The Rainbow LOVER

 

vol15

***************************

ในที่สุดคาเมะก็ได้มีโอกาสเข้ามาในห้องพักสวยหรูของจุนโนะสุเกะอีกครั้งหลังจากที่จุนโนะพาไปกินอาหารค่ำข้างนอก ภายในห้องนั้นทุกอย่างยังเหมือนเดิม จะผิดไปก็ตรงที่ การกลับมาในครั้งนี้ เขาเต็มใจมา..เพราะหัวใจสั่งให้มา ไม่ได้ถูกจุนโนะบังคับเหมือนคราวที่แล้วแต่อย่างใด
คาเมะกวาดสายตาไปรอบตัว ห้องชั้นนอกที่เอาไว้นั่งเล่น รับแขก (ซึ่งไม่ค่อยจะมีใครมา) และดูทีวี ก็ยังมีบรรยากาศเดิมๆ เขายืนเคว้งกลางห้องไม่รู้ว่าควรจะนอนตรงไหนดีระหว่างห้องรับแขกหรือว่าห้องนอนที่เคยนอน แต่ในที่สุดเขาก็ต้องหยุดความคิดลงเมื่อร่างสูงเป็นฝ่ายลากเขาเข้าไปในห้องนอนที่กว้างใหญ่
ภาพเขียนสายรุ้งก็ยังคงอยู่ ณ ตำแหน่งเดิม...เหนือเตียงนอนขนาดคิงไซส์ คาเมะมองภาพนั้น ความจริง ยิ่งดูก็ยิ่งสวย นึกอยากจะเป็นคนที่ไปยืนอยู่สุดปลายสายรุ้งของจุนโนะเหมือนกันแหล่ะ...

จุนโนะฉวยกระเป๋าไปจากคาเมะและวางมันไว้ข้างตู้เสื้อผ้า เขาผายมือมาทางกระเป๋า และเลิกคิ้วใส่คาเมะ
“เอาเสื้อผ้าเก็บก่อนมั้ย?”
“ไม่ต้องหรอกมั้ง เอาไว้แบบนั้นก็ได้ เผื่อวันดีคืนดี พอนายหายป่วยทางใจแล้วเกิดอยากไล่ฉันกลับบ้านจะได้ไม่ต้องเสียเวลาเก็บของ” คาเมะว่าเข้านั่น เรียกเสียงหัวเราะจากริมฝีปากบางของจุนโนะได้
“ไม่ไล่กลับง่ายๆ หรอกน่า ฉันอยากให้นายอยู่กับฉันแบบนี้ตลอดไป”
“เอ๊?.....ได้ไงง่ะ...”
“ได้ซิ ถ้านายอยากอยู่”
“ฉันก็แค่มาอยู่เป็นเพื่อนนาย เพราะไม่อยากเห็นนายฆ่าตัวตายเพราะอกหักหรอก”
“อืมมม...จริงสิ....ลืมไปว่าฉันกำลังอกหัก...” จุนโนะพยักหน้ายิ้มๆ เขาไม่สนใจคาเมะอีก เพียงแต่บอกว่า ควรจะอาบน้ำและนอนได้แล้ว

คาเมะไม่ได้ถามว่า ในสถานการณ์เช่นนี้ จุนโนะจะให้เขานอนที่ไหน ในห้องนี้หรือในห้องด้านนอก ...แต่ถ้าเป็นห้องนี้ล่ะ... ปรายตามองเตียงกว้างอย่างโหยๆ ...เพราะเตียงน่านอน และดูเชิญชวนเหลือเกิน คาเมะเริ่มใจสั่น ใจอ่อนแบบเขานี้ถ้าเจอเหตุการณ์ล่อแหลมอย่างที่อยู่ในวิลเลจอีกล่ะก็ เขาจะทำยังไง

ระหว่างที่กำลังขมวดคิ้วนิ่วหน้าอยู่นั้น จุนโนะก็ออกมาจากห้องน้ำ ใส่เสื้อคลุมผ้าขนหนูผืนเดียว ชายหนุ่มเช็ดผมจนหมาดแล้ว แต่ก็ยังมีรอยชื้นที่ข้างขมับ คาเมะเงยหน้าขึ้นมองเมื่อจุนโนะหยุดยืนอยู่ข้างกาย
“อ้าว....นั่งเอ๋ออะไรตรงนี้ล่ะ อาบน้ำซะซิ”
“เอ้อ....นายจะให้ฉันนอนไหน?” คาเมะถามออกมาตรงๆ
“ตรงไหนก็ได้ถ้านายอยากจะนอน” ตอบเพียงแค่นั้น ร่างสูงก็เดินไปเช็ดผมที่เตียงนอน เขายังมองร่างเล็กของคาเมะที่กำลังว้าวุ่นใจขนาดหนัก
“งั้น ...ฉันไปนอนห้องรับแขกนะ” คาเมะบอก มองหน้าเจ้าของห้องเขม็ง
“ตามใจ จะนอนไหนก็ตามใจ” จุนโนะว่า ขบริมฝีปาก รู้สึกกังวลเพราะกลัวว่าคาเมะจะไปนอนไกลตัว แต่แล้วเขาก็มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในสมอง ....เขาเห็นคาเมะมองหน้าเขา การมองนั้นทำให้เขาแน่ใจว่า คาเมะเองก็คงไม่อยากออกไปนอนข้างนอกจริงๆ ร้อก...จุนโนะกลั้นยิ้มขณะมองคาเมะเดินหายไปในห้องน้ำ

ชายหนุ่มจัดแจงตบหมอนให้เข้าที่ เขาปรับโคมไฟข้างเตียงให้เหลือเพียงแค่แสงสลัวสีเหลืองอมส้มที่ให้บรรยากาศโรมานส์เป็นอย่างยิ่ง ม่านจากผนังกระจกถูกปิดเพื่อกันสายตาจากตึกข้างเคียง เพลงบรรเลงสไตล์อินเดียนถูกเปิดแผ่วเบา ฟังดูนุ่มนวลเข้ากับบรรยากาศยิ่งนัก .... เขายิ้มอย่างพึงพอใจ เมื่อมองบรรยากาศที่สร้างขึ้นมา

.....ทุกอย่างพร้อมแล้ว ตอนนี้ก็เหลือแต่....รอคาเมะบนเตียงเท่านั้นเอง.....

