HeaVy – HardRocK มันส์โคตรรุ่นป๋า
- 18 -
x

Pink Floyd

วงดนตรีที่ดูเลิศหรูอลังการเห็นจะเป็นวง Pink Floyd จากอังกฤษ ขนาดเวทีมักจะใหญ่โตและเล่นแสงสีเสียงมากกว่าชาวบ้านเขา เพลงของวงนี้ก็ออกจะละเอียดละเมียดละมัยเป็นพิเศษ

ความจริงวงนี้ไม่ใช่ตั้งวงในช่วงปี 1969 หรือ 1970 แต่ตั้งมาก่อนหน้านี้แล้ว (1965) เพียงแต่ว่าผลงานเพลงของพวกนี้ไม่เป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวาง จนกระทั่งในช่วงปี 1973 ได้ออกอัลบั้ม “Dark Side of The Moon” ออกมา ทำให้เพลงและการแสดงบนเวทีของพวกเขา ถึงสามารถสะกดคนฟังได้ชนิดลืมไม่ลง

แนวดนตรีสไตล์ Psychedelic , Progresive Rock ในแบบฉบับของอังกฤษมีมนต์ขลังอย่างเหลือเชื่อ และดังขนาดเปิดกันได้ทั้งวันทั้งคืนในช่วงปี 1973 นั่นก็คือ เพลง “Time” กับเพลง “Money” หลายคนในยุคนั้นพยามแกะ 2 เพลงนี้เอาไปเล่นโชว์วง ใครเล่นได้เหมือนถือว่าเจ๋งโคตรๆ

ก็อย่างที่บอก แนวเพลงของวงนี้มันมากับเทคโนโลยีใหม่ๆ เอาเสียงโน้นเสียงนี้มาประกอบทำให้เพลงน่าสนใจและไพเราะมากขึ้น จนมีคนพูดกันว่าวงนี้มีความคิดที่จะต่อต้านเพลงป๊อป แต่สมาชิกวงบอกว่าอย่าไปพูดอย่างนั้นเลย เพียงแต่ว่าเพลงแนวนั้นมักจะสั้นๆ ประมาณ 3 นาที สำหรับพวกเราแล้วเพลงจะสั้นหรือยาวอยู่ที่ความพอเหมาะพอดี

เพลง “Time” ขึ้น Intro เหมือนเสียงสายลม กับเสียงเคาะ “ ไอแฮ๊ค ” มีเสียงกริ่งนาฬิกาปลุก ตามด้วยเสียงนาฬิกาอีกหลายตัว และหนึ่งในจำนวนนั้นเป็นเสียงที่ไปบันทึกมาจากนาฬิกา “ บิ๊กเบลล์ ” ของอังกฤษนั่นเอง เสียงกีตาร์กับเสียงกระทืบกลองเบสดัง “ ตืบ ตืบ ” แค่ Intro ก็ชวนให้ติดตามฟังให้ตลอดทั้งเพลงกันแล้ว เมื่อร้องเข้าเพลง ฟังเนื้อหาแล้ว บอกได้ว่า “ ประทับใจ ” จริงๆ ยิ่งเปิดแผ่วๆ ก่อนนอนละก็ “ วิมาน ” ชัดๆ

ฟังโน้ตจากกีต้าร์โซโลแล้วเพลิน..... แต่ถ้าใครเปิดฟังกลางดึก เปิดไฟ “ แบล็กไลท์ ” ตอนเหงา ๆ คิดว่า จะไปกันได้ดีกับอารมณ์ เสียงร้อง เสียงดนตรีดูจะโหยหวนจนเข้าถึงจิตวิญญาณ เนื้อหาของเพลงออกไปทางเชิงปรัชญา .... “ คุณ ยังหนุ่ม ชีวิตอีกยาวไกล มีเวลาอีกนานที่จะฆ่าเวลาเล่นๆ แต่แล้ววันหนึ่งคุณจะรู้ว่าเวลาผ่านไปตั้ง 10 ปี โดยไม่มีใครบอกให้วิ่งเมื่อไหร่ นี่คุณพลาดเสียงปืนปล่อยออกจากเส้นสตาร์ดไปแล้วนะ ”

ยิ่งถ้าปล่อยให้เล่นเพลงต่อไปคือ เพลง “The Great Gig in the Sky” ยิ่งไปกันใหญ่ มันเล่นร้อง “ โหยหวน ” ทั้งเพลง

