The Rainbow LOVER
vol 7
***************************
ที่โรงพยาบาล...
ยูอิจิทำแผลเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ออกมาพบกับคนที่เอื้อเฟื้อพาเขามาหาหมอ นั่นก็คือ
ยามะพีนั่นเอง ยูอิจิหยุดยืนดูร่างนั้นอยู่ห่างๆ ยามะพีกำลังกอดอก เอาหลังพิงพนักเก้าอี้
และกระดิกขาไปมาเหมือนกับรอคอยอะไรสักอย่าง ร่างบางในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวมีหย่อมเลือดเปรอะเป็นบางที่กับกางเกงยีนส์สีซีด
ผมสีน้ำตาลถูกปัดไปทางด้านหลัง เหลือแต่ปอยผมหน้าม้าที่ปลิวไสวยามเจ้าตัวเป่าลมออกมาจากปาก
ดูเหมือนเด็กหนุ่มจอมซนและแก่นแก้ว แต่ก็สามารถทำให้หัวใจของคนมองเต้นแรง
ดวงตากลมโตของยามะพีเหลือบมองเห็นเขา มองสำรวจทั่วร่างของยูอิจิ แล้วก็ทักขึ้น
ออกมาแล้วซิ นึกว่าเข้าห้องดับจิตไปซะแล้วแน่ะ
....นั่นคือประโยคแสดงความห่วงใยหรือเปล่า ยูอิจิอยากให้มันเป็นแบบนั้นเหลือเกิน
แต่ว่าฟังเท่าไรก็ไม่น่าจะใช่
ฉันก็เพิ่งออกมาจากห้องดับจิตนี่แหล่ะ กะว่าจะหาคนมาอยู่เป็นเพื่อนสักหน่อย
นายอยากไปนอนในห้องนั้นด้วยกันมั้ย มันเย็นดี ยูอิจิพูดยิ้มๆ เขานั่งลงข้างๆ
และนั่นก็ทำให้ยามะพีขยับออกห่างไปหนึ่งช่วงตัว ตวัดมองคนเจ็บอย่างไม่ไว้ใจ นี่ขนาดเจ็บนะยังทำหน้ากรุ้มกริ่มอีกแฮะ...
สารรูปของยูอิจิทำให้ยามะพีแอบซ่อนหน้าอมยิ้ม เหนือขมับขึ้นไปมีรอยโดนถากผม
บริเวณนั้นแปะพลาสเตอร์เอาไว้ ส่วนขาก็มีผ้าพันแผลพันเอาไว้ ต้องตัดขากางเกงออกจนถึงหัวเข่า
หนำซ้ำข้อศอกก็มีรอยยาแต้มเอาไว้อีก เสื้อที่ยูอิจิใส่ก็มีรอยเลือดเปรอะเลอะเทอะ
ยามะพีก้มมองเสื้อตัวเองบ้าง มีเลือดของยูอิจิอยู่บ้างเหมือนกัน
หนุ่มน้อยมองร่างของยูอิจิเพลิน พอไล่สายตาขึ้น่มาที่ใบหน้าของคนตรงหน้า เขาก็สะดุ้งเมื่อพบกับสายตาหวานเชื่อมของยูอิจิมองมาอยู่ก่อนแล้ว
ยามะพีรีบลุกขึ้นยืน แล้วชวนกลับ
เอ้อ.... ถ้าเสร็จแล้วก็กลับบ้านกันก็ดี ฉันเองก็ทิ้งร้านให้ลุงร้านไอติมเฝ้า
ป่านนี้ไม่รู้เป็นไงมั่ง
ไปซิ ยูอิจิลุกตาม เดินขัดยอกตามหลังยามะพีซึ่งเดินฉับๆ ไม่เห็นใจคนเดี้ยงบ้างเลย
โอย..... เสียงโอดโอยดังขึ้น
ทำให้ร่างบางหยุดหันมามอง ยามะพีถอนหายใจและเท้าเอวมองยูอิจิอย่างเวทนา รอจนอีกฝ่ายกระย่องกระแย่งเข้ามาใกล้
ประคองหน่อยซิ ยูอิจิกางแขนออกรอ แต่ยามะพีปัดออก เขาเป็นฝ่ายโอบเอวยูอิจิเสียเอง
ทำเอาคนเจ็บยิ้มน้อยยิ้มใหญ่...ชื่นใจจริงๆ
ทำไมฉันต้องมายุ่งกับนายด้วยนะ ยามะพีอดบ่นไม่ได้ ขณะมองหาแท็กซี่ว่างๆ สักคัน
รออยู่สักพักยามะพีก็เลือกได้คันหนึ่ง เขาแหงนหน้ามองยูอิจิแล้วบอกว่า
นายจ่ายค่าแท็กซี่เองนะ แล้วก็จ่ายให้ฉันตอนขากลับด้วย
ได้เลย
เป็นอันว่าวันนั้น ยามะพีเป็นคนพายูอิจิไปส่งที่บ้าน และมอเตอร์ไซค์ของคนเจ็บก็ถูกพาไปสงบสติอารมณ์ที่อู่ซ่อมรถถัดจากร้านของยามะพีไปหนึ่งช่วงตึก
ยูอิจิขอบอกขอบใจคนมาส่งเป็นการใหญ่ เขาจะลุกมาส่งยามะพีที่หน้าถนน แต่ก็โดนคนตาโตห้ามเอาไว้
ไม่ต้อง!! ไม่เจียมซะบ้างเลย เดี๋ยวฉันก็ต้องมาส่งนายอีก ส่งกันไปส่งกันมา พอดีไม่ต้องกลับ
ไม่ต้องกลับก็ค้างกับฉันก็ได้ พ่อแม่ฉันใจดีนะ ยูอิจิว่าเข้านั่น
