The Rainbow LOVER

 

vol12

***************************

คาเมะผงกหัวขึ้นจากหมอนเมื่อเขาได้ยินเสียงมอเตอร์ไซค์มาจอดที่หน้าบ้าน โดยอัตโนมัติที่เขารีบรุดไปแอบยืนเมียงมองข้างหน้าต่าง ผ้าม่านสีขาวถูกเลิกขึ้นนิดหน่อยพอที่สายตาจะส่ายสอดออกไปมองได้

...นั่นไง...

รถจุนโนะสุเกะจริงๆ ด้วย มอเตอร์ไซค์บีเอ็มสีดำแสนเท่คันนั้นจอดอยู่หน้ารั้ว โดยมีร่างสูงของจุนโนะคร่อมอยู่ และข้างกายของเขาก็คือยูกิเอะน้องสาวสุดเปรี้ยวยืน ทั้งสองกำลังยืนคุยอะไรกันอยู่
นานทีเดียวล่ะกว่าที่ทั้งสองจะจากกัน จุนโนะเพียงแค่โบกมือให้ ในขณะที่ยูกิเอะเขย่งขึ้นหอมแก้มของชายหนุ่ม

คาเมะได้แต่ทอดถอนใจ หัวใจปวดหนึบขึ้นมา ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนก็เคยแอบมองดูคู่นี้อยู่หลายคืน แต่ก็ดูด้วยความรู้สึกหมั่นไส้จุนโนะมากกว่า แต่ยามนี้ ทำไมมันถึงปวดใจเป็นบ้าแบบนี้นะ

คาเมะเห็นยูกิเอะเดินเข้าบ้านแล้ว แต่ว่าจุนโนะยังไม่สตาร์ตรถออกไป ชายหนุ่มยังคงนั่งมองสาวน้อยเดินเข้าบ้านอย่างปลอดภัยดีแล้ว ก็เริ่มสตาร์ตรถ แต่ว่า.....


.....ควับ.......


ดวงตาเรียวรีของจุนโนะตวัดขึ้นมองมายังหน้าต่างที่คาเมะกำลังแอบอยู่ ทำให้ร่างเล็กสะดุ้งสุดตัว รีบปล่อยชายผ้าม่านลงทันที หัวใจเต้นโครมคราม เขายืนผนังห้องอย่างอ่อนระทวย
นี่จุนโนะจะรู้มั้ยนะว่าเขาแอบมองอยู่

ในที่สุดคาเมะก็ได้ยินเสียงมอเตอร์ไซค์ขี่จากไปแล้ว เขาถึงได้กลับมานอนบนเตียง ห่มผ้าจนมิดชิด สองแขนกอดลำตัวของตัวเองเอาไว้

ทุกคืนที่ผ่านมาที่คอนโดฯ ของจุนโนะ เขาเคยถูกจุนโนะกอดทั้งคืน ตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองอยู่ในอ้อมแขนแข็งแรงนั้นแล้ว แต่วันนี้คงจะเป็นคืนแรกที่เขารู้สึกเดียวดายและอ้างว้างเหลือเกิน
กลับมาสู่ปัจจุบัน จุนโนะสุเกะกับยูกิเอะคงจะออกไปเที่ยวกัน หรืออาจจะมีอะไรกันมากกว่านั้น ...
..ทุกอย่างกลับคืนสู่สภาพเดิมของตัวมันเองแล้วซินะ....

.............Tu....ru.......ru.......

เสียงเพลงเรียกเข้าจากมือถือดังขึ้นข้างหมอน เขาขมวดคิ้วแล้วยกเบอร์ขึ้นดูว่าใครโทรฯ มาหาในยามวิกาลเช่นนี้
“จุนโนะ.....” คาเมะใจเต้นเมื่อเห็นชื่อเจ้าของเบอร์ที่โทรฯ เข้ามา จึงรีบกดรับทันที

“โมชิ....โมชิ...ยังไม่ได้นอนใช่มั้ย?” เสียงทางโน้นแว่วมา
“อือ.....” คาเมะตอบ
“เป็นห่วงน้องสาวล่ะซิ ฉันไปส่งบ้านอย่างปลอดภัยแล้ว นายก็เห็นนี่”
“เออ.....”
“แอบดูฉันอยู่ซินะ ฉันเห็น” จุนโนะส่งเสียงยียวนกวนอารมณ์เหลือเกิน คงจะกำลังยิ้มเยาะเขาอยู่ด้วยแน่ๆ เลย
“ไม่ได้แอบดูนะ ฉันเพียงสงสัยว่าใครมาหน้าบ้านเท่านั้นเอง” คาเมะแก้ตัว ซึ่งอีกฝ่ายก็หัวเราะเบาๆ
“นายแอบดูฉันก็บอกมาตรงๆ เถอะ..”
“เอ๊ะ!!”
“นี่คาเมะ”
“อะไร....มีอะไรก็รีบพูดเข้า ฉันจะนอน”
“จะนอนหลับเร้อ?”
“เอ๊ะนายนี่ยังไงวะ?” คาเมะชักฉุน เพราะเสียงจุนโนะเหมือนกับจะเป็นต่อ
“ฉันแค่จะบอกว่า....ฉันจะมาหาน้องนายอีกได้เป๊า?”

คาเมะหน้ามุ่ยแล้ว.....เฮ้อ.....ไอ้หมอนี่....มันจะทรมานหัวใจเขาอีกนานมั้ย?