ส่วนเพลง “Money” เสียงโยก “ สล็อต แมชีน ” ขึ้นมาเลย ตามด้วยเสียงเบสกีตาร์ เสียงกีตาร์ และกลอง ทำนองเพลงฟังดูเรียบ แต่เดินเบสให้จังหวะมันน่าดู ในเพลงมีปล่อยเสียงโซโลเครื่องเป่าด้วย พอหมดโซโลเครื่องเป่าก็เข้าเสียงกีตาร์โซโลเสียงคมกริบ ฟังแล้วเพลินอย่าบอกใคร

เพลงนี้ยาว 6 นาทีกว่า ส่วนเพลง “Time” มีความยาว 7 นาทีเศษ

เพลงในชุด “The Dark Side of the Moon” มีอยู่ 9 เพลง แต่ละเพลงชั้นเยี่ยมๆ ทั้งนั้น จะว่าไปแล้วสไตล์ของแนวดนตรีแม้จะเป็น Prog แต่ก็ไม่ถึงกับต้อง “ ปีนบันได ” ขึ้นไปฟัง คือ ฟังง่ายๆ ไม่เหมือนกับวง King Crimson ที่ “ เขียนภาพด้วยดนตรี ” หรอก ดูเจ้าหลังออกจะโหดและทารุณกันไปหน่อย

ก่อนจะมาใช้ชื่อ Pink Floyd วงนี้เคยใช้ชื่อ “ Pink Floyd Sound ” มาก่อน และก่อนหน้านั้นเคยใช้ชื่อวงว่า “Tea Set” (ชุดน้ำชา)

พอสาวลงไปอีกพบว่ารากเหง้าของวงนี้เดิมที (1964) ใช้ชื่อว่า “Sigma 6” , The Meggadeaths, The Screaming Abdabs และ ชื่อ “Abdabs” ก่อนจะมาใช้ชื่อ “Tea Set”

ตอนมาเป็นวง “Tea Set” สมาชิกวงประกอบด้วย Bob Klose กีตาร์ , Roger Waters กีตาร์เบส , Nick Mason กลอง , และ Rick หรือ Richard Wright คีย์บอร์ดกับเครื่องเป่าด้วย ตั้งวงไม่นานก็ได้ Syd Barrett มือกีตาร์และร้องนำมาร่วมวงด้วย ชื่อใหม่นี้ก็ใช้อีกไม่นานเหมือนกัน เพราะไปซ้ำกับวงอื่น เลยเลือกเอาชื่อนักดนตรีวงการบลูส์มา 2 คน คือ Pink Anderson กับ Floyd Council จึงได้ชื่อ “Pink Floyd Sound” ขึ้นมา และใช้ชื่อใหม่ล่าสุดนับแต่นั้น แต่ใช้ไปใช้มา กลับมาเหลือแค่ “Pink Floyd” ตอนไหนก็ไม่รู้

วงนี้ออกทัวร์กับ Jimi Hendrix ครับ

ตอนออกอัลบั้มที่ดังเปรี้ยงปร้าง ! “The Dark Side of The Moon” ในปี 1973 นั้น ทั้ง Bob Klose กับ Syd Barrett ออกไปแล้ว และได้นักร้องใหม่ เล่นกีตาร์ด้วย คือ David Gilmour ส่วนคนอื่นๆ ที่ร่วมกันก็คือ Nick Mason, Richard Wright กับ Roger Waters ส่วน Engineer ไม่ใช่ใครที่ไหนก็ Alan Parsons นั่นเอง

Syd Barrett ที่ออกไปก็เพราะติดยาอย่างแรง การแสดงบนเวทีเกือบล่มก็เพราะพิษสงของยาเสพติด และเขาออกจากวงไปเองไม่มีใครไล่ออก ตอนหลัง Pink Floyd ที่เหลือเลยแต่งเพลงให้กับเขา ชื่อเพลงว่า “Shine On You Crazy Diamond” และเพลงนี้จะนำมาเล่นทุกครั้งที่ออกคอนเสิร์ตเพื่อระลึกถึงเพื่อนเก่า