สักพักหนึ่ง พอได้ยินเสียงคริ๊กจากประตูห้องน้ำ จุนโนะก็รีบนั่งซุกหน้ากับหัวเข่าของตัวเอง ...ดังนั้นภาพที่คาเมะได้เห็นตอนออกมาจากห้องน้ำก็คือ ภาพของจุนโนะที่นั่งเหมือนคนหมดอาลัยตายอยากในชีวิต
ร่างเล็กชะงักนิดหนึ่ง มือที่กำลังเช็ดผมหยุดค้าง ก้าวเท้าเดินเข้ามาใกล้เตียง เขาเอื้อมมือมาสัมผัสเส้นผมอ่อนสลวยของจุนโนะแผ่วเบา
“จุนโนะ....ร้องไห้เหรอ...”
.............

ไม่มีเสียงตอบนอกจากอาการส่ายศีรษะไปมา ใบหน้ายังคงซุกอยู่ระหว่างเข่าของตัวเอง ได้ยินเสียงคาเมะถอนหายใจเบาๆ เตียงยวบลงเมื่อร่างเล็กทรุดตัวลงนั่ง
“ร้องไปเถอะนะ เป็นผู้ชายก็ร้องไห้ได้นิ” เสียงปลอบใจดังอยู่ข้างกาย จุนโนะยังคงเฉย เขาทำเสียงสะดุดในลำคอ เรียกความสงสารจากคาเมะได้เป็นอย่างดีทีเดียวล่ะ
“ฉันขอโทษแทนน้องสาวด้วยละกันที่ทำให้นายเปลี่ยนเป็นคนละคนได้ขนาดนี้ นายเคยเข้มแข็งไม่ใช่เหรอ ไอ้อาการกวนทีนของนายง่ะหายไปไหน...แต่ก็เอาเหอะนะ ร้องไห้ออกมาแบบนี้ก็ยังดีกว่ามานั่งเก็บกด แล้วคิดที่ฆ่าตัวตายเนอะ”
คาเมะพูดไป ส่ายหน้าไป เขามองหาหมอนที่จะเอาไปนอนนอกห้อง ส่วนในห้องนี้มีแต่หมอนหนุนขนาดยาวเพียงใบเดียว ไม่มีใบอื่นอีก...ไม่เป็นไร...ที่ข้างนอกมีหมอนอิงอยู่สองสามใบ ใช้หนุนแทนก็ได้
“เอ้อ...นายนอนคนเดียวได้เป๊า?” คาเมะถามด้วยความเป็นห่วง

จุนโนะไม่ตอบได้แต่พยักหน้างึกๆ ก้มหน้าอยู่เช่นนั้น เพราะฉะนั้นจึงไม่เห็นว่าคาเมะยืนมองเขาด้วยความเป็นห่วงที่หน้าประตู ...

...เจ้าหมอนี่ คงไม่คิดสั้นหรอกละมั้ง ... คาเมะคิด เพราะถ้าคิดจะฆ่าตัวตายก็คงจะไม่ใช่จุนโนะน่ะซิ

แต่แหม...ขนาดเศร้านะนี่ เปิดเพลงซะ โคตรจะโรแมนติกเลย

คาเมะกำลังจะเปิดประตูออกไป เมื่อจุนโนะส่งเสียงสะอื้นออกมาอีก คราวนี้มีเสียงครางครืดคราดในลำคอติดมาอีกต่างหาก
เท้าที่จะก้าวออกไปนอกห้องชะงักกึก เขาตัดสินใจได้ในฉับพลัน ไม่นอนมันแล้วข้างนอก แม้ว่าจุนโนะจะเต็มใจหรือไม่ เขาก็จะขอนอนเฝ้าคนป่วยทางใจคนนี้อยู่ที่นี่ดีกว่า

คาเมะเดินกลับมาที่เตียงอีกครั้ง คราวนี้เขาเห็นจุนโนะเงยหน้าขึ้นมองเขาแล้ว เส้นผมเหนือหน้าผากตกลงปกคลุมดวงตาของชายหนุ่ม ซึ่งคาเมะอยากจะเกลี่ยขึ้นให้เหลือเกิน แต่ติดอยู่ตรงสายตาของจุนโนะที่กำลังมองเขาอยู่ในขณะนี้

จุนโนะเงยหน้าเห็นคาเมะยืนอยู่ก็แอบยิ้ม เพราะร่างเล็กอยู่ในชุดเสื้อยืดสีฟ้าลายสายรุ้งที่จุนโนะเคยซื้อให้ใส่ และคาเมะก็ไม่ได้เอากลับไปด้วย มาคราวนี้ก็เลยได้ใส่อีกครั้ง ชายเสื้อตัวยาวคลุมทับกางเกงนอนสีขาว ทำให้ร่างเล็กดูกระจ้อยร่อยขึ้น
“นายจะนอนที่นี่หรือ?” จุนโนะถามเสียงแหบพร่า เมื่อคาเมะพยักหน้าเขาก็รีบขยับที่ให้คาเมะทันที

คาเมะล้มตัวลงนอนตะแคงหันข้างมาทางจุนโนะ แต่ร่างสูงยังคงนั่งกอดเข่าเฉยอยู่ ทำให้คนที่นอนอยู่ผุดลุกขึ้นมาชะโงกหน้ามอง
“นอนซิ” คาเมะแตะไหล่จุนโนะ โน้มร่างสูงให้เอนลง เรือนกายหอมกรุ่นกลิ่นสบู่ทำให้จุนโนะสะดุดลมหายใจ เขาเหลือบมองคาเมะและคิดว่า ในสภาพเช่นนี้ เต่าตัวน้อยของเขาสุดแสนจะเซ็กซี่เป็นบ้าเลย...เรือนผมเปียกชื้นยังเกาะแนบกับศีรษะ ดวงตาเรียวรีหลุบลงมองใบหน้าเขา ขณะที่เผยอริมฝีปากเล็กน้อยเพราะกำลังจะเอื้อนเอ่ยวาจาปลอบประโลมให้คลายเศร้า....

