้รักษามาลาเรียในคน คือ ให้ยาคลอโรควิน หรือ ดอ็กซีไซคลินไฮโดรคลอไรด์ ในปริมาณ 50 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมต่อตัวต่อวัน โดยให้กินติดต่อกัน 4 วัน และต้องบำรุงไก่ในระยะนี้ด้วยอิเล็กโตรไลท์ อาหารที่ย่อยง่าย เมื่อไก่มีอาการดีขึ้นจึงนำไปตรวจซ้ำอีกทีหนึ่ง แต่ที่ผ่านมานั้นผู้เป็นเจ้าของไม่ยอมนำไก่มาตรวจซ้ำเลย จึงยากต่อการป้องกันและรักษาที่เป็นระบบ
ดังนั้นเพื่อไม่เป็นการประมาทจนเกินไป เราควรเอาใจใส่ตัวไก่ที่เรารัก เป็นการป้องกันเอาไว้ก่อนดีกว่า ด้วยการกางมุ้งให้ไก่นอน กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงและลูกน้ำ ทำความสะอาดบริเวณเล้าไก่ให้ปราศจากวัชพืชต่าง ๆ ที่เป็นที่อยู่อาศัยของยุง และหากมีไก่ตัวใดหรือฝูงใดเป็นก็ต้องรักษาให้หายขาด มีการตรวจซ้ำเชื้อจะไม่ได้แพร่ต่อไปยังไก่ตัวอื่นและฝูงอื่นในบริเวณข้างเคียง แม้ว่าไก่เราจะไม่เป็นอะไร หรือเจ้าตัวอาจมั่นใจว่าหายจากโรคแล้ว ก็ควรนำไปตรวจและตรวจซ้ำอยู่เสมอ โรคนี้จึงจะหายขาดครับ