สาเหตุของตาพร่า
ตามัว
วิธีการรักษาและป้องกัน
- ต้อเนื้อ
เกิดจากถูกแสงแดด ลม ฝุ่น
และความร้อนนาน ๆ
ทำให้เยื่อบุตาเสื่อม
และหนาตัวขึ้น
เห็นเป็นแผ่นเนื้อสามเหลี่ยมสีแดง
ๆ เหลือง ๆ
ที่บริเวณตาขาวชิดตาดำ
ส่วนมากเกิดที่ด้านหัวตา
(ส่วนที่ใกล้จมูก)
เมื่อมีการอักเสบจะทำให้ดูแดงขึ้น
มีอาการเคืองตา น้ำตาไหล
ปกติไม่มีอันตราย
แต่ถ้าเป็นนานต้อเนื้ออาจยื่นเข้าไปถึงกลางตาดำ
ทำให้บดบังการมองเห็น
เกิดตาพร่ามัวได้
การรักษา
:
ถ้าเป็นมากแล้วก็ควรผ่าตัดลอกต้อเนื้อออก
การป้อง :
สวมแว่นป้องกันลมปะทะสายตาในที่ลมแรง
หรือเคลื่อนที่ปะทะลม
- ต้อกระจก
คือการที่เลนส์ตาหรือแก้วตาขุ่นขาวขึ้นจากปกติ
ที่มีลักษระโปร่งใสแบบกระจกทำให้ทึบแสง
แสงผ่านเข้าสู่ลูกตาไปที่จอตาได้น้อยลงทำให้ตาพร่ามัว
ส่วนใหญ่เป็นในคนสูงอายุมากกว่า
60 ปีขึ้นไป
เพราะจะเป็นภาวะเสื่อมของเลนส์ตาตามวัยจะมีอาการตามัวเหมือนมีหมอกบังมองที่มืดชัดกว่าที่สว่าง
การรักษา :
ถ้าเป็นน้อย ๆ
ก็ยังไม่ต้องทำอะไร
รอจนกว่าต้อสุก
แล้วจึงผ่าต้อ
เอาเลนส์ตาที่ขุ่นออก
ใส่เลนส์เทียมเข้าไปแทน
ก็จะทำให้มองเห็นได้ดี
การป้องกัน
: วิตามินซี และอี
มีบทบาทสำคัญเพราะเป็นส่วนที่คงความยืดหยุ่นใสของเลนส์
การขาดวิตามินซี และอี
ย่อมทำให้เลนส์ตาเลื่อมสภาพก่อนอายุขัย
- ตาบอดไก่
เกิดจากการขาดวิตามินเอ
ทำให้จอตาเสื่อมมีอาการมัวเฉพาะเวลากลางคืน
ส่วนกลางวันมองเห็นได้เป็นปกติ
เป็นไม่รักษาจะทำให้ตาบอดได้
การป้องกัน
: ควรรับประทานวิตามินเอ
ซึ่งมีมากในสาหร่ายเกลียวทอง
มะละกอ มะเขือเทศ เป็นต้น
- ต้อหิน
คือภาวะที่มีความดันภายในลูกตาสูงกว่าปกติ
สาเหตุเกิดจากน้ำเลี้ยงลูกตาไม่สามารถไหลเวียนได้ตามปกติ
ทำให้เกิดการคั่งของน้ำเลี้ยงลูกตาเป็นผลให้ความดันภายในลูกตาสูงขึ้นเรื่อยๆ
ถ้าทิ้งไว้ก็จะทำลายประสาทตา
ทำให้ตามัวและตาบอดได้
การรักษา :
ให้ยาลดความดันในลูกตา
หรือผ่าตัด
- ตามัวจากเบาหวาน
ถ้าเป็นเบาหวานมานาน
และไม่ได้รับการรักษา
จะมีโรคแทรกซ้อนได้ เช่น
ต้อกระจก
ประสาทตาหรือจอตาเสื่อม
เลือดออกในน้ำวุ้นลูกตา
ซึ่งทำให้มีอาการตามัวลงเรื่อย
ๆ และตาบอดได้
- ตามัวจากความดันโลหิตสูง
เกิดจากภาวะเสื่อมของหลอดเลือดแดง
ภายในลูกตาอย่างช้าๆ
ในระยะแรกหลอดเลือดจะตีบ
ต่อมาอาจแตกมีเลือดออกที่จอตาทำให้ประสาทตาเสื่อม
ตามัวลงเรื่อย ๆ จนบอดได้
- ตามัวจากสายตาผิดปกติ
ได้แก่ สายตาสั้น
สายตายาว สายตาคนสูงอายุ
สารอาหารที่เป็นส่วนประกอบสำคัญของเลนส์ตา
คือ วิตามินซี
และวิตามินเอ
การได้รับเพียงพอทุกวัน
จะช่วยให้เลนส์ตาคงความยืดหยุ่น
ปรับแสงได้ดีอันหมายถึง
อาการสายตาสั้น สายตายาว
เกิดช้าลงไปนั่นเอง
และพบว่า
ว่านหางจระเข้ก็มีสารอาหารที่บำรุงสายตาอยู่ด้วย
สาหร่ายเกลียวทองมีเบต้าแคโรทีน
(แหล่งของวิตามินเอ)
สูงกว่าแครอทถึง 20 เท่า
วิตามินอีก็มีส่วนช่วยให้เลนส์ตายืดหยุ่น
ยับยั้งการเสื่อมสลายของเซลล์
|