ตำนานดอยเต่า

 

เรื่องราวความเป็นมาของชื่อเรียกขาน "ดอยเต่า"
ในสมัยพุทธกาล สมเด็จพระพุทธเจ้าได้เสด็จจาริกเทศนาสั่งสอนและเผยแพร่พระพุทธศาสนาไปตามชมภูทวีป
เมื่อพระองค์เสด็จมาถึงท้องที่อำเภอดอยเต่าในปัจจุบัน ทรงหยุดพักประทับแรมสั่งสอนประชาชน ณ สถานที่อันเป็นเนินเล็กๆ
ภายใต้ร่มไม้ใหญ่ซึ่งมีอากาศเย็นสบาย ไม่ไกลจากหมู่บ้านมากนัก
ครั้นชาวบ้านทราบข่าวการเสด็จมาของพระพุทธเจ้า ต่างก็มีความปีติยินดีเป็นล้นพ้น พากันเตรียมปัจจัยไทยทานมาถวาย เมื่อพระพุทธองค์ทรงรับบิณฑบาตรปัจจัยไทยทานแล้ว สังเกตเห็นว่าสิ่งของที่ประชาชนนำมาถวายนั้น มี "บ่าเต้า" (แตงโม) มากกว่าสิ่งของอย่างอื่น จึงทรงมีพุทธทำนายกับประชาชนว่า "ดูกร ท่านทั้งหลาย ดินแดนแห่งนี้อุดมด้วยพืชพันธุ์ธัญญาหาร ต่อไปภายภาคหน้าจะเจริญรุ่งเรืองเป็นบ้านเป็นเมือง และขอตั้งชื่อสถานที่แห่งนี้ว่า "ดอนเต้า" (มาจากคำว่า "ดอน"-เนินเล็ก ๆ และ คำว่า "เต้า"-บ่าเต้า(แตงโม)
คำว่าดอนเต้า ถูกเรียกขานกันมาตั้งแต่บัดนั้น นานเข้าจึงเรียกเพี้ยนเป็น "ดอยเต่า" จนถึงปัจจุบัน อนึ่ง "ดอยเต่า" เป็นชื่อหมู่บ้านดั้งเดิมแห่งหนึ่งของตำบลดอยเต่า มีประชาชนอาศัยอยู่หนาแน่น
นอกเหนือจากพุทธทำนายข้างต้น พระพุทธองค์ยังทรงทำนายต่อไปอีกว่าดินแดนแห่งหนึ่งนี้มีแม่น้ำสายใหญ่ไหลผ่าน ทั้ง ๒ ฝั่งแม่น้ำจึงอุดมสมบูรณ์ดี แต่ในภายภาคหน้าจะมีเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงไป ผู้คนที่อยู่ริม ๒ ฝั่งแม่น้ำนี้จะถูกรบกวนเนื่องจากพญานาคตัวใหญ่จะมาขวางกั้นลำน้ำแห่งนี้ไว้ และจะมีสำเภาเงินสำเภาทองวิ่งขึ้นล่องเป็นประจำ เมื่อนั้นดินแดนแห่งนี้จึงจะเจริญรุ่งเรือง
หากวิเคราะห์ตามคำทำนายของพระพุทธองค์ จะเห็นว่าเมื่อมีการสร้างเขื่อนภูมิพลที่อำเภอสามเงา จังหวัดตาก เพื่อปิดกั้นแม่น้ำปิง ทำให้เกิดเป็นแหล่งน้ำขนาดใหญ่บริเวณเหนือเขื่อนขึ้นมาก จนถึงอำเภอฮอด ประชาชนซึ่งตั้งถิ่นฐานอยู่ริมฝั่งแม่น้ำปิงต้องอพยพหนีน้ำท่วมเข้ามาอยู่ในบริเวณที่ดินจัดสรรของนิคมสร้างตนเองเขื่อนภูมิพล เกิดเป็นชุมชนที่หนาแน่นขึ้น บริเวณอ่างเก็บน้ำก็อุดมไปด้วยปลานานาชนิด ประชาชนบางกลุ่มก็ได้ยึดอาชีพจับปลาขาย
อนึ่ง การสัญจรไปมาติดต่อกันโดยทางเรือในท้องที่อำเภอดอยเต่า ทำให้อำเภอแห่งนี้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง และมีความเจริญขึ้นเรื่อย ๆ สมดังคำทำนายที่พระพุทธองค์ทรงทำนายไว้