[๒๒]พระผู้มีพระภาคตรัสถามถึงบุรพกรรมที่นางภัททาเทพธิดานั้นได้กระทำไว้ ว่า
"ท่านผู้มีกายอันมีรัศมีสีสรรต่างๆ บ้างเขียว บ้างเหลือง บ้างดำ หงสบาทและแดง แวดล้อมด้วยกลีบเกสรดอกไม้ มีเกศเกล้าอัน
แพรวพราวด้วยพวงมณฑาทิพย์
ดูกรนางผู้มีปัญญาดี ต้นไม้เหล่านี้ย่อมไม่มีในหมู่เทวดา เหล่าอื่น ดูกรนางผู้เลอยศ ท่านได้บังเกิดในหมู่เทวดาชั้นดาวดึงส์
เพราะ กรรมอะไร.
ดูกรนางเทพธิดา ขอท่านจงแถลงข้อที่เราถาม ผลเช่นนี้แห่งกรรมอะไร?"
นางเทพธิดา เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสถามอย่างนี้แล้ว จึงกราบทูลพยากรณ์ด้วยคาถา เหล่านี้ว่า
"หม่อมฉันเป็นอุบาสิกาอยู่ในกิมพิลนคร ชนทั้งหลายรู้จักหม่อมฉันชื่อว่า ภัททิตถิกา หม่อมฉันเป็นผู้สมบูรณ์ด้วยศรัทธา และศีล
ยินดีในการจำแนกทานทุกเมื่อ มีจิตอันผ่องใส ได้ถวายผ้านุ่งห่ม ภัตตาหาร เสนาสนะ และประทีปพร้อมด้วยเครื่องอุปกรณ์ ในพระอริยเจ้าผู้
ปฏิบัติซื่อตรง หม่อมฉันได้เข้ารักษาอุโบสถอันประกอบด้วยองค์ ๘ ประการในดิถีที่ ๑๔-๑๕ และดิถีที่ ๘ ของปักษ์ ตลอดปาฏิหาริยปักษ์
เป็น ผู้สำรวมแล้วด้วยดีในศีลทุกเมื่อ คือ งดเว้นจากปาณาติบาต เป็นผู้เว้นขาดจากการถือเอาสิ่งของของผู้อื่นด้วยไถยจิต จากการประพฤติผิด
ในกามสำรวมจากมุสาวาท และจากการดื่มน้ำเมา เป็นผู้ยินดีในสิกขาบททั้ง ๕ และเป็นผู้ฉลาดในอริยสัจ เป็นอุบาสิกาของพระพุทธเจ้าผู้มี
พระสมันตจักษุ มีปกติเป็นอยู่ด้วยความไม่ประมาท หม่อมฉันได้บำเพ็ญสุจริต ธรรมความชอบสำเร็จแล้ว จุติจากมนุษยโลกนั้นแล้ว
เป็นนางเทพธิดาผู้มีรัศมีกายอันรุ่งโรจน์ เที่ยวเชยชมอยู่ในสวนนันทวัน อนึ่ง หม่อมฉันได้เลี้ยงดูท่านภิกษุผู้เป็นอัครสาวกทั้งสอง ผู้อนุเคราะห์
ชาวโลกด้วยประโยชน์เกื้อกูลอย่างยิ่ง ผู้เพรียบพร้อมด้วยตบะธรรม เป็นจอมปราชญ์ และได้บำเพ็ญสุจริตธรรมความชอบไว้มาก ครั้นจุติจาก
มนุษยโลกนั้นแล้ว ได้บังเกิดเป็นเทพธิดา ผู้มีรัศมีกายอันสว่างไสว เที่ยวเชยชม อยู่ในสวนนันทวัน หม่อมฉันได้เข้ารักษาอุโบสถ อันประกอบ
ด้วยองค์ ๘ ประการ มีคุณอันกำหนดมิได้ นำมาซึ่งความสุขเนืองนิตย์ และได้สร้างกุศลธรรมความชอบไว้บริบูรณ์แล้ว ครั้นจุติจากมนุษยโลก
นั้นแล้วได้บังเกิดเป็นนางเทพธิดาผู้มีรัศมีกายอันรุ่งเรือง เที่ยวเชยชมอยู่ในเทพอุทยานนันทวัน".
จบ ภัททิตถิกาวิมานที่ ๕.
|