“ก็ตามใจนายซิ”
“ดีแล้ว....ฉันจะได้ไปหาน้องสาวนายทุกวันเลย ...ขอบใจนะที่ให้ฉันเข้านอกออกในบ้านนายได้น่ะ” จุนโนะพูดเสร็จแล้วก็ตัดสายทันที เป็นอันยุติการสนทนาก่อน

คาเมะนั่งกำโทรศัพท์จนมือชื้นเหงื่อ....จุนโนะต้องการมาหาน้องสาวเขา
งั้นที่ทำสวีทหวานแหววกับเขามาตลอดนี่ก็ คงจะให้เขาชอบและยอมรับในตัวจุนโนะมากขึ้นนั่นเอง
....เชอะ....ไม่มีทางหรอก....ไอ้จิ้งจอก.....ทำให้พี่ชายใจเตลิดแล้วยังจะมาคว้าน้องสาวเขาไปอีก

“.....นายนี่มันเลวจริงๆ เลย ไอ้บ้าเอ๊ย...”

คาเมะสบถออกมาในความมืด แล้วคลุมโปงตั้งแต่หัวจรดเท้า พยายามจะข่มตาให้หลับ แต่มันก็ค้างแข็งไปแล้ว......

*******************************

วันรุ่งขึ้น
เสียงดังกรุ๋งกริ๋งจากระฆังเตือนเมื่อมีคนเข้าร้านดังขึ้น ยามะพีเงยหน้าขึ้นจากจอคอมหน้าเคาน์เตอร์ในร้านของเขา ก็พบกับรอยยิ้มบาดใจของชายหนุ่ม นากามารุ ยูอิจิสุดหล่อ คราวนี้ในอ้อมแขนหอบเอากระถางต้นมอร์นิ่งกลอรี่ที่ชูช่อสีม่วงบานไสวมาด้วย เขายิ้มแป้นแร้นแล้วเอามาชูตรงหน้ายามะพี
“สวัสดียามเช้า พร้อมกับความสดใสของมอร์นิ่งกลอรี่ครับ...”
“อือ.....ขอบใจ” ยามะพีรับเอาไว้ เพราะถ้าไม่รับ ยูอิจิคงจะวางทั้งกระถางบนเคาน์เตอร์กระจกโชว์ในร้านของเขาแน่ๆ
“ไม่น่าต้องลำบากหาซื้อมาเลย” ยามะพีว่า
“เปล่าหรอก ขโมยคนสวนที่บ้านมาน่ะ”

.....ดูเอาเถอะ....แค่นี้ก็ทำให้ร่างบางอดหันไปยิ้มที่อื่นไม่ได้

“นายนี่ก็พูดตรงดีนะ แทนที่จะบอกว่าไปเที่ยวหาซื้อมาให้ฉัน กลับพูดซะตรงเป๊ะเลย”
“ก็มันเรื่องจริง จะโกหกกันทำไมล่ะ ความจริงฉันก็ไม่ได้ขโมยหรอกนะ แค่จำได้ว่า ที่บ้านก็มีต้นไม้ชนิดนี้อยู่ด้วย ก็เลยหยิบเอามาเฉยๆ เจอคนสวนค้อนเอาเหมือนกัน”
“อย่างไงก็ขอบใจล่ะ นั่งก่อนซิ” ยามะพีเชื้อเชิญ ร่างสูงจึงนั่งลงที่เก้าอี้หน้าเคาน์เตอร์นั่นแหล่ะ
“วันนี้ไปทานมื้อกลางวันกันที่ไหนดี” เขาถามขึ้น เมื่อเห็นว่ายามะพีละความสนใจในตัวเขาแล้วหันมานั่งกดแป้นคีย์บอร์ดเพื่อสั่งของเข้าร้าน
“อะไรก็ได้”
“อยากกินเนื้อย่างโกเบมั้ย? ฉันโทรฯ ไปจองที่ไว้ให้แล้ว บ่ายโมงตรง”
ยามะพีเหลือบตามองคนพูด....ก็โทรฯ ไปจองเอาไว้แล้ว ยังจะมาถามอีกว่าจะไปกินที่ไหนดี
กำลังจะเอ่ยปากตอบตกลงอยู่แล้วเชียว ...ประตูร้านก็เปิดออก พร้อมกับเสียงของชายคนหนึ่งดังขึ้นพร้อมตัว
“ไอ้พี....ช่วยหน่อย...”
“อ้าว....จุนโนะ” ยามะพียิ้มแป้นเมื่อเจอหน้าญาติสนิท จุนโนะชำเลืองมองยูอิจิแว่บหนึ่ง
“ไม่ได้อยู่คนเดียวหรอกเหรอ? งั้นเดี๋ยวมาใหม่ดีกว่า” ว่าแล้วจุนโนะก็ตั้งท่าจะเดินออกไป แต่ยามะพีก็เรียกเอาไว้ และลากให้มานั่งหน้าเคาน์เตอร์ที่นั่งข้างๆ กับยูอิจิ
“มีเรื่องอะไรเหรอ?” ยามะพีถาม
“อ๋อ......เอ้อ.....ปละ...เปล่า” จุนโนะเลี่ยง เพราะเห็นว่ามียูอิจินั่งอยู่ด้วย และยูอิจิก็เป็นเพื่อนกับคาเมะเสียด้วยซิ
ยามะพีเห็นจุนโนะปรายตามองยูอิจิก็นึกรู้ว่าจุนโนะต้องมาพูดเรื่องของเขากับคาเมะแน่ๆ ก็เลยพยักหน้าให้เป็นทำนองว่า เอาไว้เดี๋ยวค่อยพูดก็ได้
จุนโนะเห็นยูอิจิพยายามจะยิ้มให้เขา แต่ยิ้มของหมอนั่นดูเขินๆ ชอบกล เพราะอะไรบางอย่างหรือเปล่า
“เอ้อ...พวกนายคงจะอยากพูดกันตามลำพัง ฉันจะได้ออกไปข้างนอกก่อน แต่ถ้าเรื่องที่นายจะพูดมันเกี่ยวกับเรื่องเพื่อนของฉัน..คาเมะ...ละก็ ฉันขอฟังด้วยได้มั้ย?” ยูอิจิพูดออกมาตรงๆ เล่นเอาจุนโนะถึงกับอึ้ง


...ไม่ธรรมดาเลยแฮะนายคนนี้...


