[๑๐]พระมหาโมคคัลลานะถามว่า
"ดูกรนางเทพธิดา ท่านมีรูปงาม มีรัศมีรุ่งเรืองส่องสว่างไสวไปทั่วทุกทิศเหมือนกับดวงดาวประกายพฤกษ์ฉะนั้น ท่านมีผิวพรรณเช่นนี้
เพราะบุญอะไร?
อิฐผลย่อมสำเร็จแก่ท่านในวิมานนี้เพราะบุญอะไร ?
อนึ่ง โภคะอัน เป็นที่รักแห่งใจ ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมเกิดขึ้นแก่ท่านเพราะบุญอะไร ?
ดูกรนางเทพธิดา ท่านมีรัศมีสุกใสไพโรจน์ล่วงเทวดาทั้งหลาย เพราะบุญอะไร?
ท่านมีอวัยวะทุกส่วนสัดส่องสว่างไปทั่วทุกทิศเพราะบุญอะไร?
ดูกรนางเทพธิดาผู้มีอานุภาพอันยิ่งใหญ่ อาตมาขอถามท่าน ครั้งท่านยัง เป็นอยู่ ได้ทำบุญอะไรไว้ ?
ท่านผู้มีอานุภาพรุ่งเรืองถึงเช่นนี้ และรัศมีกายของท่านสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ เพราะบุญอะไร? "
นางเทพธิดานั้น อันพระมหาโมคคัลลานะซักถามแล้ว มีใจยินดีได้พยากรณ์ปัญหาแห่งผลกรรมที่ถูกซักถามว่า
"ในชาติก่อน ครั้งดิฉันยังเป็นมนุษย์อยู่ในหมู่มนุษย์ในมนุษยโลก ได้เห็นพระพุทธเจ้าผู้ปราศจากกิเลสธุลี มีน้ำพระหฤทัยใส
สะอาดยิ่ง ดิฉันมีความเลื่อมใสขึ้น อันมิได้ตั้งไว้เดิม ได้ถวายเมล็ดงาเป็นทาน แก่พระพุทธเจ้าผู้พระทักขิไณยบุคคลด้วยมือตนเอง ด้วยการถวาย
เมล็ดงาเป็นทานนั้น ดิฉันจึงมี ผิวพรรณถึงเช่นนี้ อิฐผลจึงสำเร็จแก่ดิฉันในวิมานนี้
อนึ่ง โภคทรัพย์ทั้งหลายอันเป็นที่รักแห่งใจทุกสิ่งทุกอย่าง เกิดแก่ดิฉันเพราะการให้
เมล็ด งาเป็นทานนั้น
ข้าแต่ภิกษุผู้มีอานุภาพอันยิ่งใหญ่ ดิฉันขอบอกแก่ท่านครั้งดิฉันยังเป็นมนุษย์อยู่ได้ทำบุญ คือ ถวายเมล็ดงาเป็นทานอันใดไว้เพราะ
การถวายเมล็ดงาเป็นทานนั้น ดิฉันจึงมีอานุภาพรุ่งโรจน์ถึงอย่างนี้และรัศมีกายของดิฉันก็สว่างไสวไปทั่วทุกทิศ."
จบ ติลทักขิณวิมานที่ ๑๐ |