โอย.....จุนโนะทนไม่ไหวแล้ว........

......พรึ่บ.......

โดนไม่ทันตั้งตัว ร่างของคาเมะเป็นฝ่ายโดนจุนโนะจับกดลงไปนอนแอ้งแม้งบนเตียงซะแล้ว

“เฮ้ย...อะไรกัน?” คาเมะร้องออกมาได้คำเดียว เขาก็ต้องเงียบเสียงเมื่อริมฝีปากร้อนผ่าวของจุนโนะประกบนาบให้ปิดสนิท
“อื้อ......อื้อ...” คาเมะเบิกตากว้าง เขาเห็นดวงตาปิดสนิทของจุนโนะอยู่ชิดเหลือเกิน
ไม่เพียงแต่จะโดนประกบจูบแบบไม่ทันตั้งตัวแล้ว เสื้อยืดของเขายังถูกมือดีถลกขึ้นไปกองบนหน้าอก นิ้วเรียวแตะแผ่วเบาบนยอดอกของเขา เคล้าคลึงจนคาเมะสะท้าน
กลีบปากบางช้ำเหมือนถูกดูดวาบอยู่ในวังวนเสน่หา คาเมะสั่นไปทั้งกายและใจ จุนโนะจุมพิตแต่ละครั้งนี่แทบจะขาดใจตายให้ได้
หมอนี่เกิดอารมณ์พิศวาสคุกรุ่นขึ้นมาล่ะหรือ ....
คิดมาถึงตรงนี้ เขาก็หลับตาพริ้มยอมให้จูบแต่โดยดี แถมสองแขนยังกอดรัดจุนโนะไว้แน่นเช่นกัน
“อืมม...” เสียงครางของจุนโนะหลุดรอดผ่านเข้ามากระทบกับปลายสัมผัสของคาเมะ

เอ......หรือว่าจุนโนะจะเผลอคิดว่าเขาเป็นยูกิเอะ...
....โอย.....ไม่เอาหรอกน้า....เขาไม่ใช่ตัวสำรองนะจะบอกให้...

“อื้อ..” คาเมะตัดสินใจผลักไหล่ของจุนโนะอย่างแรง จนร่างสูงต้องผละจากกลีบปากนุ่มนวลนั้นอย่างเสียดาย

หมายความว่าคาเมะไม่ยินยอมหรือไงเนี่ย.......

จุนโนะใจหาย.... หรือว่าวิธีจู่โจมแบบนี้จะไม่ได้ผล.......

จุนโนะทำเป็นมองหน้าคาเมะแล้วร้องออกมาอย่างตกใจ
“โอย....ตายจริง.....ฉันขอโทษนะคาเมะ...เป็นเพราะความเสียใจที่ทำให้ฉันทำแบบนี้กับนาย ขอโทษจริงๆ” จุนโนะรีบลุกขึ้นนั่ง ดึงเสื้อยืดของคาเมะให้ลงมาปิดกายตามเดิม จากนั้นร่างสูงก็ล้มตัวลงนอนตะแคงหันหลังให้คาเมะ แล้วทำเสียงสะดุดลมหายใจ
“ขอโทษจริงๆ” เสียงของจุนโนะยังบ่นงึมงำมาให้ได้ยิน
“ช่างมันเถอะ...” คาเมะเป็นฝ่ายเอื้อมมือมาสัมผัสแผ่นหลังของเขา
จุนโนะพลิกกายนอนหงาย ประสานมือไว้เหนือทรวงอก ปากก็พร่ำขอโทษอยู่เหมือนเดิม ตบท้ายด้วยคำพูดที่ว่า
“ฉันเพียงแต่ต้องการใครสักคน มาช่วยเยียวยาแผลหัวใจ ไม่คิดจะข่มเหงนายเลยจริงๆ นะ เพียงแต่คิดว่านายน่ะน่ารักมากจนฉัน..เอ้อ...ฉันอดใจไม่ได้...และนายก็ทำให้ฉันสบายใจขึ้นด้วย ฉันขอโทษจริงๆ ที่จู่โจมนายแบบนั้น” เพราะคำบอกนั้น ทำให้คาเมะเผยอกายขึ้น สอดมือเข้าหาอุ้งมือของจุนโนะ
“ฉันยินดีนะจุนโนะ ถ้ามันจะทำให้นายสบายใจขึ้น”
“แน่ใจเหรอ?” จุนโนะถามด้วยความไม่แน่ใจ
“ฮื่อ...ฉันอยากทำให้นายมีความสุข” ร่างเล็กพยักหน้างึกๆ สารภาพอย่างอายๆ