จุนโนะหรี่ตามองยูอิจิ ที่ตอนนี้เห็นชัดๆ เลยว่า ริจะมาจีบยามะพีญาติของเขา... และยูอิจิเองก็มองจุนโนะเช่นกัน เพราะเป็นคนที่คาเมะบอกว่าตกหลุมรักไปหยกๆ
“ฉันไม่มีความลับกับใคร...แต่ว่ามันคือความในใจของฉัน และฉันก็ยังไม่อยากให้คนนอกรู้” จุนโนะว่า
ยูอิจิยกมือขึ้นโบกไปมา
“ฉันไม่ใช่คนนอกแล้ว กำลังคบกับญาติของนายอยู่”
“เอ๊ะ!!” คราวนี้คนอุทานคือยามะพี เขาหันไปถลึงตาใส่ยูอิจิทันที
“ใครคบกับนายกันหา?”
“ก็เราออกเดทกันแล้วนี่ เมื่อคืนและก็เดี๋ยวตอนบ่ายก็จะเดทกันอีก”
“พูดหน้าตาเฉยเลยนะ” จุนโนะขมวดคิ้ว หันไปมองยามะพี แล้วบอกว่า
“หมอนี่พูดจริงเรอะ? ถ้าโมเมล่ะก็บอก จะตั๊นหน้าให้แหกเลย”
“โอ้ย....อยากทำเลยนะ สงสารเขาเหอะ เขาหมายความตามนั้นแหล่ะ” ยามะพีโบกไม้โบกมือ เสร็จแล้วก็หน้าแดง จนคนมองอีกสองคนอดสงสัยไม่ได้
“หมายความว่า....อื๊อ....นายตกลงจะคบกับฉันแล้วใช่มั้ย?” ยูอิจิตบมือร่า แทบจะเข้าไปตะครุบกอดยามะพีอยู่รอมร่อ ติดที่จุนโนะยื่นขาออกมากันเอาไว้เสียก่อน
“ทำไมง่ายแบบนี้ฟะ” จุนโนะอดค่อนไม่ได้ ซึ่งยามะพีก็ได้แต่ยิ้ม
“ความจริงฉันรำคาญมากกว่า เห็นมาตื๊ออยู่ประจำ ลองดูนะยูอิจิ ถ้านายประพฤติตัวได้ดีไม่มีที่ติ ก็โอเค”
“ไชโย้!!” ชายหนุ่มกระโดดหยองแหยงขึ้นๆ ลง ใบหน้ายิ้มแย้มแบบแก้มแทบปริ
การกระโดดของยูอิจิสะกิดใจจุนโนะอย่างแรง ร่างสูงนั่งเหล่มองขาของยูอิจิแล้วก็คว้าคอเสื้อยูอิจิเอาไว้
“เฮ้ย!! ไหนเจ็บขาอยู่ไม่ใช่เรอะ?”
“แหะ..แหะ...อ่ะล้อเล่น...ไม่งั้นยามะพีจะตามไปเยี่ยม และทำซุปอร่อยๆ ให้กินเหรอ”
คำบอกนั้นทำให้จุนโนะหันขวับไปที่ญาติซี้ย่ำปึกทันที มือปล่อยคอเสื้อยูอิจิจนแทบจะเข่าทรุด
“อ้อ.....ไปหาเขาเอง” จุนโนะว่ายามะพี
“เฮ่ย...สงสารน่ะ” ยามะพีก้มหน้างุด ทำเป็นมองแป้น ไม่กล้าสบตากับจุนโนะหรอก
“อือ..ดีเนอะญาติฉัน เดี๋ยวสงสาร เดี๋ยวรำคาญ ไปๆ มาๆ ก็ชอบหมอนี่ล่ะซิ” จุนโนะพูดพร้อมกับส่ายหน้า เขาเห็นนี่นาว่ายามะพีน่ะหน้าแดงเข้ม คงกำลังเริ่มเปิดใจสำหรับคนอื่น
จุนโนะแอบเหล่มองยูอิจิ ...คาดเอาไว้ว่า ขอให้ยูอิจิจริงใจกับญาติเขาก็พอแล้ว