ยามะพีเบ้ปากแล้วก็ผลักไหล่ยูอิจิให้เดินกลับเข้าบ้านไป ร่างบางกำเงินที่ยูอิจิให้มาเป็นค่าแท็กซี่แล้วล้วงไปเก็บในกระเป๋ากางเกง
เขาเดินไปตามถนน เพื่อมุ่งสู่ป้ายรถประจำทาง กระนั้นก็ได้ยินเสียงยูอิจิตะโกนไล่หลังมาว่า
ยามะพี้!! ไปรถแท็กซี่ซิ
ร่างบางไม่สนใจจะหันมาตอบ เขาเดินผิวปากไปเรื่อยๆ มองสองข้างทาง ชมนกชมไม้ไปเรื่อยเปื่อย
ปากก็พูดกับตัวเองว่า
เรื่องอะไรจะไป ...ขึ้นรถเมล์ถูกกว่าเป็นไหนๆ
***************************
วันนี้เป็นอีกวันที่จุนโนะสุเกะบอกปัดบรรดาสาวๆ ทั้งหลาย ไม่ออกเดทด้วย
เขาแวะซื้ออาหารทั้งสดและสำเร็จรูปที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต หอบของมาจนเต็มอ้อมแขน
เมื่อเข้าไปในห้องแล้วก็ได้ยินเสียงจากทีวีที่คาเมะเปิดเอาไว้ แต่จุนโนะเห็นคาเมะนอนหลับตาพริ้ม
ทอดตัวเหยียดยาวอยู่บนโซฟา ไม่ได้รู้เลยว่าเจ้าของห้องได้กลับมาแล้ว
จุนโนะปิดทีวี แล้วเดินเข้าไปวางถุงกับข้าวไว้ในครัว จากนั้นสิ่งที่เขาทำได้โดยไม่ขัดเขินแล้วในตอนนี้ก็คือ
ฟาดก้นคาเมะเต็มแรงหนึ่งที และนั่นก็สามารถทำให้ร่างบางลุกผวาขึ้นด้วยความตกใจ
เฮ้ย...... คาเมะทำหน้าเหวอ งงสุดขีดกับการตกใจตื่นของตัวเอง เขารู้สึกชาๆ
ที่แก้มก้น และเห็นจุนโนะยืนกางฝ่ามือค้างอยู่ ก็เข้าใจทันที
นายตีก้นฉันทำไมอีกง่ะ?
ลุกไปทำกับข้าวได้แล้ว จุนโนะออกคำสั่ง และชี้ไปที่ห้องครัว
ทำไมฉันต้องทำด้วย ฉันไม่ใช่คนใช้นายนะ คาเมะสั่นศีรษะแรงๆ และโบกมือปฏิเสธให้ว่อน
ใช่เด่ะ ตอนนี้นายเป็นคนใช้ของฉัน
ฉันเป็นพี่ชายของแฟนนายนะ
ก็ใช่... จุนโนะพยักหน้างึกๆ
แล้วนายใช้พี่ของแฟนแบบนี้เรอะ?
อย่าหวังว่า พอพ้นจากเด็กสามขวบแล้ว ฉันจะให้นายอยู่สบายๆ นายต้องเป็นแม่ครัวให้ฉันด้วย
จุนโนะลากคาเมะไปที่ห้องครัวจนได้ แม้จะขัดขืนแต่ร่างบางหรือจะสู้เรี่ยวแรงของร่างสูงได้
คาเมะจึงต้องปลิวมาอยู่หน้าโต๊ะทำอาหารซึ่งกินเนื้อที่ไปจนเกือบครึ่งห้องครัวเข้าไปแล้ว
เขาเห็นกองอาหารดิบและสดตรงหน้า แล้วก็หน้างอ พยายามจะเบี่ยงตัวออกนอกห้อง แต่ว่าจุนโนะกลับรั้งคอเสื้อให้เขามายืนชิดขอบโต๊ะอีกจนได้
และร่างของจุนโนะก็กดแนบกับลำตัวของเขาเอาไว้ ดังนั้นจึงยากที่จะหลีกหนี
คาเมะเงยหน้ามองจุนโนะก็เห็นว่าฝ่ายนั้นหลุบสายตามองเขาอยู่ก่อนแล้ว
ทำไมวันนี้นายไม่ซื้ออาหารสำเร็จมาทานล่ะ ทีเมื่อวานยังซื้อเนื้อย่างมาได้เลย
อย่าบ่นได้มั้ยหา ...จะทำหรือไม่ทำ? จุนโนะคำราม
ไม่... คาเมะเบ้ปาก ออกแรงผลักจุนโนะแต่ก็ไม่สำเร็จ หนำซ้ำร่างสูงยังจะเบียดเนื้อตัวเข้าหาอีก
เป็นการดันร่างคาเมะแทบจะให้แบนติดกับขอบโต๊ะ
............คาเมะเริ่มใจสั่นอีกแล้ว...ใกล้กันขนาดนี้ และเจ้าหมอนี่จะรู้ตัวหรือไม่นะว่า ได้แนบลำตัวตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้ากับของเขาแล้วน่ะ ร่างเล็กไม่กล้าขยับเขยื้อน เพราะถ้าขยับกายเพียงนิดเดียว จะกลายเป็นว่าสองหนุ่มนี่กำลังยืนเสียดสีกันอยู่
.................
............จุนโนะเนื้อตัวร้อนผ่าว...วูบวาบโดยไม่ทราบสาเหตุ เจ้าตัวเล็กที่แสนดื้อคนนี้ ได้ก่อให้เกิดประกายหวามไหวของอะไรบางอย่างในตัวเขาให้ลุกโชน นึกอยากจะกดคาเมะลงกับพื้น และก็ทำอะไรแบบที่ทำกับแฟนๆ สาว เหลือเกิน ...
