[๑๑]พระมหาโมคคัลลานะถามว่า
"ดูกรนางเทพธิดาผู้มีอานุภาพอันยิ่งใหญ่ ท่านได้วิมานอันมีนกกระเรียน นกยูงทอง นกดุเหว่าดำ และนกดุเหว่าขาว ซึ่งมีทิพยานุภาพ
เที่ยวส่งเสียง อย่างไพเราะอยู่รอบด้าน ในวิมานนั้นเต็มไปด้วยดอกไม้หอมชื่นใจ วิจิตรไปด้วยนานาประการ แวดล้อมไปด้วยเทพบุตรและเทพธิดา
อนึ่ง หมู่นางเทพอัปสรเหล่านี้มีฤทธิ์ นิรมิตรูปร่างขึ้นแปลกๆ กันเป็นอันมาก ฟ้อนรำขับร้องอยู่รอบข้าง ให้ท่านมีความร่าเริงอยู่
ดูกรนางเทพธิดาผู้มี อานุภาพอันยิ่งใหญ่ ครั้งท่านยังเป็นมนุษย์ได้ทำบุญสิ่งใดไว้ จึงบรรลุ ความสำเร็จ ท่านมีอานุภาพรุ่งเรืองอย่างนี้
และรัศมีกายของท่านสว่าง ไสวไปทั่วทิศเพราะบุญอะไร?"
นางเทพธิดานั้น อันพระมหาโมคคัลลานะซักถามแล้ว มีใจยินดี ได้พยากรณ์ปัญหาแห่งผลกรรมที่ถูกซักถามว่า
"ครั้งดิฉันยังเป็นมนุษย์อยู่ในหมู่มนุษย์ ได้เป็นผู้มีสัจจะมั่นในสามี ไม่ ประพฤตินอกใจ มีความจงรักต่อสามี เหมือนกับมารดารักบุตร
แม้ดิฉันจะโกรธเคืองก็ไม่กล่าวถ้อยคำอันหยาบคาย ละทิ้งการพูดเท็จเสีย ดำรง มั่นอยู่ในความสัตย์ ยินดีในการให้ทาน ตามปกติชอบสงเคราะห์ผู้อื่น
เช่นกับสงเคราะห์ตน มีใจเลื่อมใส ได้ให้ข้าวและน้ำอย่างดีเป็นทานโดยความเคารพด้วยความเป็นผู้ถือสัจจะมั่น เหตุนั้น ดิฉันจึงมีผิวพรรณ
ถึงเช่นนี้ อิฐผลจึงสำเร็จแก่ดิฉันในวิมานนี้ และโภคทรัพย์ทั้งหลายอัน เป็นที่รักแห่งใจทุกสิ่งทุกอย่างบังเกิดแก่ดิฉัน ก็เพราะความเป็นผู้ถือสัจจะมั่น
ในสามีเป็นเหตุนั้น
ข้าแต่ภิกษุผู้มีอานุภาพอันยิ่งใหญ่ ดิฉันขอบอกแก่ท่าน ครั้งดิฉันยังเป็นมนุษย์ ได้ทำบุญสิ่งใดไว้ เพราะบุญอันนั้นดิฉันจึงมีอานุภาพ
รุ่งเรืองถึงเช่นนี้ และรัศมีกายของดิฉันจึง
สว่างไสวไป ทั่วทุกทิศ."
จบ ปติพพตาวิมานที่ ๑๑ |