|
|
|
สิ่งที่ทำให้สื่อกระแสหลัก เป็น
กระแสหลัก :: Studying the Media
What Makes Mainstream Media Mainstream
From a talk at Z Media Institute June 1997 By Noam Chomsky
[จากเวบไซต์ มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน :: แปลและเรียบเรียง "สมเกียรติ ตั้งนโม"]
เหตุผลส่วนหนึ่งที่ว่า ทำไมผมถึงเขียนเกี่ยวกับเรื่อง"สื่อ" ก็เพราะ
ผมสนใจใน วัฒนธรรมทางปัญญาทั้งหมดนั่นเอง,
และในส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมทางปัญญาเหล่านั้น
สิ่งที่ง่ายที่สุดในการศึกษาก็คือเรื่องของ"สื่อ". มันพรั่งพรูออกมาทุกวัน.
คุณสามารถที่จะสืบสวนหรือค้นคว้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้อย่างเป็นระบบ.
คุณสามารถที่จะเปรียบเทียบเรื่องราวของเมื่อวานนี้กับเรื่องราวในวันนี้ได้.
มันมีหลักฐานมากมายเกี่ยวกับสิ่งที่แสดงออกมา และอะไรที่ไม่ได้ถูกนำออกมาแสดง
และวิธีการที่สิ่งต่างๆได้รับการวางโครงสร้างเอาไว้
ความประทับใจของผมก็คือ "สื่อ"ไม่ได้มีอะไรแตกต่างไปจากความรู้ในทางวิชาการ
หรือจากวารสารต่างๆเกี่ยวกับข้อคิดเห็นทางปัญญาเลย -
แม้ว่ามันจะมีข้อจำกัดที่พิเศษบางอย่าง - แต่โดยรากแล้วมันไม่มีอะไรแตกต่างกัน.
ให้คุณลองมองไปที่สื่อ หรือสถาบันใดที่คุณต้องการจะทำความเข้าใจ.
คุณตั้งคำถามเกี่ยวกับโครงสร้างภายในของสถาบันนั้นๆ.
คุณต้องการที่จะทราบบางสิ่งบางอย่างเกี่ยวกับการจัดการของมันในสังคมที่กว้างกว่า.
ดูว่ามันมีความสัมพันธ์กับระบบอำนาจและหน้าที่อื่นๆอย่างไร ? ถ้าคุณโชคดี,
มันจะมีข้อสังเกตุภายในอันหนึ่งจากผู้นำในระบบข้อมูลข่าวสาร
ซึ่งจะบอกกับคุณถึงสิ่งที่พวกเขาจะกระทำบางสิ่ง.
นั่นไม่ได้หมายความถึงข่าวหรือโฆษณาประชาสัมพันธ์ต่างๆ
แต่สิ่งที่พวกเขาพูดถึงกันและกัน เกี่ยวกับอะไรที่พวกเขาจะทำ
มันเป็นข้อมูลที่น่าสนใจมากทีเดียว.
นั่นคือต้นตอหลักการของข้อมูลเกี่ยวกับธรรมชาติของสื่อ.
คุณต้องศึกษามันในหนทางที่ คล้ายๆกับ นักวิทยาศาสตร์คนหนึ่ง
จะทำการศึกษาถึงความซับซ้อนของโมเลกุลหรือบางสิ่งบางอย่าง.
คุณเฝ้ามองลงไปที่โครงสร้าง และต่อจากนั้น ก็สร้างสมมุติฐานบางอย่างขึ้นมา
โดยมีรากฐานอยู่บนโครงสร้างนั้น อย่างเดียวกับการผลิตสื่อ
ดูถึงความเป็นไปได้ที่มันดูเหมือนอะไร.
ต่อจากนั้น
คุณก็ทำการสืบสวน media product และดูว่ามันสอดคล้องกับสมมุติฐานอย่างไร.