.........................
คาเมะหอบสะท้านเมื่อเขาปรือตาขึ้นมองริมฝีปากหยักได้รูปของจุนโนะ
และคิดเตลิดไปไกล......หากว่า......เอ้อ....หากว่าปากคู่นี้จะประทับลงบนปากของเขาอีก...แบบว่าแนบแน่น
ไม่ใช่แค่ผิวเผินอย่างวันก่อนนั้น ...มันจะเป็นอย่างไรน้า....
.........โอยแค่คิดเขาก็ชักจะเกิดความรู้สึกปั่นป่วน ซู่ซ่าขึ้นมาอีกแล้ว และยิ่งเจ้านี่เข้ามายืนประกบร่างจนแทบจะกลายเป็นคนคนเดียวกันแบบนี้ก็ทำให้เขาชักรุ่มร้อน
..................
จุนโนะมองเห็นใบหน้ายั่วยวนลอยอยู่ตรงหน้า คิ้วที่ขมวดของคาเมะคลายออก
จมูกโด่งที่มีเม็ดเหงื่อน้อยๆ เกาะที่ปลายจมูกนั้นคือเสน่ห์อย่างหนึ่งที่เขาไม่อาจถอนสายตาไปไหนได้เลย
มือของจุนโนะที่ขยุ้มคอเสื้อของคาเมะอยู่เริ่มคลายออก เมื่อเขาเห็นริมฝีปากเจ่อหยักบางของคาเมะเผยอหอบรับเอาอากาศเข้าไป
ทำให้ทรวงอกสะท้อนขึ้นลง....ร่างนุ่มนิ่มที่กำลังแนบชิดเขาอยู่นี้ ทำให้จุนโนะรู้สึกว่าร่างกายของตัวเองแข็งขึงไปทั้งร่าง
และส่วนที่ไม่อยากให้มันแข็งในยามนี้ก็กำลังบดเบียดอยู่ที่ส่วนหนึ่งบนร่างกายของคาเมะเช่นกัน
........ให้ตายซิ.....นี่คาเมะเองก็กำลังรู้สึกเช่นเดียวกับเขาเหมือนกันหรือนี่.......
มีหน้าที่ทำก็ทำไป ฉันจะไปอาบน้ำ ถ้ากลับมายังเห็นอะไรๆ อยู่ที่เดิมแบบนี้ล่ะก็
โดนฟาดก้นแน่นอน จุนโนะพูดเสียงพร่าราวกับจะขาดใจ เขาถอนหายใจเฮือก ผละจากร่างบางอย่างเสียดาย
เห็นเหมือนกันว่าคาเมะเองก็แอบระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก
นึกว่าจะทำอะไรได้ดังใจก็ทำหรือไง? คาเมะบ่นออกมาดังๆ แต่แล้วเขาก็สะดุ้งเมื่อเสียงของจุนโนะดังมาจากหน้าประตูว่า
แล้วอย่าคิดแกล้งทำไม่อร่อยให้ฉันกินล่ะ คราวนี้นอกจากจะโดนฟาดก้นแล้ว ฉันจะจับนายแก้ผ้าให้น้องเมะน้อยนอนตากแอร์จริงๆ
ด้วย
เฮ้ย...บ้าเปล่าฟะ!! คาเมะขนลุกซู่...เจ้าหมอนี่ บังอาจจาบจ้วงถึงเมะน้อยของเขา...
กล้าพูดแบบนี้เชียวหรือ? ร่างบางลูบแขนตัวเองแรงๆ มีความคิดว่า จุนโนะอาจจะพูดจริงทำจริงก็ได้
ก็โดนฟาดก้นไปกี่ครั้งแล้วล่ะ...ทางที่ดีรีบทำตามจะดีที่สุด....
..................
ดังนั้นเมื่อจุนโนะกลับเข้ามาในครัวอีกครั้ง เขาจึงเห็นว่าคาเมะกำลังจัดจานสลัดอยู่
และตอนนี้จุนโนะได้กลิ่นเนื้อทอดโชยมาจากกระทะ
ไหม้แล้วมั้ง? ร่างสูงเดินเข้าไปมอง กลิ่นหอมเนยผสมกลิ่นน้ำมันงามันช่างยั่วยวนกระเพาะอาหารให้ร้องโครกครากจริงๆ
จุนโนะสูดควันของเนื้อเข้าไปแล้ว ระบายออกมา หลับตาพริ้มเพราะความหอมของมัน
ฮ้า...า...า..หอมจริงๆ ฉันจะรอที่โต๊ะกินข้าวนะ อาบน้ำมาใหม่ๆ แบบนี้เดี๋ยวกลิ่นควันติดตัว
นี่.....ในเมื่อฉันทำอาหารแล้ว นายก็จัดจานเด่ะ อย่าเอาเปรียบกันเด่ะว้อย คาเมะใช้มีดชี้ไปที่จานอาหารในที่เก็บและหันมาชี้หน้าจุนโนะ
ก็ด้ายย....ย..ย..คอยดูนะ ถ้าทำไม่อร่อยล่ะก็ ฮึ่ม....!!
.........
ในเวลาไม่นานนัก สเต็คก็เสร็จพร้อมเสิร์ฟ คาเมะใจไม่ดีกลัวว่าจะไม่อร่อย
หากจุนโนะบอกไม่ได้เรื่องคำเดียว เจ้าเมะน้อยของเขามีหวังได้นอนตากแอร์เย็นๆ
แน่ และอะไรจะเกิดขึ้นต่อจากนั้น เขาไม่อยากเดาให้เสียอารมณ์หนุ่มเลย ให้ตายซิ...