ยูอิจิหยุดกระโดดเมื่อไม่มีใครสนใจเขาแล้ว ชายหนุ่มสะกิดหัวไหล่ของจุนโนะ พออีกฝ่ายหันมา เขาก็เลิกคิ้ว ทำหน้าตาขึงขังก่อนจะเริ่มคำถาม
“นี่จุนโนะสุเกะ ขอถามอะไรหน่อยซิ ...พูดกันแบบลูกผู้ชายนะ นายน่ะคิดยังไงกับเพื่อนฉัน”
“เพื่อนคนไหน?” จุนโนะถามกลับ ทั้งๆ ที่ก็รู้คำตอบดีอยู่แล้ว
“คาเมะไง”
“เจ้าเต่าน้อยเหรอ......” จุนโนะคราง รีบหันหลังให้ยูอิจิ เขาทำเป็นมองไปในเคาน์เตอร์กระจกที่วางของแต่งรถมอเตอร์ไซค์อยู่ในนั้น เสียงยูอิจิถามขึ้นอีกว่า
“นายคิดกับเขาแบบไหน?”
“ก็ไม่มีอะไรนี่นะ”
“จริงง่ะหรือ.......” ยูอิจิเลิกคิ้ว เมื่อจุนโนะหันหน้ามาเผชิญ เขากลับไม่พบอะไรผิดปกติในสีหน้าเรียบเฉยนั้น

.....หรือว่าเจ้าหมอนี่ไม่ได้คิดอะไรกับเพื่อนของเขาจริงๆ นอกจากล้อเล่นให้หัวปั่น.........

“นายถามทำไม ใครใช้ให้มาถาม ...คาเมะเหรอ?” จุนโนะถามบ้าง
“โอ๊ย..เปล่า..เปล่า...ฉันถามเอง เพราะเห็นว่านายเอาเขาไปอยู่ด้วยตั้งหลายวัน”
“ห้าวัน กับอีกสิบสองชั่วโมง และสิบสี่นาที กับอีกสามวินาที” จุนโนะต่อประโยคนั้นของยูอิจิ
“เอ้อ......ให้ตายเหอะ...ฉันดูนายไม่ออกเลย” ยูอิจิเกาหัวแกรก ได้ยินเสียงหัวเราะดังมาจากปากของยามะพี ได้ยินเสียงจุนโนะพูดต่ออีกว่า
“นายไม่ต้องมาใส่ใจเรื่องของฉันกับเพื่อนของนาย คนที่นายควรจะใส่ใจมากที่สุดในตอนนี้ก็คือ ยามะพี เข้าใจมั้ย?” จุนโนะลุกขึ้นยืน หันมาบอกยามะพีว่า ตอนค่ำเขาจะมาหาใหม่อีกครั้ง
“ตอนนี้ใกล้จะได้เวลาเดทของนายแล้วนี่ ฉันไปก่อนล่ะ...” จุนโนะพยักหน้าให้ยูอิจิและยามะพี เดินล้วงกระเป๋าแจ็คเก็ตออกไปนอกร้าน ทิ้งให้ยูอิจิลอบถอนหายใจออกมา

........ไม่ใยดีเรื่องของคาเมะเลยนะ.....แบบนี้เพื่อนของเขาคงหมดหวัง...

“หมอนั่นเย็นชาจริงๆ” ยูอิจิโพล่งออกมา
“เขาก็เป็นแบบนี้แหล่ะ ไม่ได้เย็นชาหรอก...แต่คงเขินมากกว่าน่ะ คบไปนานๆ ก็จะเข้าใจเอง...” ยามะพีว่า และเตรียมเก็บของ วันนี้เขาคงปิดร้านในช่วงเวลานี้ เพราะใกล้จะได้เวลาเดทของเขากับยูอิจิแล้ว

*****************************

คาเมะทำหน้าเศร้าขณะเล่าเรื่องระหว่างเขากับจุนโนะให้ยูอิจิฟังจนหมดเปลือก พอเล่าจบแล้ว ก็ถอนหายใจเฮือก จนคนฟังต้องเอื้อมมือมาตบบ่าเขาเบาๆ
“ใจง่ายจริงเพื่อนกรู”
“ไอ้ยู.....” คาเมะหน้ามุ่ยเมื่อเจอคำแซวของเพื่อนรัก
“ก็จริงนี่หว่า ไอ้เมะ ไปอยู่กินกับหมอนั่นไม่กี่วัน ก็เกือบโดนฟันซะแล้ว แบบนี้จะไม่ให้เรียกว่าใจง่ายได้ไงฟะ”
“ไม่ได้ใจง่ายโว้ย...ฉันเจอหน้าจุนโนะตั้งหลายครั้งกว่าจะยอมรับว่าชอบน่ะ”
“แต่นั่นมันแฟนของน้องนะโว้ย...นายคงไม่แย่งแฟนน้องหรอกนะ?”
“ฉันรู้น่า ก็พยายามตัดใจอยู่นี่ไง..” คาเมะตั้งใจอย่างนั้นจริงๆ เขาหวนคิดไปถึงสาวๆ ร่วมมหาวิทยาลัยที่เคยออกเดทด้วย แล้วก็ยื่นหน้ามาหายูอิจิ
“หรือว่าจะกลับไปคบกับแม่พวกสาวๆ นั้นดีหว่า”
“ดีอย่างยิ่ง อย่างน้อยนายจะได้ไม่ฟุ้งซ่าน แล้วก็นะ....ถ้าเผื่อน้องนายจับได้ นายจะมองหน้ายูกิเอะได้ไง เลิกเหอะ คนแบบนั้นน่ะ...” ยูอิจิสนับสนุนทันที
“อือ.....ฉันจะพยายามนะ...แต่ไม่รู้ว่าจะสำเร็จหรือเปล่า”