ทั้งสองมองหน้ากันนิ่งนาน มองลึกเข้าไปถึงขั้วหัวใจ คาเมะหัวใจแทบหยุดเมื่อจุนโนะโน้มร่างของเขาลงอีกครั้ง
“แน่ใจนะว่าจะไม่เสียใจ” ร่างสูงถาม และโดยไม่รอฟังคำตอบ เขาก็ปิดจุมพิตประทับตรึงแน่นกับริมฝีปากของคาเมะทันที
หัวใจลิงโลดเมื่อประจักษ์แน่ชัดแล้วว่า ยังไงซะ คืนนี้เขาจะได้ครอบครองเจ้าเต่าน้อยคนนี้อย่างแน่นอน เพราะคราวนี้คาเมะจูบตอบและกอดเขาแน่น
“คาเมะ....” จุนโนะเฝ้าเวียนจุมพิตไปตามใบหน้า เปลือกตา แก้มใส และมาหยุดนิ่งดื่มด่ำอยู่กับกลีบปากเจ่อบวมแดงของคาเมะ
เสื้อยืดสีฟ้าถูกถอดทิ้งออกไปอย่างไม่ใยดี รวมทั้งกางเกงนอนที่เจ้าตัวใส่ไว้แค่ตัวเดียวเท่านั้น เรือนร่างเปลือยเปล่าของคาเมะถูกแทนที่ด้วยเรือนกายเปล่าเปลือยของจุนโนะ ซึ่งคาเมะเองก็ไม่รู้ว่าร่างสูงสลัดเสื้อคลุมทิ้งตอนไหน แต่ที่รู้แน่ๆ ก็คือ ร่างของหนุ่มน้อยสองคน กอดกระหวัดรัดรึงกันจนแทบจะกลายเป็นเนื้อเดียว

รสรักที่จุนโนะเคยทำให้กับเต่าน้อยตอนอยู่ที่วิลเลจเมื่อหลายอาทิตย์ก่อนนั้นยังตราตรึง ฝังแน่นในความทรงจำของทั้งสองได้ดี และคราวนี้แหล่ะที่จุนโนะจะทำให้สิ่งนั้นเกิดขึ้นอีกครั้ง และไม่ใช่แต่คาเมะที่มีจะมีความสุขอยู่ฝ่ายเดียว เขาเองก็ต้องมีความสุขด้วยเช่นกัน

เส้นผมเปียกชื้นของทั้งสองต่างถูกนิ้วเรียวเกี่ยวพันซึ่งกันและกัน จุนโนะจับใบหน้าของคาเมะไว้ในอุ้งมือทั้งสองข้าง เขาจูบจนลมหายใจของร่างบางถี่กระชั้น...
“อือ.....จุนโนะ...” คาเมะดิ้นผวาเข้าหาร่างเปลือยเปล่าของจุนโนะ สอดมือรั้งท้ายทอย และเสนอจุมพิตให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
สองแขนแกร่งรัดรอบเอวบางของเขา ตวัดเบาๆ คาเมะก็ขึ้นไปนอนอยู่บนร่างของจุนโนะแล้ว ลำตัวเปลือยแนบกันแน่นสนิท และคาเมะก็เป็นฝ่ายถูกจับให้นั่งลงบนหน้าตักอันเปลือยเปล่าของจุนโนะ
ปลายนิ้วเรียวลูบโลมไปทั่วเรือนร่าง เหมือนไฟช็อตให้สั่นสะท้าน ร่างเล็กจิกปลายเล็บลงบนลาดไหล่ของร่างสูง ต้นขาขาวของคาเมะถูกลูบไล้อย่างหนักหน่วงและไล้ขึ้นมาเรื่อยๆ จนเกินขอบเขตของสิ่งหวงห้าม
คาเมะเผยอริมฝีปากอุทานแบบไม่มีเสียง เขาแหงนหน้ารับกับอารมณ์ชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นเหมือนวันที่เขาได้รับความสุขจากจุนโนะ ร่างบางกัดริมฝีปากอย่างรัญจวนใจเมื่อจุนโนะเผยอกายขึ้น ลูบไล้ขอบปากหยักเซ็กซี่ด้วยริมฝีปากของตัวเอง ปิดเสียงครางนั้นด้วยจุมพิตแสนหวาน
“เป็นของฉันนะคาเมะ” จุนโนะกระซิบ กอดรัดร่างบางเข้าหาตัว โหมกระหน่ำความรักความใคร่ด้วยแรงเสน่หา เหงื่อผุดพรายขึ้นทุกอณูของร่างกาย แรงกระแทกกระทั้นทำให้คาเมะผวา แอ่นกายรับความเจ็บปวดในทีแรก
“อึก.....เจ็บ....ง่ะ.....” คาเมะครางแทบขาดใจ และออกจากตกใจเมื่อรับรู้ว่าเขาก็เป็นฝ่ายรับสำหรับจุนโนะนั่นเอง
เสียงร้องครางทำให้จุนโนะอ่อนโยนขึ้น เขาจุมพิตข้างขมับชื้นเหงื่อของร่างบาง กระซิบพึมพำขอโทษ แต่ไม่ยอมคลายวงแขนรัดรึงนั้นออก กระซิบถ้อยคำหวานหู เพื่อจะพาคาเมะผ่านพ้นประตูสวาทบานนี้ไปสู่แสงสีรุ้งที่เปล่งประกายเรืองรองจากอีกฟากหนึ่งให้ได้

“อ๊า......า....า..” ร่างเล็กกระตุกเฮือก ซุกซบใบหน้ากับไหล่กว้าง ลำตัวบางยังอยู่บนตักของจุนโนะสุเกะ เรือนกายเปล่าเปลือยของทั้งสองยังคงแนบสนิท นิ่งนาน
จุมพิตอ่อนโยนพร่างพรมเหนือเส้นผมเปียกชื้น จุนโนะกอดคาเมะเอาไว้ โยกตัวร่างบางราวกับจะปลอบขวัญ
“เจ็บมากมั้ย?” เขาเอ่ยถาม รู้สึกแต่ศีรษะเล็กๆ ที่พยักหน้าขึ้นลง แต่ไม่ได้ยินเสียงอะไรดังลอดมาจากปากหยักบางนั้นเลย นอกจากเสียงหอบหายใจระรัว
“ฉันไม่เสียใจหรอกนะที่ทำให้นายเจ็บ เพราะว่านายมีความสุขบนความเจ็บนั้นต่างหากล่ะ” ร่างสูงพูดเบาๆ
“อือ.....มันก็ดีง่ะนะ....แต่มันเจ็บชะมัดเลย นี่ฉันกลายเป็นฝ่ายถูกกระทำหรอกเหรอเนี่ย” คาเมะพูดออกมา ไม่กล้าสบตากับจุนโนะ เขาจึงหลุบตาลงมองต่ำ เห็นแผงอกสะท้อนขึ้นลงของจุนโนะ มองไปมองมาก็เห็นว่า แผ่นท้องของเขาทั้งสองสัมผัสกันอย่างลึกซึ้ง การนั่งแบบนั้นมันช่างล่อแหลมจริงๆ