...แต่ว่า ...หลังจากจุนโนะหั่นชิ้นเนื้อเข้าปากไปเพียงคำแรก เขาก็ทำตาโต ร้องอื้อฮือ...
อื้อ.....อร่อยใช้ได้...
อ๊ะ..จริงเหรอ? คาเมะลืมตัว เผลอยิ้มให้กับคำชมนั้น ใบหน้าที่เป็นมันย่องเพราะอยู่หน้าเตาดูผ่องใส
และมีชีวิตชีวาเตะสายตาจุนโนะ จนคนมองต้องเสตักผักสลัดเข้าปากอีกหนึ่งคำ
ความจริงก็แค่พอใช้ได้ง่ะนะ ยังไม่ถึงกับดีเด่อะไร แต่ก็โอเค... จุนโนะว่าแบบนี้
ก็เลยโดนคาเมะถลึงตาใส่
ระหว่างที่นั่งทานสเต็คเนื้อกับสลัดอยู่นั้น จุนโนะก็โพล่งออกมาว่า
นี่....เพื่อนนายที่ชื่อยูอิจิน่ะ...ตอนนี้เดี้ยงอยู่บ้านแน่ะ
หา? ว่าไงนะ? คาเมะร้องเสียงหลง มือถือส้อมค้างอยู่เหนือจานเนื้อสเต็ค
รถชนกับเสาไฟฟ้า จุนโนะบอกต่อ ซุ้มเสียงเหมือนพูดเรื่องดินฟ้าอากาศทั่วไป แต่คนฟังนี่ยิ่งทำตาโตเข้าไปใหญ่
ร่างเล็กของคาเมะทิ้งส้อมและมีดผุดลุกขึ้นยืนทันที
เมื่อกี้นายว่า ยูอิจิขับรถชนเสาไฟฟ้างั้นเรอะ?
ไม่ใช่ขับ แต่เป็นขี่ต่างหากล่ะ เขาขี่รถมอเตอร์ไซค์ชนกับเสาไฟฟ้า หัวแตก ขาเดี้ยง
พอได้ยินแบบนี้เข้า คาเมะก็ถอนหายใจออกมา แล้วทรุดตัวลงนั่งตามเดิม
โธ่เอ๊ย...ที่แท้ก็โกหก...ยูอิจิไม่มีมอเตอร์ไซค์ซะกะหน่อย แล้วเขาก็ไม่ชอบขี่มันด้วย
พูดง่ายๆ ก็คือขี่ไม่ค่อยจะเป็น!
งั้นหรือ? จุนโนะยิ้มกับเนื้อในจาน ... พอเห็นคาเมะนั่งกินอาหารตามปกติแล้ว
เขาก็บอกว่า ยามะพีเป็นคนโทร. มาบอก
ญาตินายโกหก... คาเมะย่นจมูกใส่ ไม่ด่าคนมาบอกก็ดีถมไปล่ะ
จุนโนะเหลือบมองคาเมะแล้วก็ยักไหล่
ก็ไม่รู้ แต่ยามะไม่ใช่คนโกหก แล้วเรื่องอะไรเขาจะมาพูดเรื่องยูอิจิเล่า
ยูอิจิไม่ขี่รถมอเตอร์ไซค์
ก็เพราะงั้นถึงชนเสาไฟฟ้าไงล่ะ และไอ้เสาที่ว่าก็อยู่ใกล้กับร้านของยามะพีด้วย
ญาติฉันพาเขาไปส่งโรงพยาบาล แล้วก็พาขึ้นรถไปส่งบ้าน เขาบอกมาแบบนี้ นายจะไม่เชื่อก็ตามใจ
ไม่อยากจะเชื่อ คาเมะบอกตามความคิด และตั้งหน้าตั้งตากินสเต็คต่อพร้อมกับใบหน้าที่มีคิ้วผูกโบว์ประดับอยู่
*************************
วันต่อมา...
จุนโนะกลับคอนโดฯ ตั้งแต่เที่ยงเพราะเขามีเรียนแค่ช่วงเช้าสองวิชา พอมาถึงคาเมะก็ผวาเข้ามาหาทันที
ช่วยพาฉันไปหายูอิจิหน่อยนะ!! คาเมะเกาะแขนจุนโนะเหมือนกับเด็กอ้อนที่อยากให้ผู้ใหญ่พาเที่ยว
จุนโนะได้แต่ก้มลงมองหน้าขาวนั้นแล้วก็เลิกคิ้ว
ไหนว่าไม่เชื่อไง?
