๗. อุโบสถวิมาน ว่าด้วยผลบุญที่ทำให้ไปเกิดในอุโบสถวิมาน
	[๒๔]ท่านพระมหาโมคคัลลานเถระ ได้ถามถึงบุรพกรรมของนางเทพธิดานั้นว่า 
	"ดูกรแม่เทพธิดา ท่านมีวรรณะงามยิ่งนัก มีรัศมีส่องสว่างไสวไปทั่วทุกทิศสถิตอยู่เหมือนดาวประกายพฤกษ์ 
เพราะบุญกรรมอะไร 
	ท่านจึงมีผิวพรรณงามเช่นนี้ ฯลฯ และมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ เพราะบุญกรรมอะไร?" 	
	นางเทพธิดานั้น อันพระโมคคัลลานเถระถามแล้ว มีความปลาบปลื้มใจ ได้พยากรณ์ปัญหาแห่งผลกรรมที่ถูก
ถามนั้นว่า
	" ดิฉันเป็นอุบาสิกาอยู่ในเมืองสาเกต ประชาชนเรียกดิฉันว่าแม่อุโบสถ เป็นผู้
สมบูรณ์ด้วยศรัทธาและศีล ... 
ได้เป็นอุบาสิกาของพระสมณโคดม ผู้มีพระจักษุ สมบูรณ์ด้วยพระเกียรติยศ เพราะบุญกรรมนั้น ดิฉันจึง มีวรรณะงามเช่นนี้ ฯลฯ 
และมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ เพราะบุญนั้น."
	เมื่อจะแสดงโทษของตน นางเทพธิดานั้นจึงได้กล่าวคาถา ๒ คาถาอีกว่า
	"ความพอใจได้เกิดมีแก่ดิฉัน เพราะได้ทราบถึงทิพสมบัติต่างๆ ในนันทวันเนืองๆ เพราะเหตุที่ตั้งใจไว้ ดิฉันจึงได้
บังเกิดในนันทวัน ชั้นดาวดึงสพิภพนั้น ดิฉันมิได้ใส่ใจถึง เพราะวาจาของพระพุทธเจ้าเหล่ากอแห่งพระอาทิตย์ ตั้งจิตไว้ในภพ
อันเลว จึงมีความเดือดร้อนใน ภายหลัง."
	เพื่อจะปลุกปลอบใจนางเทพธิดานั้น พระมหาโมคคัลลานเถระจึงกล่าวคาถานั้น ความว่า	
	"ดูกรแม่เทพธิดา อาตมาถามท่านแล้ว ถ้าทราบอายุของท่าน ผู้อยู่ในอุโบสถวิมาน ในโลกนี้ จงบอกว่าสิ้นกาลนานเท่าไร?"
	นางเทพธิดานั้นตอบว่า
	"ข้าแต่ท่านจอมปราชญ์ดิฉันดำรงอยู่ในอุโบสถวิมานนี้ สิ้นกาลประมาณหกหมื่นปีทิพย์ 
จุติจากที่นี้แล้ว จักไปบังเกิดเป็นมนุษย์."
	พระมหาโมคคัลลานเถระ ได้ยังนางเทพธิดานั้นให้อาจหาญร่าเริงด้วยคาถานี้ ความว่า 	
	"ท่านอย่าสะทกสะท้านถึงการอยู่ในอุโบสถวิมานนี้เลย ท่านเป็นผู้อันพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพยากรณ์ไว้แล้ว ท่านจักถึง
คุณวิเศษ คือ เป็นพระโสดาบัน ทุคติของท่านก็จักพลันเสื่อมไป." 
                 จบ อุโบสถวิมานที่ ๗.