คาเมะขยับกายลงจากร่างของจุนโนะ ตามลำตัวปวดร้าวในบางที่ เขานิ่วหน้าเมื่อจุนโนะเป็นฝ่ายหัวเราะขึ้น
“หัวเราะอะไรง่ะ ทำเค้าแล้วยังจะมาหัวเราะเยาะเหรอ? นี่หรือคนอกหัก...ไม่เห็นมีวี่แววสักนิด”
“เหรอ?...อือ..จริงสิ ฉันเป็นฝ่ายอกหักนี่เนาะ...แต่ว่าตอนนี้หายแล้วล่ะ” จุนโนะคลี่ผ้าห่มออกกว้าง ห่มให้ตัวเองและคาเมะ
“ไหน..เมื่อกี้ว่าไงนะ นายง่ะนะหายจากอาการอกหักแล้ว?” คาเมะถามเสียงแหลม จนจุนโนะต้องอุดหู
“เอ้อ...ยัง...ยังไม่หายอกหักเลย.....”
“แต่เมื่อกี้นายบอกว่า.....” เสียงพูดหยุดหายไปเมื่อจุนโนะอุดปากเขาไว้ด้วยจุมพิตแรงๆ แต่ทว่ารวดเร็ว
“โอย....โดนทำรักแล้วยังส่งเสียงแจ๋วๆ กวนประสาทอยู่ได้นายนี่....ไม่รู้จักเหนียมอายบ้างเลย เฮ้อ.....”
“ก็นายง่ะ....” คาเมะจะลุกขึ้นมาทุบจุนโนะแต่อาการรีบร้อนทำให้เขาเจ็บกาย จึงต้องทิ้งตัวลงนอนอย่างแรง
จุนโนะเผยอกายขึ้น ศอกเท้ากับที่นอนตะแคงหันข้างมาทางคาเมะ ชายหนุ่มเสยผมทัดหูให้ แล้วก้มลงจุมพิตที่เปลือกตา
“นอนซะ หรืออยากเจ็บตัวอีกรอบ” จุนโนะบอก
“จะเจ็บอีกเหรอ?...โอย..ไม่เอาหรอก นอนดีกว่า”
“อาจจะไม่เจ็บละมัง คราวนี้ ...นี่...ฉันเปลี่ยนใจแล้ว อยากปล้ำเต่าอีกสักรอบ...” จุนโนะว่าแล้วก็เกยทับตัวคาเมะทันที ได้ยินเสียงเต่าน้อยร้องเฮ้ย...ออกมาได้คำเดียว เขาก็ปิดปากบางนั้นด้วยจุมพิตแสนรัญจวนอีกครั้ง และอีกครั้ง ........

*****************************

วันรุ่งขึ้น คาเมะตื่นขึ้นมาด้วยอาการเมื่อยตามเนื้อตามตัว เขาบิดกายไล่ความเมื่อยนั้นให้จางหาย แต่ก็เพิ่มความเจ็บปวดในร่างกายเข้ามาแทนที่ เขาห่อปากด้วยความเจ็บ เมื่อทำอะไรไม่ได้เขาก็เลยหันมาทุบสีข้างของจุนโนะที่ยังนอนหลับอยู่ข้างกาย ...ร่างสูงสะดุ้งตื่น เขายกศีรษะคาเมะขึ้นจากท่อนแขน บิดไล่ความเมื่อยเพราะให้คาเมะหนุนแขนต่างหมอนทั้งคืน
“ความรู้สึกเหมือนโดนทุบเลยแฮะ” จุนโนะบ่นพึม ขณะไล่จุมพิตทั่วใบหน้าของคาเมะ
“ก็ฉันเองแหล่ะ ทุบนาย”
“ซาดิสม์แต่เช้าเชียวนะคุณนาย”
“บ้าเด่ะ....ใครเป็นคุณนายของนายกันหา?...”
“ดุอีกต่างหาก...เฮ้อ..พอได้กันแล้วก็ดุขึ้นมาทันควันเลย คิดผิดหรือปล่าวะเนี่ย?” ร่างสูงบ่นพึม เขาตลบผ้าห่มออก เหลือแต่ร่างเปลือย ทำให้คาเมะรีบมุดลงไปใต้โปงทันที
“บ้าเอ๊ย....หาเสื้อผ้าใส่หน่อยไม่ได้หรือไงนะ ...อายนะโว้ย..”
“อายเป็นเหรอ? ทีเมื่อคืนเราก็แก้ผ้านอนกอดกัน ไม่เห็นจะอายเลย”
“ฉันอายเป็นนะ..ตอนนี้สว่างแล้วนี่หว่า” คาเมะโผล่แต่หน้าและลูกตามามองร่างสูงที่เดินโทงๆ หัวเราะเข้าห้องน้ำไปแล้ว...

ชายหนุ่มทิ้งกายบนเตียง นอนยิ้มอย่างมีความสุข...ในที่สุด เขากับจุนโนะก็ร่วมกันก่อสร้างความสัมพันธ์สนิทชิดเชื้อกันจนได้......ว่าจะไม่ยอมแล้วเชียวนะ แต่เพราะรักไม่ใช่หรือ.....
ถ้ายูกิเอะรู้ล่ะ...เขาจะวางหน้าอย่างไร....

