๓. อาจามทายิกาวิมาน ว่าด้วยผลบุญที่ทำให้ไปเกิดในอาจามทายิกาวิมาน
	[๒๐]ท้าวสักกเทวราชเมื่อจะตรัสถามถึงที่เกิดแห่งหญิงนั้น กะพระมหากัสสปเถระ จึงตรัสคาถาสองคาถาความว่า
	"หญิงขัดสน เป็นคนกำพร้า อาศัยชายคาเรือนของคนอื่นอยู่ มีจิตเลื่อมใส ได้ถวายข้าวตังแด่พระคุณเจ้าผู้เที่ยวไปบิณฑบาต 
ซึ่งมาหยุดยืนนิ่งอยู่ เฉพาะหน้า ด้วยมือของตนเอง ครั้นละจากอัตภาพมนุษย์แล้ว ได้ไปบังเกิดในฉกามาพจรสวรรค์ชั้นไหนหนอ?"
	พระมหากัสสปเถระถวายพระพรว่า 
	"หญิงขัดสน เป็นคนกำพร้า อาศัยชายคาเรือนของคนอื่นอยู่ มีจิต เลื่อมใส ได้ถวายข้าวตังแก่อาตมภาพผู้กำลังเที่ยวไปเพื่อ
บิณฑบาต ซึ่งมายืนหยุดนิ่งเฉพาะหน้า ด้วยมือของตนเองนั้น ครั้นละจากอัตภาพ มนุษย์ จุติจากมนุษยโลกนี้พ้นไปแล้ว ได้บังเกิดเป็น
เทพธิดาผู้มี ฤทธิ์มาก อยู่ ณ ชั้นนิมมานรดี ถึงความสุขอันเป็นทิพย์ ร่าเริงบันเทิงใจอยู่ในชั้นนิมมานรดีนั้น เหตุสักว่าอาจามทานฯ"
	ท้าวสักกเทวราชกล่าวสรรเสริญทานนั้นว่า 
	"น่าอัศจรรย์จริงหนอ ทานของคนกำพร้าไร้ญาติ เป็นทานที่นำมาแต่ผู้อื่นแล้ว ได้นอบน้อมถวายแก่พระมหากัสสป สำเร็จเป็น
ทักษิณามากถึงเพียงนี้ 
	นางแก้วผู้งามทั่วสรรพางค์ สามีไม่จืดจางในการมองชม ได้รับอภิเษกเป็นเอกอัครมเหสีของพระเจ้าจักรพรรดิ ก็ยังไม่ เทียบเท่า
เสี้ยวที่ ๑๖ ของอาจามทานนี้ ทองคำแท่งมีปริมาณตั้งร้อยก็ดีม้ามีกำลังเร็วมีปริมาณตั้งร้อยก็ดี ราชรถอันเทียมด้วยม้าอัศดรตั้งร้อยก็ดี 
นางราชกัญญาอันประดับประดาแล้วด้วยแก้วมุกดา และแก้วมณีและต่างหูมีปริมาณตั้งแสนก็ดี ก็ยังไม่เทียบเท่าเสี้ยวที่ ๑๖ ของอาจามทานนี้ 
คชสารตัวประเสริฐเกิดแต่ป่าหิมพานต์เป็นคชสารตระกูลมา ตังคะ มีงางามงอนดุจงอนรถ มีสายรัดแล้วด้วยทองคำ มีข่ายทองคำปก
เหนือกระพองศีรษะ มีประมาณตั้งร้อยเชือก ก็ยังไม่เทียบเท่าเสี้ยวที่ ๑๖ ของอาจามทานนี้ ถึงแม้พระเจ้าจักรพรรดิ ได้เสวยราชสมบัติ 
เป็นใหญ่ในมหาทวีปทั้งสี่ ก็ยังไม่เทียบเท่าเสี้ยวที่ ๑๖ ของอาจามทานนี้."
                 จบ อาจามทายิกาวิมานที่ ๓