โดยแท้จริงแล้ว งานทั้งหมดในการวิเคราะห์สื่อก็คือส่วนสุดท้ายนี้ -
พยายามศึกษาอย่างระมัดระวัง ถึงสิ่งที่ media product เป็น}
และไม่ว่ามันจะสอดคล้องกับข้อสันนิษฐานต่างๆที่ชัดเจน
เกี่ยวกับธรรมชาติและโครงสร้างของสื่อหรือไม่ก็ตาม
แล้วคุณพบอะไรบ้างล่ะ ? อันดับแรกสุด, คุณได้พบว่ามันมีสื่อที่แตกต่างกัน
ซึ่งกระทำในสิ่งที่แตกต่าง, ก็เหมือนๆกันกับโลกบันเทิง/ฮอลลีวูด,
ละครน้ำเน่าตามทีวีหรือวิทยุ,และอื่นๆ,
หรือแม้กระทั่งหนังสือพิมพ์ส่วนใหญ่ในประเทศ.
พวกมันกำลังกำกับทิศทางหรือควบคุมมวลชนผู้บริโภคสิ่งเหล่านี้.
ยังมีสื่อในอีกเซ็คเตอร์หนึ่ง
นั่นคือสื่อของพวกชนชั้นสูงหรือพวกหัวกระทิ(elite),
บางครั้งสื่อพวกนี้ได้รับการเรียกว่า agenda-setting media
(สื่อที่สามารถกำหนดญัตติสาธารณะขึ้นมาได้)
เพราะพวกมันคือพวกๆหนึ่งที่เป็นแหล่งต้นตอหรือทรัพยากรแหล่งใหญ่,
มันมักจะทำหน้าที่จัดสรรโครงร่างหรือวางกรอบที่คนทุกคนปฏิบัติ.
The New York Times
และ CBS, จัดเป็นสื่อประเภทนี้. ผู้ติดตามงานของสื่อประเภทนี้
ส่วนใหญ่แล้วเป็นพวกอภิสิทธิ์ชน. ผู้คนซึ่งอ่าน New York Times -
เป็นคนที่มั่งคั่งร่ำรวย หรือส่วนหนึ่งซึ่งบางครั้งถูกเรียกว่า political class
(ชนชั้น[ที่สนใจ]การเมือง) - ที่จริงแล้ว
พวกเขาเกี่ยวข้องอยู่กับระบบการเมืองในแบบต่อเนื่อง,
บรรดาผู้จัดการที่จบการศึกษาระดับด็อกเตอร์
(คล้ายๆกับบรรดาศาสตราจารย์ในมหาวิทยาลัย), หรือพวกนักเขียนในนิตยสาร
บุคคลเหล่านี้จะเป็นผู้ที่ถูกนำไปเกี่ยวข้องกับการระดมความคิด
หรือรวบรวมสิ่งต่างๆที่เป็นวิธีที่ผู้คนทั้งหลายคิด และมองดูสิ่งต่างๆ.
สื่อของชนชั้นสูงหรือพวกหัวกระทิ
ได้วางกรอบอยู่ในส่วนของการปฏิบัติการด้านอื่นๆด้วย. ถ้าหากว่าคุณเฝ้าดู the
Associated Press, ผู้ซึ่งค่อยๆละเลียดผลิตข่าวที่ไหลเลื่อนออกมาอย่างต่อเนื่อง.
ในช่วงหลังเที่ยงนั้น จะเป็นเวลาหยุดพัก
และมันมีบางสิ่งบางอย่างที่ก้าวหน้าปรากฎขึ้นทุกๆวัน ที่เรียกว่า"Notice to editors
หรือ ข้อสังเกตุแก่บรรดาบรรณาธิการทั้งหลาย : จากกระบวนการนี้ the New York Times
ของฉบับวันรุ่งขึ้น ก็จะมีเรื่องราวตามมาบนหน้าแรก".
ประเด็นข้างต้นนั้นก็คือ,
ถ้าหากว่าคุณเป็นบรรณาธิการงของหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นสักฉบับหนึ่ง ใน Dayton, Ohio
และคุณไม่มีทรัพยากรหรือแหล่งข้อมูลอะไรมากมายนัก ที่จะทำออกมาเป็นข่าว
หรือคิดว่าข่าวควรจะเป็นเรื่องอะไร, หรือถ้าคุณไม่ต้องการที่จะคิดอะไรแล้ว,
อันนี้จะบอกแก่คุณว่า ข่าวความเป็นเรื่องอะไร ?.