อย่างน้อยจุนโนะก็เคยมีอะไรๆ กับน้องสาวของเขา และหนำซ้ำตอนนี้ก็มามีอะไรๆ กับเขาด้วยอีกคน

เท่ากับว่า...สองพี่น้องนอนกับจุนโนะด้วยกันทั้งคู่...และชื่นมื่นด้วยกันทั้งสองฝ่ายเลยด้วย

***********************

จุนโนะหิ้วเอาคาเมะซ้อนหลังไปส่งที่มหา’ลัย แล้วบอกว่าเลิกเรียนแล้วให้คาเมะคอย เขาจะมารับกลับ ก่อนไป ก็ส่งจูบให้เขาอีกสองที เล่นเอาคนที่ผ่านไปผ่านมามองกันตาค้าง
“บ้าชะมัดเลย” คาเมะบ่นอุบ ไม่กล้ามองหน้าใคร นอกจากวิ่งเข้าตึกเรียนไป แต่ก็เกือบจะชนกับยูอิจิเพื่อนเลิฟที่ยืนยิ้มแก้มปริอยู่หน้าบันไดตึก

........

“เฮ้ย.....เห็นน้า......เจ้าหมอนั่นส่งจูบให้นายด้วย” เป็นประโยคแรกที่ยูอิจิเพื่อนซี้ส่งเสียงทัก ข้างกายของชายหนุ่มมียามะพียืนยิ้มเผล่ส่งมาให้
“อ้าว.....มาได้ไงเนี่ย” คาเมะชี้มาทางหนุ่มน้อยตาโตที่ยืนหัวเราะอยู่ข้างๆ เพื่อน
“ก็เป็นแฟนกันแล้วนี่ เลยขอมาดูยูอิจิเรียนสักหน่อย” ยามะพีว่า คล้องแขนยูอิจิหมับ

........กล้าดีแฮะเจ้าหมอนี่...

คาเมะคิดในใจ เขาเองถ้าให้คล้องแขนจุนโนะท่ามกลางสายตาใครต่อใครแบบนี้ คงจะทำไม่ด้าย...ย...
แค่ว่าเมื่อกี้โดนส่งจูบมาให้ นี่ก็หนาวๆ ร้อนๆ แล้ว
“นายไม่มีเรียนหรือไง?” คาเมะถามยามะพี ซึ่งฝ่ายนั้นก็พยักหน้าและบอกว่า
“มีเรียนตอนเย็น เดี๋ยวยูอิจิจะขอตามไปเรียนด้วยเนอะยูอิจิเนอะ” ประโยคหลังนี่หันไปพยักเพยิดกับแฟนหนุ่มตรงๆ ซึ่งยูอิจิก็ยิ้มร่าเริง พยักหน้าให้เสียอีกแน่ะ
“ว่าแต่คาเมะจัง....ลงเอยกับญาติฉันแล้วล่ะซิเนี่ย ดีใจจังน้า.....ฉันเองก็รู้สึกดีๆ กับนายง่ะนะ ยิ่งจุนโนะมาปรับทุกข์ให้ฟัง ฉันเองก็เอาใจช่วยเขาหรอกนะ ไม่อยากให้ผิดหวัง แต่เมื่อเข้าใจกันแบบนี้ ก็ดีด้วย”
“ว่าไงนะ?” คาเมะทำตาโต มองคนพูดอย่างไม่เข้าใจนัก ..... คำพูดของยามะพีที่ว่า จุนโนะมาปรับทุกข์น่ะ ฟังดูมันทะแม่งๆ ชอบกล
“เอ๋?...” เสียงยามะพีร้องขึ้นมา แล้วเลิกคิ้วมาทางคาเมะ
“เมื่อกี้นายว่าอะไรนะ...ใครมาปรับทุกข์ให้นายฟัง เรื่องอะไรกัน?”
“อ๋อ......เอ้อ.....เปล่าๆ เอ้อ....ไม่มีอะไรหรอก....” ยามะพีโบกมือให้วุ่นไปหมด เขาหน้าแดงขณะที่ยูอิจิเองก็แอบสะกิดบั้นเอวยิกๆ พูดตัดบทออกมาทันที
“ไปเรียนกันเถอะ....เสร็จแล้วจะไปหาของแพงๆ กินกัน นายจะไปด้วยมั้ยคาเมะ....แต่ว่าคู่รักเขาจะไปกันสองคน นายไว้ไปวันหลังก็แล้วกันเนอะ...”
“เออ....แล้วเสือกมาชวนทำไมฟะ”
“ไป..ไปเรียนกัน” ยามะพีหัวเราะร่าเริง

ทั้งสามคนเดินไปทางคณะที่จะไปเรียน ระหว่างทางเดินสวนกับทักกี้และซึบาสะด้วย ซึ่งยามะพีเองก็ยิ้มแย้มแจ่มใสให้เป็นอย่างดี เล่นเอาทักกี้มองอย่างอึ้ง ไม่คิดว่ายามะพีจะเปลี่ยนมามีกิริยาร่าเริงแบบเดิมได้อีก
“มองตามเชียวน้า....า...” ซึบาสะอดค่อนไม่ได้ เมื่อเห็นทักกี้มองตามหลังทั้งสามหนุ่มไป
“ก็มันอดโล่งใจไม่ได้นี่นา...ฉันจะได้ไม่รู้สึกผิดกับยามะพีอีกต่อไป”
“นั่นซิ ฉันว่านะ รักครั้งใหม่ของยามะพีนี่ ดูถ้าจะร้อนแรงกว่าสมัยที่รักกับนายอีกนะ” ซึบาสะตั้งความเห็น ซึ่งทักกี้ก็เห็นด้วยทุกอย่าง...ภรรยาว่าไงก็ต้องว่าตามกัน ไม่งั้นซึบาสะงอน....

................