ก็...เมื่อกี้โทร. ไปหาเจ้ายูแล้วมันเดี้ยงจริงๆ
ก็ได้ จะพาไป...ว่าแต่กินข้าวกลางวันก่อนแล้วค่อยไป... จุนโนะว่าแล้วก็ชะเง้อเข้าไปในครัว
แต่คนที่ยืนเกาะแขนเขาอยู่กลับส่ายหน้า
ไม่มีหรอกข้าวกลางวันน่ะ ฉันยังไม่ได้ทำ
ว่าไงนะ? วันนี้บอกแล้วใช่มะว่าจะกลับมากินข้าวเที่ยงน่ะ
ฉันมัวแต่ห่วงเพื่อนฉันนี่นา...เราออกไปหาอะไรกินกันข้างนอกก็แล้วกันนะ ฉันจะเลี้ยงนายเอง
คาเมะรับปากแบบนี้ จุนโนะก็ต้องพยักหน้าแหล่ะ จะทำไงได้ หิวก็หิว แล้วเจ้าตัวคนรับใช้เขาก็ไม่คิดจะเยื้องกายไปหาอะไรให้เขาทานด้วย
สองหนุ่มห้อรถมอเตอร์ไซค์ไปที่ร้านของยามะพีก่อน เพราะคาเมะอยากรู้เรื่องจากปากของยามะพี
ยามะพีเองก็เพิ่งกลับเข้าร้านได้ไม่นาน เพราะมีเรียนอย่างเดียวกับของจุนโนะ
ว่าไง? เสียงแหบต่ำของคนหน้าหวานทักมา พร้อมรอยยิ้มน่ารัก
เจ้านี้เขาอยากมาหานาย จุนโนะชี้ไปทางคาเมะ ซึ่งก็โบกมือให้ยามะพีนิดหนึ่ง
ยักคิ้วให้แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาถาม
เพื่อนของฉันน่ะ ...นายทำอะไร เขาถึงได้ชนเสาไฟฟ้าเดี้ยง
อ้าว!! ยามะพีอ้าปากค้าง มองคนที่กล่าวหาเขาเขม็ง
ฉันจะไปทำอะไรเพื่อนนาย...หมอนั่นเขาเอารถมาแต่ง เชอะ..ขี่รถก็ไม่ค่อยจะเป็นยังไม่เจียมตัวอีก
เขาจะทำแบบนั้นทำไมกัน?
ก็จะมาจีบฉันละมั้ง ยามะพีว่าแล้วก็ยืดตัวขึ้นเต็มความสูง ทำให้คาเมะต้องเงยหน้าขึ้นมองนิดหนึ่งเพราะตัวเล็กกว่า
จีบนายง่ะนะ ทั้งๆ ที่รู้ว่านายเป็นแฟนเก่าของพี่ทักกี้ง่ะ?
จะไปรู้เรอะ...ฉันก็เดาเอาจากรูปการที่นายนั่นมาป้วนเปี้ยนที่ร้านฉันเกินความจำเป็น
จุนโนะที่ยืนเท้าแขนหน้าเคาน์เตอร์รีบโบกมือทันทีเมื่อได้ยินยามะพีบอกแบบนั้น
นี่...มะพี...อย่าหลวมตัวเชียวนา เจ็บแล้วต้องจำ
ฉันอาจจะไม่จำก็ได้นะ ถ้าจีบมาก็อาจจะให้จีบ แล้วค่อยหักอกดีมั้ย? ประโยคนี้คนพูดจงใจพูดให้คาเมะฟังโดยเฉพาะ
จะได้เอาไปบอกกับเพื่อนรัก แต่คาเมะฟังแล้วก็กระตุกยิ้ม แล้วพูดเสียงดังฟังชัดว่า
คอยดูนะ ถ้าเพื่อนฉันเป็นอะไรไปเพราะนายล่ะก็...ฮึ่ม...จะชกให้หน้าแหกเลย....นายด้วย!!
คำหลังนี้พูดใส่หน้าจุนโนะเต็มๆ จากนั้นร่างเล็กจึงลากแขนจุนโนะให้กลับเพื่อไปหายูอิจิ
ยังไม่ทันจะออกนอกร้าน ก็มีเสียงลอยลมจากเจ้าของร้านแว่วมาให้ได้ยิน
จุนโนะ..ะ..ะ..ะ นี่คิดจะเลี้ยงเจ้าเต่าตัวนี้ไปนานแค่ไหนกันเชียว...ท่าทางฤทธิ์มากนะเนี่ย...ปากก็ดี
น่าจับไปต้มกินซะนัก
ชริ.... คาเมะหันมาเงื้อกำปั้นใส่คนพูด แล้วตวัดตาขวับจ้องจุนโนะเขม็ง แต่ก็พบกับสีหน้าเรียบเฉยของร่างสูงเท่านั้น
จุนโนะไม่หันมาใส่ใจกับคาเมะ เขาเดินนำไปที่รถมอเตอร์ไซค์แล้วโยนหมวกกันน็อคให้คาเมะ
แต่สีหน้าภายใต้หมวกสีดำของเขานั้น ปรากฏรอยยิ้มน้อยๆ อยู่
..........จับเต่าไปต้มกินน่ะ คงจะไม่หรอก...อยากทำอย่างอื่นมากกว่า........
*********************
ยูอิจิเดินกระย่องกระแย่งมารับหน้าเพื่อนรักถึงหน้าประตูรั้ว เขานุ่งกางเกงขาสั้น
และช่วงขาก็ยังมีผ้าพันแผลพันอยู่ ไม่ได้ใส่เฝือกอย่างที่คาเมะคิด ส่วนที่ศีรษะก็ยังคงมีพลาสเตอร์ปิดแผลแปะอยู่ข้างขมับ
คาเมะพิจารณารอยที่โดนโกนผมตรงส่วนนั้นแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ นี่ถ้าถากให้เหมือนกันทั้งสองข้าง
จะยุให้ยูอิจิเข้าแก๊งค์มอเตอร์ไซค์ให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย
ยูอิจิมองคนที่มากับคาเมะด้วยความไม่วางใจ ในขณะที่ลากเพื่อนรักเข้าไปนั่งในห้องรับแขก
จุนโนะกลับขอตัวนั่งเล่นที่สนามหน้าบ้านแทน เพราะเขาไม่มีความจำเป็นจะต้องคุยอะไรกับยูอิจิ
เสียดายยามะพีไม่มาด้วย ยูอิจิพูดอย่างผิดหวังจนคาเมะต้องหรี่ตามอง
เขาจะมาทำซากอะไรฟะ
คิดถึงนี่หว่า นึกว่าจะมาเยี่ยมด้วย
เรื่องอะไรเขาจะมาหานายหา? เป็นไรกัน?
