กรรมที่ทำเป็นประจำ (อาจิณณกรรม)
กรรมที่กระทำบ่อยๆ หรือกระทำเป็นประจำเรียกว่า อาจิณณกรรม หรือพหุลกรรม ซึ่งมีทั้งฝ่ายดีและฝ่ายชั่ว และแม้แต่การกระทำซึ่งถึงแม้จะกระทำเพียงครั้งเดียว แต่การกระทำนั้นกินใจหรือประทับใจอย่างรุนแรง จึงทำให้ต้องนึกถึงอยู่บ่อยๆ และเมื่อนึกถึงก็ประหนึ่งเหมือนพึ่งกระทำลงไป อย่างนี้ก็เป็น อาจิณณกรรม เหมือนกัน
คนมีใจบาปหยาบช้า กระทำความไม่ดีต่างๆ ด้วยกายบ้าง วาจาบ้าง ด้วยใจบ้าง แล้วตั้งหน้าตั้งตากระทำความไม่ดีนั้นอยู่เสมอ เช่น ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตอยู่เป็นประจำ ทำร้ายและเบียดเบียนผู้อื่นอยู่เป็นประจำ พูดโกหกพกลม ด่าว่า พูดให้ร้ายผู้อื่นอยู่เป็นประจำ คิดพยาบาท อิจฉาริษยา โลภมากอยู่เป็นประจำ ทำให้กลายเป็นคนสันดานเสีย พอกพูนความไม่ดีไว้มากมาย วันไหนถ้าไม่ได้กระทำกรรมอันชั่วช้าแล้วรู้สึกไม่สบายใจ กรรมชั่วที่พอกพูนไว้เสมอเหล่านี้ เรียกว่า อาจิณณกรรมฝ่ายชั่ว
หรือผู้ที่กระทำความชั่วร้ายแรง โดยเมื่อแรกคิดว่าจะทำก็ทำด้วยความโกรธอย่างรุนแรง แล้วทำร้ายฆ่าฟันด้วยกำลังความแค้น กำลังความโกรธ และขนาดกระทำจนสมใจแล้วก็ยังไม่สิ้นโกรธสิ้นแค้น เวลาเลยไปนานแสนนานเพียงใรก็ยังไม่หายแค้น คิดขึ้นมาเมื่อไรก็ให้แค้นเมื่อนั้น ไม่หายโกรธ ไม่หายแค้น แล้วจิตก็มักคิดย้อนถึงการกระทำนี้อยู่บ่อยๆ ด้วยความคลั่งแค้นใจ นับว่าเป็นสิ่งกินใจที่ทำให้ขัดแค้นไม่รู้หมดรู้สิ้น
อย่างที่เป็นข่าวโด่งดังในปัจจุบันนี้ก็มีอยู่เยอะแยะ อย่างเช่นผู้ที่ชอบ กระแนะกระแหน ด่าว่าผู้อื่น ไม่มีใครดีในสายตาท่าน ยกเว้นตัวท่าน และคนที่เห็นด้วยกับท่าน
คนที่มีใจเป็นบุญกุศล มักชอบทำความดี ทั้งกาย วาจา และใจ ชอบทำบุญสุนทาน ใส่บาตรพระทุกวัน ชอบช่วยเหลือผู้อื่น เมื่อรับศีล 5 แล้วก็ตั้งใจรักษาศีลไว้ไม่ให้ขาดหรือด่างพร้อย วันพระวันโกนก็ตั้งใจรับศีล 8 แล้วก็รักษาให้บริสุทธิ์ด้วยดี เมื่อเป็นชี เป็นพระสงฆ์ เป็นสามเณรก็พยายามรักษาศีลของตนให้บริสุทธิ์อยู่เสมอไม่ให้ขาด อีกทั้งหมั่นประกอบการกุศลในการเจริญภาวนาฝึกสมาธิ และเจริญวิปัสสนา บำเพ็ญปฏิบัติไปตามความสามารถแห่งตน ตั้งหน้า ตั้งตาสร้างกุศลผลบุญอยู่เนืองนิตย์ ไม่ว่างเว้น
กรรมดีที่พยายามสร้างพอกพูนไว้ในสันดานของตนอยู่เรื่อยๆ เหล่านี้เรียกว่า อาจิณณกรรมฝ่ายดี หรือกรรมที่ทำเป็นประจำฝ่ายดี
สำหรับผู้ที่กระทำทั้งกรรมดีและกรรมชั่วอยู่เป็นประจำ หรือเป็นคนดีแต่เคยทำชั่วไว้อย่างหนึ่งจนไม่อาจลืมได้ เป็นสิ่งที่ฝังใจอยู่ตลอดเวลา คิดขึ้นมาก็เศร้าหมองใจทุกครั้งไป หรือเป็นคนชั่วแต่ก็เคยได้ทำบุญกุศลด้วยศรัทธาอย่างแรงกล้า ประทับใจมิรู้ลืม เมื่อจะไปเกิดใหม่ก็ขึ้นอยู่กับ แรงของอาจิณณกรรมของทั้งฝ่ายดี และฝ่ายชั่วขณะใกล้ตาย จะชักนำไปทางไหน
ถ้าอาจิณณกรรมฝ่ายดี มีกำลังแรงกล้ามากกว่า ก็จะไปสุคติ
ถ้าอาจิณณกรรมฝ่ายชั่ว มีกำลังแรงกว่า ก็จะไปทุคติ
ยกตัวอย่างเช่น พระราชาที่ต้องรบทัพจับศึก ทำให้ผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก อีกทั้งทรัพย์สินและผู้คนก็ปล้นชิง ทำให้เกิดความลำบากความทุกข์แก่ฝ่ายตนและฝ่ายตรงข้ามมากมาย แต่ขณะเดียวกันก็ทรงใฝ่ใจการกุศล ทำนุบำรุงช่วยเหลือประชาชน สมณะชีพราหมณ์อยู่เป็นประจำ
หรือพระราชินีที่เป็นผู้มีเมตตา ทำบุญทำกุศลอยู่เสมอ แต่ต้องส่งเสริมอาชีพให้ชาวประชาปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ซึ่งทำให้ชีวิตของตัวไหมต้องสูญสิ้นไป
อย่างนี้ก็ต้องแล้วแต่ว่า อาจิณณกรรมฝ่ายไหนจะแรงกว่ากัน ถ้าอาจิณณกรรมฝ่ายดีมีพลังอำนาจแรงกว่า ก็ได้ไปสุคติ แต่ถ้าอาจิณณกรรมฝ่ายชั่วมีพลังแรงกว่าก็ได้ไปสู่ทุคติ