“อยากรู้จริงๆ ว่านายมีอะไรดีว้า.....” คาเมะอดกระซิบถามยูอิจิไม่ได้ ขณะนี้ทั้งสามนั่งอยู่ในห้องเลคเชอร์ มียามะพีนั่งด้านนอกสุด ถัดมาก็เป็นยูอิจิและคาเมะ...ยูอิจิฟังคำถามของเพื่อนเลิฟแล้วก็อดหัวเราะไม่ได้ เขาทุบที่หน้าอกเบื้องซ้ายของตัวเองขณะกระซิบตอบกลับมาว่า
“มีหัวใจที่เอาจริง ตื๊อเท่านั้นที่ทำให้ยามะพีหันมาแล”
“ไม่กลัวเขาทิ้งเหรอ?”
“ไม่หรอก...เดี๋ยวคืนนี้กะจะเผด็จศึกซะหน่อย นายอย่ากระโตกกระตากไปล่ะ เดี๋ยวปลาทองตื่น”
คาเมะฟังแล้วแอบชำเลืองมองไปทางยามะพีที่กำลังเปิดตำราเรียนง่วนเชียว เขาหดหน้ากลับมาแล้วพยักหน้าให้
“เออ....พาไปฟันเลย แก้แค้นให้ฉันที”
“ว่าไงนะ....หมายความว่าไงเจ้าเมะ”
“เออน่า....อยากรู้เลย ฉันอายว้อย....” คาเมะผลักหน้ายูอิจิออกห่าง ทำหน้าเขินจัด แก้มแดงระเรื่อขึ้นมาเห็นๆ และนั่นก็ทำให้ยูอิจินึกรู้ ก็เมื่อคืนรู้มาว่า คาเมะหอบผ้าหอบผ่อนไปปลอบใจจุนโนะจนถึงห้อง และตอนเช้าก็ยังมาส่งกัน แถมส่งจูบให้อีก แบบนี้ต้องเสร็จแล้วแหงๆ

เขาแอบอมยิ้ม ...ไม่งั้นคาเมะจะยุให้เขาพายามะพีไปฟันเป็นการแก้แค้นเรอะ...
“ไม่ต้องบอกฉันก็รู้ ไอ้เต่าเอ๊ย...แกโดนเขาฟัน” ยูอิจิหัวเราะ
“อ๊ะ? ใครบอก...ฉันฟันเขาต่างหาก”
“ไม่เชื่อหรอก...อย่างจุนโนะง่ะนะ จะโดนแกฟัน...เงียบไปเลยปะ” ยูอิจิผลักหน้าคาเมะออกห่าง แล้วก็หันมายิ้มแป้นใส่ยามะพีที่ตอนนี้กำลังมองมาทางเขาอยู่ ดวงตากลมโตมีแววฉงน เพราะหูแว่วๆ ว่าใครโดนฟัน...
“ใครฟันใคร?” เขาถามยูอิจิ
“อ๋อ...เอ้อ...นักเลงตีกันหน้ามหา’ลัยน่ะ อีกคนโดนฟัน พอไปส่งโรงพยาบาลแล้ว” ยูอิจิว่าหน้าตาเฉย แล้วชี้ไปที่อาจารย์ที่เขาห้องเล็คเชอร์มาแล้ว เขาสะกิดให้ยามะพีเริ่มเรียน แต่ก็ยังแอบได้ยินยามะพีงึมงำออกมา
“เอ๊? ไม่กี่มีข่าวแบบนี้เลยนี่”

************************************

ตกตอนเย็น ..ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ไร้ใบไม้ปรากฏให้เห็นเพราะบัดนี้มันร่วงหล่นลงมาบนพื้นถนน ปูเป็นพรมสีเหลืองทองอันงดงาม คาเมะยืนคอยจุนโนะอยู่ตรงนั้น เขาร่ำลายูอิจิและยามะพีมาได้สองชั่วโมงแล้ว แต่ก็ยังไม่ปรากฏวี่แววว่าจุนโนะจะมาสักที เดินกลับไปกลับมาจนใบไม้ที่เหยียบลงไปนั้น แห้งกรอบจนแทบจะป่นละเอียดอยู่แล้ว
“หนาวชะมัดเลย เมื่อไรจะมาซะทีฟะ” คาเมะพ่นลมหายใจออกทางปาก ควันสีเทาลอยกรุ่นและจางหาย เขาชะเง้อมองไปตามเส้นทางที่คาดว่ารถมอเตอร์ไซค์สีดำคันโก้จะแล่นมา แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่มีวี่แวว
“เมื่อยแล้วนะเฟ้ย” คาเมะยังบ่นกระปอดกระแปด อากาศหนาวทำให้ผิวแก้มเย็น เขายกมือที่ใส่ถุงมือทั้งสองข้างประคองแก้มเอาไว้ แต่กระนั้นจมูกก็เย็นเฉียบ
นึกแช่งจุนโนะในใจ เจ้าหมอนี่มันเป็นคนยังไงกันแน่นะ เมื่อคืนละออดอ้อนสารพัด จนเขาคาดว่า วันนี้จุนโนะต้องตามติดเขาแหงๆ ก็ได้ตัวเขาไปแล้วนี่นะ น่าจะเห่อของใหม่บ้าง แต่ที่ไหนได้...เหมือนถูกฟันแล้วทิ้งยังไงก็ไม่รู้ซิ