เออ...เออ...ช่างเหอะ ว่าแต่ดีนะที่ได้เจอนายแบบตัวเป็นๆ อีกครั้ง ยูอิจิพูดแล้วก็มองสำรวจคาเมะจนทั่วตัว
ไม่เห็นเพื่อนรักบุบสลายตรงไหนก็ค่อยเบาใจขึ้น
คาเมะฟังยูอิจิเล่าเรื่องทั้งหมด ซึ่งก็ตรงกับที่ยามะพีเล่าทุกอย่าง
แม้กระทั้งเรื่องที่เพื่อนคิดจะจีบยามะพีด้วย
หา?...นายคิดจะจีบเจ้าหมอนั่นจริงๆ อ่ะ? คาเมะยังอดร้องเสียงดังไม่ได้ แม้จะเคยฟังมาจากยามะพีแล้ว
เออเด่ะ.....ไม่เห็นหรอกเหรอว่า เขาน่ารักแค่ไหน ฉันน่ะชอบเขามาตั้งก๊ะที่พี่ทักกี้พามาแนะนำให้รู้จักแล้ว
ยูอิจิสารภาพ และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขาเปิดเผยความในใจที่เก็บมาถึงหนึ่งปีกว่า
ทำไมนายไม่บอกฉันวะ?
ใครจะไปบอก ก็ตอนนั้นเขาควงกับพี่ทักกี้อยู่นี่หว่า แล้วเวลาผ่านไป ฉันก็ชักจะทำใจได้ก็เลยไม่ได้บอกให้นายรู้
แต่พอวันนั้น วันที่เห็นเขาอีกครั้ง ความรู้สึกดีๆ ที่กักเอาไว้มันก็ออกมาบอกให้ฉันรู้ว่า
ถึงเวลาแล้วที่ฉันจะเอาจริง
เอาจริง!! คาเมะร้องเสียงแหลม จนคนฟังสะดุ้ง
เออ...นี่นายจะตะโกนให้ได้อะไรขึ้นมาวะ
ฉันไม่เห็นด้วยน้า...า...า คาเมะส่ายหน้า
เออน่ะ...ทำไมต้องไม่เห็นด้วยเล่า?
นายยามะพีอะไรนั่นน่ะ บอกฉันเมื่อตะกี้เองว่า จะลองให้นายจีบ แล้วจะหักอกนายทีหลัง
ฉันยอมให้เขาหักอกว่ะ เพราะก่อนที่จะหักอก เขาก็ต้องยอมคบกับฉันก่อนใช่มะ ยูอิจิพูดยิ้มๆ
ดูไม่หวั่นไหวไปกับความเป็นไปที่จะเกิดขึ้นหากคบกับยามะพีแล้ว
คาเมะได้แต่ถอนหายใจ...เมื่อเตือนแล้วไม่ฟังแบบนี้ เขาก็จนปัญญา
ยูอิจิถามถึงเรื่องที่จุนโนะเอาคาเมะไปอยู่ด้วย เจ้าเพื่อนตัวเล็กได้แต่โบกมือยิ้มร่า
โฮ้ย...ไม่มีอะไรหรอก อยู่เป็นเพื่อนกัน ดูทีวี แล้วก็คุย ก็ดีง่ะนะ หมอนั่นน่ะ
นายสบายใจได้ ฮ่า..ฮ่า...ไม่ต้องเป็นห่วง คาเมะทำเป็นหัวเราะร่า ตบบ่ายูอิจิเบาๆ
ฉันน่ะอยู่แบบพระราชาเลยนะเว้ย...หมอนั่นน่ะทำอาหารให้ฉันกินด้วย....เหมือนกับคอยรับใช้เลยล่ะ
เฮ้อ......ถ้ามันเป็นอย่างนั้นก็แล้วไป ฉันนึกว่ามันจะเอานายไปปู้ยี่ปู้ยำ ข่มขืนแล้วหมกถังส้วมเสียอีก
ยูอิจิว่าเข้านั่น เลยโดนเพื่อนถลึงตาใส่
คิดอะไรให้มันดีๆ หน่อยได้มั้ยไอ้ยู
แล้วเมื่อไรเขาจะพานายกลับบ้าน
ก็ยังไม่คบอาทิตย์เลย
คงไม่อยากให้คบวันเร็วๆ ล่ะซิ ยูอิจิพูดยิ้มๆ ทำเอาคาเมะหน้าเหรอ
หมายความว่าไง?
ก็นายชอบเขาหรือเปล่าล่ะ?
หา? คาเมะรีบลุกขึ้นยืนทันที อ้าปากค้างกับคำถามของเพื่อนซี้
บ้าเรอะ...เฮ้ย..นายคิดอะไรว้า...ฉันน่ะผู้ชายนะว้อยไอ้ยู
ก็จะไปรู้เหรอ...เห็นนายยิ้มแก้มแดงตอนที่เล่าเรื่องอยู่กินกับเจ้าหมอนั่นให้ฟัง
แก้มแดง? ฉันน่ะ?? คาเมะตบแก้มตัวเองแรงๆ ใจเต้นขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ ...
...เขาง่ะเหรอ หน้าแดงเพราะเพียงแค่เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับเขาและจุนโนะให้ยูอิจิฟัง...
...แล้วทำไมต้องหน้าแดงด้วยเล่า...ไม่จริงซะหน่อย...ยูอิจิแกล้งอำต่างหากล่ะ...
