[๑๗]นางเปสการีเทพธิดาชมวิมานของตนเองด้วยคาถา กึ่งคาถาความว่า
"วิมานหลังนี้เป็นวิมานงามรุ่งเรือง มีเสาล้วนแล้วด้วยแก้วไพฑูรย์ ใหญ่โตสะอาดสะอ้าน ล้อมรอบด้วยต้นไม้ทองคำ วิมานหลังนี้
เกิดเพราะผลกรรมของเรา นางเทพอัปสรตั้งแสนเหล่านี้ ซึ่งเกิดประจำในวิมานก็เพราะกรรมของเรา"
สมเด็จอัมรินทราธิราช มีเทวโองการตรัสถามด้วยคาถาสองคาถากึ่งความว่า
"ท่านเป็นผู้เพรียบพร้อมไปด้วยบริวาร มีรัศมีกายแผ่ซ่านกว่าเทพเจ้าที่เกิดก่อน พระจันทร์มีรัศมีสุกสะกาวยิ่งกว่าหมู่ดาวนักขัตฤกษ์
ฉันใด ท่าน ก็รุ่งเรืองสุกใสกว่านางเทพอัปสรทั้งหมด โดยเชิงบริวาร ฉันนั้นเหมือนกัน แน่ะนางงามผู้มีพักตร์ควรพิศ ท่านมาจากภพไหน
จึงได้มาเกิดที่ภพของเรานี้ เทพเจ้าชาวไตรทศรวมหมดทั้งพระอินทร์ พระพรหม ดูเหมือน จะไม่รู้สึกอิ่มในการดูท่าน?"
นางเทพธิดา อันสมเด็จอัมรินทราธิราชมีเทวโองการตรัสถามอย่างนั้น เมื่อจะประกาศเนื้อความนั้น จึงกล่าวคาถาสองคาถาความว่า
" ขอเดชะ พระองค์ผู้องอาจ พระองค์ตรัสถามหม่อมฉันถึงตระกูลเดิมของหม่อมฉันว่า ท่านจุติมาจากภพไหนจึงได้มาเกิดที่ภพของเรานี้
หม่อม ฉันได้จุติมาจากกรุงพาราณสี ซึ่งเป็นบุรีของแคว้นกาสี
เมื่อก่อนขณะที่อยู่ในนครนั้น หม่อมฉันเป็นธิดานายช่างหูก ผู้มีใจเลื่อมใสใน พระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์ ซึ่งหม่อมฉัน
ได้ถึงแล้วโดยใกล้ชิด ไม่มีความสงสัย มีสิกขาบทอันได้สมาทานแล้ว ไม่ด่างพร้อย ได้สำเร็จอริยผล เป็นผู้แน่นอนในทางที่จะตรัสรู้ซึ่งธรรม
ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นผู้มีพระอนามัยดี."
สมเด็จอัมรินทราธิราช เมื่อจะทรงอนุโมทนาบุญสมบัติ ของนางเทพธิดานั้น จึงตรัสคาถาถึ่งความว่า
" เราขอแสดงความยินดีต่อท่านผู้มาในที่นี้ได้โดยสวัสดี ท่านเป็นผู้รุ่งเรือง ด้วยยศ มีใจเลื่อมใสในพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์
อย่างใกล้ชิด ไม่มีความสงสัย เป็นผู้ตั้งอยู่ในสิกขาบทอย่างบริบูรณ์ เป็นได้สำเร็จอริยผล เป็นคนหมดโรค ควรที่จะได้ตรัสรู้ธรรมของพระสัมมา
สัมพุทธเจ้าแน่นอน."
จบเปสการิยวิมานที่ ๑๗. |