ยูอิจิมองขึ้นไปยังชั้นบนของบ้านคาเมะ
“ยูกิเอะไม่อยู่เหรอ?”
“อยู่....ยังไม่ตื่นเลย เมื่อคืนกลับดึก”
“จุนโนะมาส่งเหรอ?” ยูอิจิถาม คาเมะไม่ตอบได้แต่พยักหน้างึกๆ
“เออ.....วะ...ตัดใจเหอะน้า.....” ยูอิจิพูดย้ำอีกครั้ง ซึ่งร่างบางก็ได้แต่เหลือบตามอง แล้วก็พยักหน้าให้ด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย
ยูอิจิเห็นใจเพื่อนรักสุดๆ เพราะเท่าที่เห็นจุนโนะวันนี้ เขาเองก็ยังคิดว่า หมอนั่นมันเท่สุดๆ ไปเลย แล้วอย่างคาเมะที่ไม่เคยสะดุดความหล่อของใครจะมีพฤติกรรมหันเหในวัยหนุ่มได้ถึงขนาดนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เขาเองยังหลงเสน่ห์ของยามะพีเลย
“นี่......พี่ทักกี้เขาจะไปดาวน์รถเก๋งคันใหม่ให้นายแล้วนะ รอนายให้ไปเลือก เขาโทรฯ บอกนายหรือยัง?”
“อือ.....โทรฯ มาเมื่อเช้า แต่ฉันไม่อยากได้แล้วล่ะ คันเก่าก็ยังพอใช้ได้ แต่ความจริงก็คือ......” คาเมะอดหน้าแดงไม่ได้เมื่อพูดประโยคต่อไป
“ความจริงก็คือ....ฉันอยากซ้อนมอเตอร์ไซค์มากกว่าว่ะ”
“เฮ้อ....ไอ้เมะ.....”

**********************************

ตกตอนเย็น คาเมะก็ได้ต้อนรับแขกคนสำคัญของบ้าน ซึ่งก็คือจุนโนะสุเกะนั่นเอง ชายหนุ่มร่างสูงในชุดโอเวอร์โค้ทสีดำ ยืนทำหน้าหล่ออยู่หน้าประตูบ้าน คาเมะชะเง้อข้ามไหล่ของจุนโนะไปมอง

นั่นไงมอเตอร์ไซค์สีดำสนิท คันโก้ที่เขาอยากซ้อนอีกครั้ง

....โอย...อยากซ้อน....อยากซ้อน...

คาเมะทำจมูกย่นโดยไม่รู้ตัว
“เอ้อ......นาย....” คาเมะเผลอกำลูกบิดประตูเสียแน่น จนกระทั่งจุนโนะต้องเป็นฝ่ายแงะมือของเขาออกจากมัน คาเมะถึงได้รู้สึกตัว เดินหลีกให้จุนโนะเข้าไปภายในบ้าน
และประโยคแรกที่จุนโนะกล่าวกับเขาก็คือ
“ยูกิเอะอยู่มั้ย?”

คาเมะอึ้ง ...นี่จะพูดจาทักทาย หรือถามสารทุกข์สุขดิบกันบ้างน่ะ....ไม่มีเล้ย........มาถึงก็ถามถึงแฟนทันที
“อยู่....รอเดี๋ยว” คาเมะตั้งใจจะขึ้นไปตามน้องสาวคนสวยให้อยู่แล้ว ถ้าไม่มีมือดีมาฉวยเอวของเขาเอาไว้ พร้อมกับที่ใบหน้าหล่อของจุนโนะโฉบอยู่ไม่ห่าง
“จะไม่คุยกันก่อนหรือ?” เสียงกระซิบดังขึ้นริมหู
คาเมะรู้สึกว่าปอยผมข้างขมับของเขาปลิวไสว พอหันหน้าจะพูดด้วย เขาก็ต้องตัดใจ
“ไม่เอาดีกว่า”
“อะไรไม่เอา” จุนโนะถาม
“ไม่คุย ..อย่าคุยกันเลย...นายมาหาน้องฉันก็มาเด่ะ ฉันจะไปตามให้ ยังจะอยากพูดอะไรกันอีก ระหว่างเราน่ะ มันไม่มีความหมายอะไรเลย...” คาเมะพยายามปลดมือแกร่งที่ทาบอยู่ที่เอวของเขาออก แต่ว่านิ้วมือที่จะแกะมือของจุนโนะนั้นกลับถูกมือดีฉวยเอาไว้
“เอ๊ะ!!” คาเมะทำตาโต เมื่อคนตัวโตกว่าสูดเอากลิ่นหอมจากแชมพูสระผมข้างขมับแรงๆ
“ฮ้า......ชื่นใจจริงๆ ฉันชักจะติดใจกลิ่นแชมพูนี้ซะแล้วซิ เมื่อคืนยังนอนอ้างว้างอยู่คนเดียวเลย”
“เรื่องของนายเด่ะ”
“จะไม่ถามสักนิดเหรอว่า ฉันคิดถึงใครก่อนนอน” จุนโนะถามยิ้มๆ อย่างมีความหมายอันลึกล้ำ แววตานั้นเจ้าชู้จนคาเมะคิดว่า ...คงเป็นเขาที่จุนโนะคิดถึงก่อนนอน...หรือเปล่า?...แต่ว่า...
“ฉันคิดถึงน้องของนายก่อนนอนต่างหากล่ะ...ฮ่า...ฮ่า...คิดอะไรอยู่หรือเปล่า?” จุนโนะหัวเราะเสียงดัง ไม่ทันสังเกตถึงสีหน้าแดงจัดของคาเมะ แต่สิ่งที่เขารู้สึกได้ทันทีก็คือ

..........พลั่ก.........