อำเปล่าวะ? คาเมะถามตามความคิด
ก็มันแดงจริงๆ นี่หว่า...ถามหน่อยเหอะ แล้วนอนกันยังไงวะ? ยูอิจิถามต่อ และนั่นก็ทำให้เขายิ้มกว้างมากขึ้นเมื่อเห็นสีสันที่แก้มของคาเมะเข้มจัดขึ้นกว่าเดิม
แต่คราวนี้ยูอิจิไม่ได้แซวคาเมะหรอก เพราะเดี๋ยวจะโดนกำปั้นไม่มีรูยัดปาก
นอนบนเตียง คาเมะว่า
แล้วเขาล่ะ?
นอนกับพื้น คราวนี้คาเมะอ้อมแอมปด หน้าก้มต่ำแกล้งหยิบน้ำขึ้นมาจิบ
ก็ว่างั้นแหล่ะ หมอนั่นคงไม่ให้นายนอนบนพื้นหรอก.....แล้ว...เขามีทีท่ายังไงกับนายมั่งง่ะ
อะไรวะ...จะบ้าเรอะ...ถามอะไรอย่างนั้น
แบบว่ามีจีบ หรือว่าคิดจะปล้ำนายน่ะ มีมั้งหรือเปล่า
ไม่มีว้อย... คาเมะปฏิเสธเสียงลั่น หน้าแดงเข้มขึ้นเรื่อยๆ จนยูอิจิแทบจะกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่ได้
แล้วยูกิเอะน้องนายล่ะ ไม่บอกไปเหรอว่าอยู่กับจุนโนะ น้องนายจะได้ดีใจที่แฟนเข้ากันได้ดีกับพี่ชายน่ะ
เฮ้ย...อย่าบอกเลยน่า ยูกิเอะอาจจะเข้าใจไปอีกอย่าง ทางที่ดีเงียบไว้จะดีกว่านะ
นายก็บอกไปว่า ฉันยังค้างบ้านนายอยู่ ...เนี่ย...พอโทรศัพท์มาทีไรฉันก็ต้องบ่ายเบี่ยงทุกที
ตอนนี้ก็เงียบๆ ไปแล้ว ฉันก็เลยปิดเครื่องไป
ถึงว่าเด่ะ โทร. มาหานายไม่ได้เลย ชายหนุ่มก้มมองขาตัวเองที่มีผ้าพันแผลพันอยู่โดยรอบ
ขาเป็นไงมั่ง? คาเมะเปลี่ยนเรื่องคุยทันทีเมื่อสบโอกาส
อีกอาทิตย์หนึ่งหาย หมอว่างั้นนะ
ทำยังไงวะ ถึงไปชนเสาไฟฟ้าได้
เสามันไม่ยอมหลีกว่ะ
เฮ้อ..ไอ้ยู...
จริงๆ แล้วง่ะนะ ฉันแค่หันหลังไปมองร้านของยามะพีก็เท่านั้นเอง พอหันมาอีกที
เสาไฟมันก็มาอยู่ตรงหน้าแล้ว
สมควรแล้ว... คาเมะหัวเราะ ...
เขาอยู่คุยด้วยอีกสักครู่ ก็ขอตัวกลับ ออกมานอกบ้านเห็นจุนโนะนอนเอาแขนหนุนศีรษะอยู่ใต้ต้นไม้
อากาศเริ่มจะครึ้มเพราะฝนใกล้ตก
อะไรกัน เมื่อกี้แดดยังเปรี้ยงอยู่เลย คาเมะบ่นเบาๆ ทำให้คนที่นอนอยู่รีบลุกขึ้น
จุนโนะขยี้ตาเพื่อไล่ความง่วงให้จางหายไป แล้วยืนปัดขากางเกงที่เปื้อนเศษหญ้า
จะไปกันได้หรือยัง หิว!! ร่างสูงว่าแล้วก็เดินดุ่มๆ ไปยืนรอที่รถ ทำให้คาเมะต้องลากขาตาม
แม้ว่าจะหิวเหมือนกัน แต่เขาก็รู้สึกประหม่ามากกว่าเดิม หลังจากที่คุยกับยูอิจิเรื่องของจุนโนะเมื่อครู่
ไม่รู้ว่าตัวเองจะเผลอปล่อยความเขินออกมาทางใบหน้าให้จุนโนะเห็นบ้างหรือเปล่า
........................
สองหนุ่มขี่รถมาเรื่อยๆ สักพักหนึ่ง ฝนก็หยดลงมา จากเม็ดสองเม็ดก็ถี่ขึ้นเรื่อยๆ
จนเริ่มหนาตา
จุนโนะรีบเร่งความเร็วรถ ทำเอาคนที่นั่งซ้อนท้ายขยุ้มเอวของเขาไว้แน่น สายลมเย็นจัดหอบเอาเม็ดฝนปลิวมากระทบส่วนต่างๆ
ของร่างกาย จนแทบจะเปียกปอน จุนโนะเช็ดเม็ดฝนที่เกาะติดกับหน้ากากหมวกกันน็อกออก
และรีบบิดคันเร่ง
นี่..จุนโนะสุเกะ...นายขับช้าหน่อยไม่ได้ไง้ ฉันไม่อยากเดี้ยงเหมือนเพื่อนฉันหรอกนะ
เสียงคาเมะตะโกนมาทางเบื้องหลัง จุนโนะรู้สึกถึงแรงบีบจากฝ่ามือที่อยู่บริเวณเอวของเขาได้.....
กลัวด้วยเหรอ? จุนโนะตะโกนถามกลับ
ไม่กลัว แต่ไม่ชอบ!!
ก็กลัวแหล่ะว้า......