คาเมะคิดไปได้สักพัก ก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ดังแว่วมา แต่พอชะเง้อมองก็เห็นเป็นรถสปอร์ตคันหนึ่ง ไม่ยักกะใช่รถมอเตอร์ไซค์ที่คุ้นตา เขาก็เลยหดหน้ากลับ ยืนกอดอก เคาะปลายเท้าบนพื้นถนนเหมือนเดิม แต่ทว่า....รถคันนั้นที่มองเอาไว้นั้นกลับจอดพรืดลงข้างๆ สัญชาตญาณทำให้คาเมะก้าวถอยหลังหนีโดยอัตโนมัติ กลัวจะเหมือนคราวก่อนที่โดนฉุดขึ้นรถแล้วจุนโนะมาช่วยไว้ทัน ...แต่พอคนในรถเปิดประตูออกมายืนเท่านั้นแหล่ะ คาเมะก็เบิกตากว้าง ....
“จุนโนะ!!” คาเมะอุทานออกมา มองหน้าหล่อเหลาของชายชุดดำที่ยืนยิ้มอยู่ข้างรถคันหรูที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามันแพงสุดบรรยาย รถยุโรปสีน้ำเงินใส ตัดกับพื้นถนนสีเหลืองได้ดีจริงๆ
“อ้าว...ยืนอ้าปากค้างอยู่ได้ ไม่เคยเห็นคนหล่อหรือไง?” จุนโนะแซว เขาเดินมาฉุดมือคาเมะเข้ามาใกล้ บีบปากเจ่อที่อ้าค้างของคาเมะฉับ จนคนตัวเล็กกว่าสะดุ้ง
“นายเอารถใครมาขับ?” คาเมะถาม
“ของพ่อฉันน่ะซิ ฉันไม่มีปัญญาซื้อเองร้อก”
“สวยชะมัดเลย...” คาเมะอดชมไม่ได้ จุนโนะยืดอกแล้วตบบนทรวงอกตัวเองเบาๆ
“เข้ากันได้ดีกับคนหล่อๆ ใช่มั้ย?”
“แหวะ” ร่างเล็กย่นจมูกใส่ ก็เลยโดนจุนโนะกอดแรงๆ ไปหนึ่งทีแล้วก็รีบปล่อย เพราะแถวนั้นก็ใช่ว่าจะคนน้อยซะเมื่อไร
“วันนี้วันพิเศษหน่อย ก็เลยยืมรถพ่อมารับแฟน” จุนโนะว่า ตอนนี้ทั้งสองเข้ามานั่งในรถแล้ว คาเมะมองซุกซน เห็นว่าแผงหน้าปัทม์รถส่วนใหญ่จะควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ พอได้ยินคำว่า..แฟน ...จากปากของจุนโนะก็หันขวับมามองหน้าคนพูดทันที
“ใครกันที่แฟนนาย..หา?”
“อ้าว...ไม่รู้ตัวอีกไง๊ ...ก็นั่งหน้าตูมเป็นหน้าเต่าอยู่นี่ไงเล่า...”
“เอ๋อ....ฉันง่ะเหรอ แฟนนาย ตกลงปลงใจกันตั้งแต่เมื่อไรกัน?”
“เมื่อคืนไง...นอนกันอยู่แหม็บๆ ลืมรสรักกันเสียแล้วหรือ?”
“เอ้อ......คือว่า....” คาเมะหน้าร้อนซู่ ใจเต้นโครมคราม เขาอยากจะยิ้ม แต่ก็กลั้นเอาไว้ ดีใจหรอกนะที่จุนโนะพูดแบบนี้ แต่จะให้แน่ใจได้สักแค่ไหน...เขาก็เลยบอกออกไปว่า
“คือว่า.....เมื่อคืนนายไม่ได้อยากได้ตัวฉันไว้แค่ปลอบใจตัวเองหรอกเหรอ...จุนโนะ...คือว่า ถ้านายไม่แน่ใจ นายก็ไม่ต้องรับผิดชอบหรอกนะ...ฉันมันไม่เสียหายอะไร...แค่อยากทำให้นายรู้สึกสบายใจขึ้นเท่านั้นเอง” คาเมะว่า พลางก้มหน้างุด
“นายคิดแบบนั้นเหรอ คาเมะ...ที่ยอมนอนกับฉันเพราะต้องการทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้น และต่อจากนั้นล่ะ นายไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ ..นายยอมนอนกับคนที่นายไม่ได้รักได้ด้วยเหรอ?” เสียงถามกลับมา ฟังดูห้วนจัด พอหันมามองหน้าจุนโนะ คาเมะก็รู้สึกใจฝ่อเมื่อพบกับสีหน้าบึ้งตึงนั้น เขารีบโบกมือให้ว่อนไปหมด
“เอ้อ....เปล่า....นายก็น่าจะดูออกนะ ว่าฉันน่ะ เอ้อ...ฉันชะ...ชอบนายมากแค่ไหน...แต่ว่านายไม่ได้ชอบฉันนี่นา นายรักน้องสาวฉัน และฉันก็รู้สึกผิดด้วยที่น้องฉันทำกับนายไว้ จนนายต้องเสียใจ ฉันก็เลยยอมให้นายตักตวงเอาความสุขแทนไง... แต่ถ้านายไม่ได้ชอบฉัน นายก็ย่อมมีสิทธิ์ที่จะทำเฉยเมยก็ได้ ฉันก็ไม่ได้เรียกร้องอะไร...แต่ต้องไม่ถึงกับต้องเอาฉันมาเป็นแฟนหรอกนะ”
“พูดเองเออเองเสร็จตามเคย เมื่อไรจะเลิกเป็นแบบนี้ทีนะ ไอ้ประเภทคิดอะไรออกมาก็พูดหมับเลยน่ะ นายจะมารู้ใจฉันได้ไงกันคาเมะ...”
“เออ.....ไม่พูดก็ได้วะ...งั้นลืมไปก็แล้วกันว่าฉันพูดอะไรไปเมื่อกี้น่ะ โธ่เว้ย..” คาเมะปิดปากเงียบ น้ำตาคลอเบ้า อ่อนแออย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ...ตั้งคบกับจุนโนะนี่รู้สึกว่าความเป็นแมนจะลดน้อยถอยลงกว่าครึ่งแล้วซินะเนี่ย...

.......เขาอยากจะถามนักว่า ที่แล้วๆ มาน่ะ จุนโนะชอบเขามั่งหรือเปล่า... แต่ถ้าถามออกไปมีหวังโดนหัวเราะเยาะแน่ๆ เชียว สู้ปิดปากเงียบดีกว่า แต่พอจุนโนะเริ่มออกรถ คาเมะก็ถอนหายใจเฮือกแล้วถามออกมาว่า

“นายชอบฉันมั่งหรือเปล่า?”

************************

to be con

เม้นต์ที่นี่จ้า