เหล่านี้คือเรื่องราวต่างๆสำหรับเนื้อที่หนึ่งในสี่ของหน้ากระดาษ
ซึ่งคุณจะอุทิศให้กับบางสิ่งบางอย่าง นอกไปจากเรื่องราวเหตุการณ์ของท้องถิ่น
หรือการเบี่ยงเบนผู้อ่านของคุณออกไปได้.
สิ่งเหล่านี้คือเรื่องราวต่างๆที่คุณเสนอมันก็เพราะ นั่นคือสิ่งที่ the New
York Times บอกแก่คุณว่า อะไรคือสิ่งที่คุณควรให้ความเอาใจใส่เกี่ยวกับวันพรุ่งนี้.
ถ้าเผื่อว่า คุณคือบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นใน Dayton, Ohio,
คุณค่อนข้างที่จะต้องทำตามสิ่งนั้น,
เพราะว่าคุณไม่ได้มีช่องทางมากมายอะไรนักเกี่ยวกับแหล่งต้นตอหรือที่มาของข้อมูล.
ถ้าหากว่าคุณออกจากเส้นทางดังกล่าว ไม่สนใจหรือทิ้งมันไปเสีย,
ถ้าคุณกำลังผลิตเรื่องราวต่างๆที่หนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ไม่ชอบใจ,
คุณก็จะได้รับอะไรบางอย่างในไม่ช้า.
ในความเป็นจริง,
นั่นเพิ่งเกิดขึ้นกับ the San Jose Mercury News
ซึ่งเป็นตัวอย่างที่น่าเร้าใจอันหนึ่งสำหรับเรื่องนี้.
มันมีช่องทางมากมายซึ่งเป็นกโลบายต่างๆในการเล่นกับอำนาจ
พวกเขาสามารถขับเคลื่อนคุณให้หวนกลับไปสู่เส้นทางเดิมได้ ถ้าคุณเคลื่อนออกมา.
ถ้าหากว่าคุณพยายามยุติการเดินตามหนทางนั้น, คุณก็จะอยู่ได้ไม่นานนัก.
โครงร่างอันนั้นทำงานได้ดีทีเดียว, และมันเป็นที่เข้าใจได้ว่า
นั่นมันเป็นภาพสะท้อนอันหนึ่งของโครงสร้างอำนาจที่ชัดเจน.
โดยพื้นฐานแล้ว
สื่อสารมวลชนโดยทั่วไปนั้น พยายามที่จะสร้างความเพลิดเพลินให้กับผู้อ่าน.
มีคำพูดที่ว่า "ปล่อยให้พวกเขาทำอะไรบางอย่างไป,
แต่อย่าให้มันมารบกวนหรือทำให้เรารู้สึกรำคาญ"
(เราในที่นี้คือผู้คนที่อยู่ในภาคการนำเสนอ). ปล่อยให้พวกเขาสนใจในเรื่องกีฬาอาชีพ
เป็นตัวอย่าง. ทำให้ทุกคนคลั่งในกีฬาหรือเรื่องอื้อฉาวทางเพศ
หรือบุคลิกภาพต่างๆและปัญหาของพวกเขา หรือบางสิ่งบางอย่างอะไรทำนองนั้น.
ทุกสิ่งซึ่ง ตราบใดที่มันไม่ใช่เรื่องจริงจัง, แน่นอน,
แก่นแท้ที่เป็นเรื่องจริงๆจังๆหรือเป็นเรื่องเครียดๆ
มันเป็นหน้าที่สำหรับคนใหญ่ๆโตๆ. ซึ่งสำหรับพวกเราแล้ว
คือคนที่"เอาใจใส่เกี่ยวกับสิ่งนั้น.
อะไรคือสื่อสำหรับชนชั้นสูงหรือพวกหัวกระทิ, ซึ่งเรียกว่า agenda-setting
(สื่อที่กำหนดญัตติสาธารณะขึ้นมาได้) ? The New York Times และ CBS, เป็นตัวอย่าง.