จุนโนะเบ้รถออกข้างทาง เขาเห็นร้านขายขนมวัฟเฟิลเล็กๆ ร้านหนึ่งตั้งอยู่ริมถนนที่จะออกสู่โตเกียวเบย์
แวะกินขนมกันก่อน ไปต่อไม่ได้แล้ว ถนนลื่น จุนโนะพูดเหมือนพูดกับตัวเอง งึมงำเสร็จแล้วก็เลิกผ้าม่านบังร้าน
(โนะเรน) ชื้นๆ เข้าไปก่อน โดยไม่มองเลยว่าคาเมะจะตามเข้ามาหรือเปล่า
หอมชะมัดเลย เสียงคาเมะดังอยู่ข้างหลัง พอหันไปมองก็เห็นร่างเล็กทรุดตัวลงนั่งบนโต๊ะมุมสุดของร้านแล้ว
เอาวัฟเฟิลโมะนะกะ คาเมะสั่งโดยดูเมนูจากบนผนัง
ผมด้วย จุนโนะเอาบ้าง
สักพักหนึ่ง วัฟเฟิลหอมกรุ่นเสิร์ฟร้อนๆ ก็มาถึง
จุนโนะเห็นคาเมะแหวะข้างในวัฟเฟิลออกดู เห็นไส้ถั่วแดงข้างในฟูฟองทะลักออกมา
ฮู้...ไส้เยอะดี คาเมะทำตาโต ออกเสียงกระดี๊กระด๊า ชอบอกชอบใจ รีบปาดไส้ของวัฟเฟิลกินก่อนอันดับแรก
โอย.....ร้อน!! ร่างเล็กอุทานออกมา พลางเป่าป่ากไม่หยุด
ตะกละ จุนโนะหัวเราะออกมาดังๆ อย่างไม่อาจจะกลั้นได้อีกต่อไป
ตลกเป็นบ้าเลยนายน่ะ...ทำอะไรเหมือนเด็ก
ก็มันอยากกินอยู่แล้วนี่
แล้วทำไมต้องแหวกไส้ขนมออกดูด้วยล่ะ? จุนโนะอดถามไม่ได้
ฉันอยากรู้ และรอลุ้นว่า เขาจะใส่ไส้มาให้เยอะแค่ไหนง่ะเด่ะ
สองหนุ่มกินวัฟเฟิลกันไปเรื่อยๆ มองออกไปนอนร้านก็เห็นฝนยังตกอยู่...จนข้างนอกขาวโพลนไปหมด
หลังจากต่างคนต่างเงียบได้สักพัก จู่ๆ จุนโนะก็โพล่งออกมา
เออ.....หลังจากฝนตกแล้ว เราไปเรนโบว์ บริดจ์กันมั้ย
คาเมะเลิกคิ้วแล้วหันไปมองนอกร้านบ้าง ยังไม่เห็นวี่แววของฝนจะหยุดสักเท่าไร
คงอีกนาน... คาเมะว่า
ไม่หรอก ตกแบบนี้ เดี๋ยวก็หยุด และแสงอาทิตย์ก็จะจ้าขึ้นอีกครั้ง คราวนี้แหล่ะ
เราจะได้เห็นสายรุ้งทอผ่านท้องฟ้า ที่เห็นชัดที่สุดก็ที่สะพานสายรุ้งไงล่ะ
เรนโบว์ บริดจ์...เฮ้อ...บ้าสายรุ้งอีกแล้วนะ คาเมะอดค่อนไม่ได้
ก็จะไปดูว่า ที่ปลายสายรุ้งน่ะจะมีใครยืนอยู่หรือเปล่าน่ะซิ จุนโนะพูดยิ้มๆ
แล้วร้องสั่งวัฟเฟิลไส้เกาลัดอีกหนึ่งอัน
ผมเอาด้วยครับ... คาเมะตะโกนสั่งบ้าง แบบไม่ให้น้อยหน้า พอหันมาอีกทีก็เห็นจุนโนะอมยิ้มมุมปาก
ตกลงเราจะไปด้วยกันนะ?
ฉันรออยู่ร้านนี้ได้เปล่า ขากลับนายค่อยแวะมารับ
ไม่ได้ ฉันอยากให้นายไปดูสายรุ้งด้วยกัน จุนโนะส่ายหน้า มองหน้างอของคาเมะเขม็ง
ชนิดที่เรียกว่า จะไม่ปล่อยให้ใครหน้าไหนมาปฏิเสธความตั้งใจของเขาได้เลยล่ะ คาเมะก็เลยต้องจำใจพยักหน้าอย่างเสียไม่ได้
ใครจะขัดนายได้เล่า ฉันมากับนาย ก็ต้องไปกับนายอยู่แล้ว ไม่เห็นต้องถามเลย.....แล้วอีกอย่าง........อื้อ...
คาเมะพูดยังไม่จบ ก็ต้องทำตาโตเมื่อจุนโนะเอื้อมมือมาเช็ดเศษไส้เกาลัดที่ปากล่างของเขา
กินเลอะเทอะชะมัดเลย เหมือนเด็กอีกแล้ว ...แย่จริงๆ
ปลายนิ้วของจุนโนะที่อ้อยอิ่งอยู่ที่กลีบปากล่างของคาเมะนั้นทำให้เจ้าตัวรู้สึกหนาวๆ
ร้อนๆ ชอบกล จุนโนะไล้เช็ดปากให้เขาอยู่ไม่กี่วินาที แต่มันดูเหมือนนานเลยทีเดียว
เมื่อคนเช็ดถอนนิ้วออกไปจากปากของเขาแล้ว คาเมะก็รู้สึกอุ่นซ่านที่บริเวณนั้น
จนต้องรีบยกน้ำชาเย็นขึ้นมาจิบ
เอ้อ.....ขอบ.....ขอบใจ...
******************************
........................
to be con