| 
            พบว่า
            อุปนิสัยการบริโภคมีความสัมพันธ์กับอัตราเสี่ยงต่อโรคหัวใจ,
            หลอดเลือดแข็งตัว, มะเร็ง
            กล่าวคือ 
            ผู้ที่ทานอาหารประเภทผัก,
            ผลไม้ เป็นประจำ
            มีความเสี่ยงน้อยกว่าผู้ที่ทานแต่อาหารประเภทเนื้อสัตว์ เชื่อว่า ในผัก,
            ผลไม้ มีวิตามิน
            เกลือแร่ที่มีคุณสมบัติเป็น
            Anti-Oxidant ในปริมาณมาก ได้แก่
            Beta-Carotene, C, E, Copper, Zinc, Manganese
            ในขณะที่เนื้อสัตว์
            จะมีของเสียที่เกิดจากขบวนการเผาผลาญอาหารที่เรียกว่า
            Free Radical จำนวนมาก 
            เป็นโมเลกุลของออกซิเจน
            ซึ่งมีประจุจะมีความไวในการเข้าทำปฏิกิริยากับอะไรก็ตามที่อยู่ใกล้
            ได้แก่ โครโมโซม โปรตีน
            กรดอะมิโน ไขมัน
            คาร์โบไฮเดรต เป็นต้น
            เป็นผลให้เกิดการทำงานของเซลล์ผิดปกติ
            ร่างกายจึงเกิดโรคและพยาธิสภาพต่างๆ ตามปกติ
            ภายในร่างกายเองก็จะมีเอนไซม์
            สารบางอย่างที่คอยดักทำลาย
            Free Radical เหล่านี้อยู่ได้แก่
            Glucose, Vitamin E, Uric acid, Haptoglobin-hemopexin, Albumin
            อื่นๆ 
            ผนังหลอดเลือดแข็งตัว
              Atherosclerosisทำให้เกิดขบวนการอักเสบ
              ทำให้เกิดการทำลายเนื้อเยื่อรุนแรงขึ้นความชรา
              ความเสื่อมของร่างกายเกิดการกลายพันธุ์
              Mutation ของเซลล์
              ซึ่งเป็นสาเหตุให้กลายไปเป็นเซลล์มะเร็ง 
          
          
            เป็นสารที่จะถูกเปลี่ยนแปลงไปเป็นวิตามิน
            A
            มีความสามารถละลายได้ดีในไขมัน
            จึงน่าจะมีประโยชน์ในการต่อต้านอนุมูลอิสระในร่างกายส่วนที่เป็นไขมัน 
            มีฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระที่แรงมาก
            ละลายน้ำได้ดี
            จึงทำหน้าที่ในส่วนของร่างกายที่เป็นน้ำ 
            ละลายได้ดีในน้ำมัน
            คล้ายคลึงกับวิตามินเอ มีฤทธิ์ที่น่าสนใจอีกประการคือ
            ทำลาย ไนไตรต์
            ซึ่งเป็นสารที่พบในอาหารและน้ำดื่ม 
            เพราะปัจจุบันมีการนำมาในทางเกษตรกรรมอย่างกว้างขวาง
            และเป็นสารถนอมอาหารที่ใช้มากในการทำไส้กรอก
            หมูแฮม
            เป็นสารก่อมะเร็งของกระเพาะอาหาร
            หลอดอาหารและตับ  
            มีการศึกษามากมายที่บ่งชี้ว่า
            การทานวิตามินเสริมในรูปต่างๆ
            ไม่ได้ผลดีมากเท่ากับวิตามินที่พบในอาหารธรรมชาติ
            หรือบางรายงานถึงกับระบุชัดว่า
            ไม่ได้ผลเลย
            ดังนั้นทางที่ดี
            การเปลี่ยนอุปนิสัยในการรับประทานอาหาร
            โดยเปลี่ยนมาทานอาหารประเภทผัก
            ผลไม้มากขึ้น
            น่าจะเป็นแหล่งของวิตามินธรรมชาติที่ดีกว่าการซื้อวิตามินทานเสริม  ทั้งนี้อาจเป็นเพราะว่า
            วิตามินในอาหาร
            มีหลายรูปแบบ
            มีความหลากหลายมากกว่าในรูปที่สังเคราะห์
            ทำนองเดียวกับที่พบในยาสมุนไพร
            ซึ่งพอทำการวิเคราะห์หาสารสำคัญในสมุนไพรเป็นตัวๆมาทดลอง
            จะไม่ได้ผลเหมือนกับการใช้ยาสมุนไพรในรูปแบบดั่งเดิม ยังคงมีความเข้าใจผิดอยู่ว่า
            วิตามินบางยี่ห้อทำมาจากธรรมชาติแท้ๆ
            ซึ่งผมคิดว่าเขาใช้กลลวงอย่างหนึ่ง
            คือ
            เป็นวิตามินสังเคราะห์เลียนแบบรูปแบบธรรมชาตินั่นเอง
            แต่เขาละคำว่าเลียนแบบไว้  
         |