แน่นอน, ก่อนอื่นใดทั้งหมด, หน่วยงานเหล่านี้
คือบริษัทสำคัญหลักๆที่ได้สร้างผลกำไรได้ดีมาก. ยิ่งไปกว่านั้น,
ส่วนใหญ่ของบริษัทเหล่านี้ ได้รับการเชื่อมโยงกับ, หรือถูกเป็นเจ้าของอย่างเปิดเผย
โดยบริษัทต่างๆที่ใหญ่ขึ้นไปกว่านั้นอีก, อย่างเช่น General Electric, Westinghouse
และอื่นๆ.
บริษัทเหล่านี้คือช่องทางที่จะก้าวขึ้นไปสู่จุดสุดยอดของโครงสร้างอำนาจทางเศรษฐกิจส่วนตัว
ซึ่งมันเป็นโครงสร้างที่เป็นเผด็จการทรราชเอามากๆ. โดยพื้นฐานแล้ว
บริษัทพวกนี้ก็คือ พวกเผด็จการทรราช, มีการแบ่งลำดับชั้นแบบสูงต่ำ,
และถูกควบคุมมาจากข้างบน. ถ้าหากว่าคุณไม่ชอบในสิ่งที่พวกเขากำลังทำอยู่
เขาก็จะบอกกับคุณว่า "คุณก็ออกไปเสีย". สื่อหลักๆ
ก็คือส่วนหนึ่งของระบบอันนั้นนั่นเอง.
การจัดการในรูปสถาบันของพวกเขาเป็นอย่างไร ? โดยกว้างๆ
มันเกือบจะคล้ายกันมากเลยทีเดียว. สิ่งที่พวกเขามีปฏิสัมพัทธ์กัน และสัมพันธ์ด้วย
ก็คือ ศูนย์กลางอำนาจหลักอื่นๆ - เช่น รัฐบาล, บริษัทขนาดใหญ่อื่นๆ,
หรือมหาวิทยาลัยต่างๆ. เพราะว่า
สื่อนั้นเป็นระบบเกี่ยวกับหลักคำสอนหรือความรู้(doctrinal system)
พวกเขามีปฏิสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดมากกับมหาวิทยาลัยต่างๆ.
ยกตัวอย่างเช่น
คุณเป็นผู้สื่อข่าวคนหนึ่งที่เขียนเรื่องเกี่ยวกับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
หรือแอฟริกา, หรืออะไรบางอย่างทำนองนั้น.
คุณจะถูกทึกทักเอาว่าจะไปที่มหาวิทยาลัยใหญ่ๆ และพบกับผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่ง
หรือหลายคน ผู้ซึ่งจะบอกกับคุณว่าคุณควรจะเขียนอะไร, หรือมิฉะนั้น
คุณจะไปยังมูลนิธิแห่งหนึ่ง, อย่าง Brookings Institute หรือ American Enterprise
Institute และพวกเขาก็จะให้คำพูดต่างๆกับคุณ ซึ่งคุณควรจะเขียนออกมา.
สถาบันภายนอกต่างๆเหล่านี้ มีความคล้ายคลึงกันมากกับสถาบันสื่อ.
มหาวิทยาลัยต่างๆ,
อันที่จริง ก็ไม่ใช่สถาบันที่เป็นอิสระจริงจังอะไรหรอก.
บางทีมันอาจจะมีผู้คนหรือนักวิชาการที่เป็นอิสระเดินกระจัดกระจายอยู่รายรอบในสถาบันเหล่านั้นบ้าง
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ผู้คนเหล่านี้ไม่ต้องขึ้นอยู่กับใคร
โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยในรัฐต่างๆที่เรียกว่า Fascist states หรือ รัฐเผด็จการ.
>> อ่านต่อในหน้าถัดไปค่ะ...
|
| |
|
|
| HOME | WORK'S EXPERIENCE | SIGN &VIEW GUESTBOOK |
© 2001 "Complain or Opinion" Created
and Published by JaRuWaN yUnG-yUeN All rights reserved. |
|
|