Pink Floyd กลายเป็นวงดังระดับมาตรฐานโลก และออกอัลบั้มใหม่อีกหลายอัลบั้ม แต่มาเด่นดังเหมือนกันอดีตอีกครั้งเมื่อออกอัลบั้ม The Wall ซึ่งคิดว่าอัลบั้มนี้ใครก็คงจะรู้จัก ความโด่งดังอาจจะวัดได้จากระดับยอดขายมาอันดับที่ 2 รองจากวง The Beatles ในรอบ 10 ปีเลยทีเดียว คอนเสิร์ต “The Wall” คนชมแน่นทุกรอบเลยทีเดียว

ถ้าใครไม่รู้จักวงนี้ก็ลองเลือก CD ที่มีเพลง Time, Money, Gig in the Sky, Wish You Were Here,Pigs, Another Brick in The Wall, The Final Cut, Shine On You Crazy Diamond, Learn To Fly, Keep Talking, What Do you Want From Me, High Hopes, Coming Back To Life หรือไม่ก็ซื้อรวมชุดดูก็ได้ เมื่อหลายปีมาแล้วเขาทำรวมชุดไว้ได้เก๋ไก๋มาก ติดไฟกระพริบไว้ที่กล่องด้วย เดี๋ยวนี้ไม่เหลือถ่านให้กระพริบแล้ว

คอนเสิร์ตระดับตำนานของสมาชิกวงนี้จัดขึ้นเมื่อปี 1990 ณ กำแพงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี หลังจากกำแพงถูกทะลายลงในปีก่อนหน้า ( 9 พฤศจิกายน 1989) นับว่าคอนเสิร์ตนี้ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยจัดมา เพราะเป็นคอนเสิร์ตวงเดียวไม่ใช่หลายวง แต่มีผู้ชมราว 300,000 คน และถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์กว่า 50 ช่องไปทั่วโลก

งานนี้อลังการงานสร้างจริงๆ ทั้งระบบ แสง สี เสียง การแสดงบนเวที ที่ไม่เพียงแต่ดนตรีเท่านั้น ยังมีการแสดงอื่นๆ ประกอบมากมาย ขนาดเวทีกว้าง 300 เมตร สูง 20 เมตร ติดตั้งองค์ประกอบฉาก “The Wall” ไว้อย่างยิ่งใหญ่ พร้อมแจกหน้ากาก “ หมู ” เพื่อให้เข้าคอนเซ็ปท์ของงานด้วย

แม้จะเป็นงานของ Roger Waters มือกีตาร์เบสของวง Pink Floyd แต่ความยิ่งใหญ่ของกำแพงเบอร์ลินที่ถูกทะลายลงเพื่อคืนสันติภาพให้กับน้องพี่ชาวเยอรมัน ทำให้นักดนตรีดังๆ หลายคนมาร่วมงานด้วย ไม่ว่าจะเป็น Bryan Adams, Joni Mitchell, Van Morrison, Sinead O'Conner, Cyndi Laper, Scorpions, Thomas Dolby, Ute Lemper, Tim Curry, Marianne Faithfull, The Band, Albert Finney และ Jerry Hall เป็นต้น

Pink Floyd ในอดีตนั้นก็มักจะจัดงานให้ยิ่งใหญ่แบบนี้ อาทิ จัดงานในคอนเซ็ปท์ “The Wall” ใน Grand Canyon จัดคอนเสริต์ในทะเลทรายโกบี จัดคอนเสิร์ตที่จัตุรัสแดงกลางกรุงมอสโก หรือจัดคอนเสิร์ตที่วอลสตรีทกรุงนิวยอร์ค เป็นต้น

สมัยป๋าเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยจะเห็นข่าวคนลักลอบปีนกำแพงเบอร์ลินอยู่เสมอ คนจะหนีจากฝั่งตะวันออกที่นิยมลัทธิคอมมิวนิสต์ข้ามมายังฝั่งตะวันตก และเมื่อปี 2006 ป๋าก็มีโอกาสไปเยี่ยมชมสถานที่จริงที่กรุงเบอร์ลิน ครั้งนั้นไปทำข่าวที่อังกฤษแล้วต่อไปที่เยอรมนี แถมยังมีโอกาสไปหาซื้อของในร้าน PX ของทหารอเมริกันอีกด้วย เพราะยังมีทหารอเมริกันประจำการอยู่ที่นั่น

 

Next

Home