[๘] พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า
"ดูกรนางเทพนารี ท่านขึ้นนั่งวิมานเรือ อันบุญกรรมบุด้วยทองคำ เล่น ในสระโบกขรณีเก็บดอกประทุมอยู่ ท่านมีปราสาทเป็นเทวาลัย
อันบุญ กรรมจัดแจงเนรมิตให้แล้ว เป็นส่วนๆ โดยรอบทั้งสี่ทิศ รุ่งเรืองเป็นสง่าอยู่ เพราะบุญอะไร?
ท่านมีวรรณะเช่นนี้เพราะบุญอะไร?
อิฐผลสำเร็จแก่ท่าในวิมานนี้เพราะบุญอะไร?
อนึ่ง โภคะอันเป็นที่รักแห่งใจทุกสิ่งทุกอย่าง ย่อมเกิดขึ้นแก่ท่านเพราะบุญอะไร?
ดูกรนางเทพธิดาผู้มีอานุภาพ มาก อาตมาขอถามท่าน ครั้งเมื่อท่านเกิดเป็นมนุษย์ได้ทำบุญอะไรไว้?
ท่านมีอานุภาพรุ่งเรืองอย่างนี้ และรัศมีกายของท่านสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ เพราะบุญอะไร?"
นางเทพธิดานั้น อันพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสถามแล้วมีใจยินดี ได้ทูลตอบปัญหาแห่งผลกรรมที่ตรัสซักถามว่า
"ในชาติก่อน ครั้งเมื่อหม่อมฉัน ยังเป็นมนุษย์อยู่ในหมู่มนุษย์ ในมนุษยโลก ได้เห็นภิกษุหลายรูปกระหายน้ำเหน็ดเหนื่อยมาจึงถวาย
น้ำฉันโดยขมีขมัน
ผู้ใดแลได้ถวายน้ำฉันโดยขมีขมันแก่ภิกษุทั้งหลายผู้เหน็ดเหนื่อยกระหายน้ำมา แม่น้ำหลายสายมี น้ำเยือกเย็น ดาระดาษไปด้วยบัวขาว
(ชายฝั่ง) มีหมู่ไม้จันทน์ และมะม่วงขนาดเล็กมีรสหวานอยู่ล้นหลาม ย่อมเกิดขึ้นแก่ผู้นั้น
ที่อยู่และ หมู่ไม้ของผู้นั้น มีแม่น้ำหลายสายล้อมรอบประจำ น้ำเย็นสนิท แม่น้ำทั้งหลายที่ทรายมูล ก็เกิดขึ้นแก่ผู้นั้น
หมู่ไม้มะม่วง หมู่ต้นรัง หมู่ต้นหมากหอม หมู่ต้นชมพู่ หมู่ไม้ราชพฤกษ์ และต้นแคฝอยมากมาย มีผล ดกดื่นออกดอกชูสล้าง ก็เกิดขึ้น
ล้อมรอบวิมานของผู้นั้น
เขาได้วิมานดีเยี่ยมงามนักหนาเช่นนั้น ว่ากันโดยพื้นที่แล้วมีลักษณะควรสรรเสริญ นี้เป็นวิบากแห่งกรรมนั้น ทั้งนั้น คนทั้งหลายที่
ทำบุญไว้แล้วต้องได้ผลเช่นนี้
หม่อมฉันมีปราสาทเป็นเทวาลัย อันบุญกรรมจัดเนรมิตมาให้แล้วเป็นส่วนๆ โดยรอบทั้งสี่ทิศ งดงามเป็นสง่าอยู่ เพราะบุญนั้น
หม่อม ฉันมีวรรณะเช่นนี้เพราะบุญนั้น อิฐผลย่อมสำเร็จแก่หม่อมฉันในวิมานนี้เพราะบุญนั้น
อนึ่ง โภคะอันเป็นที่รักแห่งใจทุกสิ่งทุกอย่าง เกิดขึ้นแก่ หม่อมฉันเพราะบุญนั้น หม่อมฉันมีอานุภาพรุ่งเรืองอย่างนี้ และรัศมีกาย
ของหม่อมฉันสว่างไสวไปทั่วทุกทิศเพราะบุญนั้น
นี้เป็นผลแห่งกรรมนั้น คือ หม่อมฉันขมีขมันถวายน้ำแก่พระพุทธเจ้า."
จบ นาวาวิมานที่ ๘. |