เสียงหมัดกระทบที่โหนกแก้ม ถึงจะไม่แรงนัก แต่มันก็ทำให้เขาร้องออกมา
“โอ๊ย!!”
“ดีสม....” คาเมะทำปากยื่น กระเด้งตัวออกห่างทันที
“นายต่อยฉันอีกแล้วนะ”
“ก็อยากกวนส้นทำไมฟะ.....อยู่นี่แหล่ะจะไปตามยูกิเอะมาให้” คาเมะทำเสียงห้วนจัด เดินกระแทกเท้าปึงๆ ขึ้นไปชั้นบน ไม่สนใจแล้ว ว่าเจ้าหมอนั่นจะแก้มช้ำเพราะโดนหมัดของเขาไปมากน้อยแค่ไหน

...................

คาเมะยืนปวดใจอยู่ข้างหน้าต่างอีกแล้ว เขาปล่อยชายผ้าม่านลงเมื่อเห็นว่าจุนโนะพาน้องสาวของเขาโฉบไปข้างนอกอีกครั้ง
“โอย.....ตัดใจ...ต้องตัดใจให้ได้.....โธ่เว้ย...มันจะมาทำไมอีกวะเนี่ย...มาให้เราคิดมากแท้ๆ เลย”

ถ้อยคำยียวนกวนประสาทที่จุนโนะยั่วเย้าเขานั่น จะออกมาจากใจจริงขนาดไหน เขาเองก็ไม่อาจคาดเดา
นี่ถ้าชอบยูกิเอะจริง จะมาวอแว มาแตะเนื้อต้องตัวเขาทำไมกัน
ร่องรอยสัมผัสอุ่นจัดยังอ้อยอิ่งอยู่ที่บั้นเอว คาเมะเผลอไล้ฝ่ามือทับรอยมือของจุนโนะ
“อือ..........” คาเมะครางออกมาแผ่วเบา
“โทรฯ ไปหาสาวดีกว่า” คาเมะตัดสินใจแล้ว....ว่าจะต้องไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับความรู้สึกที่มีต่อจุนโนะอีก ...

********************************

คาเมะนัดกับสาวคนหนึ่งที่เรียนร่วมคณะเดียวกัน เขาเคยเดทกันมาก่อนก็ประมาณสองสามครั้งเห็นจะได้ ตอนนั้นก็หลีสาวดีอยู่หรอก แต่ว่าตอนนี้น่ะซิ ทำใจไม่ได้เอาเสียเล้ย...
ขณะนี้สองหนุ่มสาวเพิ่งจะออกมาจากร้านไอศกรีมแห่งหนึ่ง ในยามย่ำค่ำแบบนี้ อากาศเริ่มเย็น แต่ไม่มากนัก ร้านรวงสองข้างทางเริ่มปิดทีละร้านสองร้าน เขาพาสาวสวยควงออกไปทางร้านประเภทออลไนท์ลอง คือเปิดโต้รุ่ง ซึ่งมีร้านค้าประเภทของนำเข้าจากทางฝั่งอเมริกาขายอยู่ค่อนข้างมาก คาเมะเลือกได้ที่ห้อยขนนกที่ใช้แขวนไว้หัวเตียง เพื่อจะได้นอนหลับฝันดี ไม่มีฝันร้ายตลอดทั้งคืน
“เป็นของอินเดียนแดงน่ะ เอาห้อยไว้เหนือหัวเตียงนะ จะได้ไม่ฝันร้าย” คาเมะบอกสาวและซื้อให้เจ้าหล่อนหนึ่งอัน และก็ให้ยูกิเอะอันหนึ่ง และซื้อเผื่อใครอีกคนด้วย เขาซื้อไปแบบนั้นแหล่ะไม่คิดว่าจะเอาไปให้จุนโนะแต่อย่างใด
“คาเมะจังเชื่อเรื่องเครื่องลางด้วยเหรอ?” หญิงสาวชูพวงขนนกขึ้นมองอย่างพิจารณา
“เปล่าหรอก...เพียงแต่ไม่ลบหลู่ก็เท่านั้นเอง ผมเองก็...แหะ..แหะ...อยากฝันดีเหมือนกันนี่นา” เขายิ้มยิงฟันให้ และชี้ไปที่ร้านข้างหน้า ซึ่งเป็นร้านขายสร้อยรูปร่างพิศดาร แต่ยังไม่ทันจะก้าวเดิน เขาก็รู้สึกว่าแขนข้างหนึ่งถูกยึดฉวยเอาไว้
พอหันไปมองก็ต้องสะดุ้งเมื่อดวงตาดำคมของใครคนหนึ่งจ้องเขาอย่างเอาจริงเอาจัง


“เจอตัวแล้ว...” ร่างสูงนั้นพูดขึ้นมา ไม่ได้สนใจมองสาวที่ยืนเอ๋ออยู่ข้างๆ คาเมะหรอก มีแต่ใบหน้าของคาเมะเท่านั้นที่เขาจับจ้อง
“นาย.....มาได้ไง?” คาเมะถาม ลดสายตามองมือที่กำลังขยุ้มแขนของเขาแน่น ราวกับกลัวว่าเขาจะวิ่งหนีไปอย่างงั้นแหล่ะ
“ก็ขี่น้องมอฯ มา แล้วเจอนายเดินควงสาวอยู่นี่แหล่ะ ...แหม...เลิกนัดกับฉันเพราะมาเจอสาวนี่เอง เห?...ลืมกันแล้วหรือว่าฉันขอเดทกับนายก่อนน่ะ”
“เอ๊ะ!! นายพูดอะไรของนาย เดทบ้าเดทบออะไร?” คาเมะทำตาโต เมื่อสาวน้อยเริ่มหูผึ่ง ก็จุนโนะเล่นพูดกำกวมนี่นา แต่คนกวนประสาทยังพูดหน้าตาเฉย ทั้งๆ ที่โกหกอยู่เห็นๆ
“อ้าว....ก็เดทกันไงจ๊ะ แหมอยู่ด้วยกันตั้งแต่เมื่อคืน ทำเป็นลืมกันซะแล้ว...คาเมะจังนี่ไม่ไหวเลยนะ เปลี่ยนรสนิยมมาควงสาวตั้งแต่เมื่อไร ทีเมื่อคืนยังอ้อน แบบว่า จุนโนะจ๊ะ จุนโนะจ๋าอยู่เลย...” พูดไม่พูดเปล่า แถมยังเชยคางคาเมะขึ้นอีกด้วย ปลายนิ้วโป้งไล้หนักหน่วงบนกลีบปากที่กำลังเผยอค้างอีกต่างหาก
“คาเมะจัง...นี่มันเรื่องอะไรกันคะ คุณกับคุณคนนี้น่ะ...เอ้อ...” คู่ควงของคาเมะชี้ไปที่จุนโนะแล้วก็หน้าแดงก่ำ ...นี่เธอกำลังควงผู้ชายที่พฤติกรรมเบี่ยงเบนอย่างนั้นหรือ และเมื่อจุนโนะก้มหัวให้ เธอก็อยากลาตาย
“ถูกแล้วครับคุณผู้หญิง ผมกับคาเมะจังกำลังคบกันอยู่น่ะฮะ...” ย้ำเตือนจนหญิงสาวแทบจะมุดดินหนี
“จุนโนะนาย!!” คาเมะโวยแหลก สะบัดแขนจนหลุด เขายืนชี้หน้าจุนโนะจนมือสั่น
“พูดซกมก...ไอ้บ้าเอ๊ย...พูดมาได้ไงวะ”
“ไม่เห็นต้องอายเลย...” จุนโนะโบกมือไปมาตรงหน้าคาเมะ แล้วโอบบ่าร่างเล็กอย่างสนิทสนม
“คุณสองคนเป็นแฟนกันงั้นเหรอ?” หญิงสาวส่ายหน้าอย่างไม่ยังฟังคำตอบ แต่จุนโนะจับหัวคาเมะกดให้พยักหน้างึกๆ ส่วนตัวเขาเองก็ตอบเสียงดังฟังชัดว่า
“ถูกแล้วครับ...เราชอบกัน คาเมะจังเป็นเคะ แล้วผมเป็นเมะ”
“อ๋าย!! บ้าที่สุดเลย...คุณหลอกฉันได้ไงคาเมะ...”

.......ผัวะ........

ฝ่ามือของหญิงสาวฟาดบนแก้มของคาเมะถนัดถนี่จนอีกฝ่ายหน้าชาดิก จากนั้นโดยไม่ต้องรอฟังคำแก้ตัว หญิงสาวคู่ควงหรือเพิ่งจะกลายเป็นอดีตคู่ควงของคาเมะก็วิ่งกระเจิดกระเจิงหนีหายไปแล้ว และคาเมะเองก็เชื่อว่า วันพรุ่งนี้เรื่องที่เขาคบกับผู้ชายด้วยกันคงจะกระจายไปทั่วมหา’ ลัยอย่างแน่นอน
“โอ๊ะ...โอ๋...คาเมะโดนหญิงตบ” จุนโนะลูบคลำแก้มแดงที่โดนฝ่ามืออรหันต์อย่างเบามือ แต่ว่าคาเมะตวัดตามองแบบจ้องจะกินเลือดกินเนื้อ
“เพราะใครล่ะเจ้าบ้า”
“คาเมะน่ะไม่เหมาะกับสาวคนนั้นหรอก อ้อ...ไปซื้ออะไรมาบ้างล่ะ” จุนโนะก้มลงมองถุงใส่ขนนกแบบอินเดียนแดงในมือของคาเมะ ร่างเล็กผลักจุนโนะออกห่างแล้วซ่อนถุงขนนกไว้ด้านหลัง
“ไม่ต้องมายุ่งนะ ทำเรื่องเดือดร้อนให้ฉันอยู่แหมบๆ ยังจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อีก นายนี่นอกจากจะหน้าด้านแล้วยังเย็นชาอีกต่างหาก”
“ฉันหวังดีหรอกนะ เห็นว่านายกับสาวคนนั้นไม่เหมาะกันด้วยประการทั้งปวง”
“ไม่เหมาะยังไง?”
“นายน่ะเหมาะกับฉันมากกว่า” ร่างสูงพูดหน้าตาเฉย
“บ้าเด่ะ ...นายน่ะเป็นแฟนน้องฉันต่างหาก อย่าลืมซะซิ”
“อือ...อือ...จริงซิ ลืมไป.....งั้นพี่แฟนจ๋า...ดึกแล้ว อยากกลับบ้านหรือยังจะพาไปส่งบ้าน” จุนโนะฉวยข้อมือคาเมะมากำแน่นจนยากที่อีกฝ่ายจะขัดขืน ดังนั้นคาเมะจึงเป็นฝ่ายถูกฉุดให้เดินลิ่ว ย้อนกลับทางเก่า

จุนโนะเดินมาจนถึงริมถนนข้างห้างใหญ่ที่ปิดให้บริการแล้ว เขาจ่ายค่าจอดรถแล้วก็ยื่นหมวกกันน็อคให้คาเมะ
“จะพาไปส่งบ้าน เดทของนายกับแม่คนนั้นจบลงแล้ว...”
“เห็นแก่ตัวชะมัดเลย” คาเมะบ่นอุบ แต่ก็ยอมใส่หมวกกันน็อคแต่โดยดี เขามองรถสีดำทะมึนที่บอกกับยูอิจิเมื่อกลางวันที่แล้วว่า อยากจะซ้อนอีกสักครั้ง และวันนี้เขาก็ได้ซ้อนจริงๆ แม้จะซ้อนทับรอยของน้องสาวก็เอา..............

.......................

แต่พอเอาเข้าจริงๆ จุนโนะก็ไม่ได้พาคาเมะไปส่งบ้านอย่างที่บอกเอาไว้ เขาวกรถเข้าโรงหนังรอบดึก เรื่องรักโรแมนติกประเภทออกเรทนิดๆ ซึ่งก็อยากจะแกล้งคาเมะนั่นเอง
“ไหนว่าจะพาไปส่งบ้านไง?” คาเมะอดถามไม่ได้
“อยากดูหนัง...ดูเป็นเพื่อนกันก่อนนะ เดี๋ยวค่อยกลับบ้าน”
“ฉันไม่อยากดูหนังเรื่องนี้นี่...หนังอะไรก็ไม่รู้ ชื่อแปล๊กแปลก.....<<<เพื่อน....กูอยากฟันมึงว่ะ>>>....ใครสร้างฟะ”
“ช่างคนสร้างปะไร ก็ฉันอยากดูนี่” จุนโนะพูดสั้นๆ แล้วก็ลากแขนคาเมะไปที่ช่องขายตั๋ว พอซื้อได้แล้วก็หิ้วคาเมะมาที่หน้าโรงซึ่งได้เวลาฉายหนังแล้ว

ในนั้นออกจะมืดและคนโหรงเหรง จุนโนะเลือกที่นั่งหลังๆ ซึ่งไม่ค่อยมีใครมานั่งมากนัก นอกจากคู่รัก ซึ่งก็ไม่ค่อยจะสนใจจะดูหนังบนจอสักเท่าไร ...เสียงคาเมะยังบ่นงึมงำเบาๆ
“หนังบอยเลิฟนี่หว่า....”
“อือ...ดูไปเหอะน่า...เดี๋ยวถึงตอนสำคัญแล้วหุบปากนะ”
คาเมะนึกสงสัยว่า ฉากไหนที่มันสำคัญสำหรับเจ้าหมอนี่นัก
พอดูไปดูมา เขาก็หน้าร้อนซู่ ก็ไอ้ฉากสำคัญที่ว่าก็คือฉากที่พระเอกและนายเอกนอนฟัดกันกลมท่ามกลางสายฝนกระหน่ำ......โอย.....เขาไม่กล้าจับแก้มตัวเองหรอก มันคงจะแดงแจ๊ดแน่ๆ
ได้ยินเสียงจุนโนะหัวเราะเบาๆ แล้วก็ยิ่งอยากมุดตัวหนีไปจากที่นี่จริงๆ

เจ้าหมอนี่เจตนาพาเขามาดูหนังเรื่องนี้โดยเฉพาะ...เจตนาไม่ดีนี่หว่า...

และก็ดูเอาเถอะ...จุนโนะนั่งดูได้อย่างเฉยเมย ไม่เขินบ้างเลย...

คาเมะอดทนดูต่อไป ความจริงมันก็สนุกดีอยู่หรอก ถ้าตัวเอกของเรื่องไม่แก่ฟัดกันเยอะซะถึงพริกถึงขิงขนาดนี้
ดูหนังอยู่ดีๆ เขาก็เริ่มจะค่อยๆ เอนหัวลงพิงพนักเบาะ เพราะบทสนทนาค่อนข้างมาก เล่นเอาง่วงเพราะเมื่อคืนก็นอนไม่ค่อยหลับอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงผลอยหลับไปแบบไม่รู้ตัว ...มารู้สึกตัวอีกทีก็พบว่าอุ้งมือของตัวเองกำลังถูกกอบกุมจากมือที่ใหญ่กว่าเสียแล้ว
“ง่วงก็นอนพิงอกฉันก็ได้” จุนโนะเป็นฝ่ายเอนศีรษะคาเมะมาซบที่หัวไหล่ตัวเอง แต่มันก็ทำให้คาเมะใจเต้นตึ่กตั่กเมื่อจุนโนะโอบกอดเขาไว้ทั้งตัว ยินยอมให้คาเมะนอนหลับอย่างง่ายดาย
“ไม่ดูเหรอ? ฉากนั้นมาอีกแล้วนะ” เสียงจุนโนะกระซิบอยู่ริมหู แต่คนฟังกลับส่ายศีรษะ ทำเป็นหลับตาพริ้มแต่พอถึงฉากอื๊อๆ อ๊าๆ เขาก็แง้มเปลือกตาออกมองนิดหนึ่ง พอเรียนรู้ไว้

เห็นแล้วก็ซู่ซ่า...นี่ถ้าเปลี่ยนบทจากคนในหนังเป็นจุนโนะกับเขาล่ะ.......

“อื้อ.....” คาเมะเผลอครางออกมาแล้วหลับตาปี๋.......

โอย......นี่จุนโนะพาเขามาดูหนังแบบนี้ หมายความว่าไง

อยากเพียงแค่กอดเขาเอาไว้แบบนี้อย่างเดียว...หรืออยากทำยิ่งกว่านี้

*******************************

 

to be con

เม้นต์ที่นี่จ้า