กรรมสนับสนุนหรือกรรมอุปถัมภ์ (อุปัตถัมภกรรม)

กรรมที่ช่วยอุปถัมภ์ค้ำจุนกรรมฝ่ายดี ให้เจริญยิ่งขึ้น และกรรมฝ่ายชั่ว ให้ชั่วยิ่งขึ้น เรียกว่า “กรรมสนับสนุน” หรือ “อุปัตถัมภกรรม”

ถึงแม้ว่าในชาติปัจจุบันที่เราเกิดมาแล้วนี้ เราจะพลาดพลั้ง เกิดมาในสภาพไม่ดีนัก ไม่น่าพอใจนัก แต่เราก็สามารถเพิ่มเติม ปรับปรุงแก้ไข ให้ดีกว่าเดิมได้ เช่น

ถ้าหากเกิดมาจน ก็แก้กรรม ด้วยความขยันขันแข็ง มานะ อดทน แบ่งรายได้ ทำบุญทำทานบ้างเป็นปกตินิสัย อย่าไปคดโกง เอารัดเอาเปรียบใคร ในไม่ช้า ก็สามารถเป็นคนมีทรัพย์ได้ เหมือนอย่างที่เราเห็นคนที่เริ่มก่อร่างสร้างตัว จากไม่มีอะไรจนมีหลักฐานเป็นปึกแผ่น ซึ่งมีให้เห็นเยอะแยะ

แต่ในทางตรงกันข้าม หากเกิดมารวย แล้วประมาท ไม่สนใจใยดี ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยอย่างไม่รู้คุณค่า ไม่รู้จักทำมาหากิน แสวงหาเงินทองมาเพิ่มเติม เอาแต่เทียวเตร่ ดื่มสุรายาเมา คบเพื่อนเที่ยวเกเร ไม่ช้าก็ไม่มีอะไรเหลือ ซึ่งก็มีตัวอย่างให้เห็นในสังคมมากมาย

พลังอำนาจของกรรมที่พาให้เกิด นั้นเป็นเพียงจุดเริ่มต้น แต่ก็ยังมีพลังอำนาจของกรรมอีก 11 อย่างที่มีอิทธิพลบันดาลบชีวิตให้เปลี่ยนแปลงได้

อย่างเช่นพลังอำนาจของกรรมอุปถัมภ์หรือกรรมสนับสนุน ซึ่งมีทั้ง กรรมฝ่ายดี และกรรมฝ่ายไม่ดี บางคนพอเริ่มเข้าท้องแม่ ก็มีพลังบันดาลให้พ่อแม่โชคดีมีลาภ ทำมาค้าขึ้น ทำอะไรก็แลดูดีไปหมด อย่างนี้เรียกว่า พลังอำนาจของกรรมอุปถัมภ์ฝ่ายดี ให้ผล

แต่ถ้าหากว่าเป็นไปในทางตรงกันข้าม กลับทำให้พ่อแม่มีแต่เรื่อง เดือดร้อนมีแต่ปัญหา มีแต่ทุกข์ เป็นลูกล้างผลาญ แล้วละก็นั้นเป็นพลังอำนาจของกรรมอุปถัมภ์ฝ่ายชั่ว ให้ผล

หรือหากว่าเกิดมาเป็นเสือก็มี พลังอำนาจของกรรมอุปถัมภ์ ฝ่ายชั่ว ให้มีพลังวังชา มีนิสัยดุร้าย ทำการฆ่าสัตว์ตัดชีวิตมากขึ้น เป็นบาปมากขึ้น

ในสมัยพุทธกาล มีเศรษฐีผู้หนึ่ง มีชื่อว่า “อานันทเศรษฐี” ถึงแม้ว่าจะเป็นเศรษฐี แต่ก็เป็นคนตระหนี่ขี้เหนียว ทานไม่ไห้ ศีลไม่รักษา หาทรัพย์มาได้เท่าใด ก็เก็บรักษาเอาไว้ โดยไม่ยอมจ่ายอะไรเกินความจำเป็น แม้จะกินก็อดๆ อยากๆ จิตเต็มไปด้วยความโลภอยากได้ และก็ยิ่งโลภจัดขึ้นทุกวัน ที่เกิดเป็นเศรษฐีในชาตินี้ได้ ก็เพราะเคยใส่บาตรพระอรหันต์ ที่มาบิณฑบาตรหน้าบ้านในอดีตชาติก่อนโน้น

ต่อมาเมื่อเศรษฐีเฒ่าถึงแก่กรรม แต่จิตก็เต็มไปด้วยความหวงและห่วงใยในทรัพย์สมบัติ หน้าดำคร่ำเครียด เพราะฉะนั้น ชนกกรรมอกุศล หรือกรรมพาให้เกิด จึงชักนำไปเกิดในครรภ์ของหญิงจัณฑาลยากจนคนหนึ่ง จากนั้นพลังอำนาจของกรรมอุปภัมภ์ฝ่ายชั่วก็สนับสนุน โดยดลบันดาลให้คนจัณฑาลในหมู่บ้านนั้น ซึ่งอดอยากอยู่แล้ว อดอยากหนักเข้าไปอีก

ในที่สุดคนจัณฑาลทั้งหลาย ก็ได้ประชุมหารือ หาคนที่เป็นกาลกีณีโดยแบ่งเป็น 2 พวก ถ้าพวกไหนขัดสนลาภ ก็แสดงว่า คนกาลกีณีอยู่ในพวกนั้น ก็ให้แบ่งพวกอย่างนี้ จนกว่าจะพบคนที่เป็นกาลกีณี ในที่สุดก็หาพบ หญิงจัณฑาลมีครรภ์ จึงถูกขับไล่ออกจากหมู่ให้ไปอยู่อย่างโดดเดี่ยว เที่ยวซัดเซพเนจรไปเรื่อยๆ ได้รับความลำบากเป็นหนักหนา

ต่อมาได้คลอดบุตร ซึ่งแสนจะน่าเกลียดน่าชัง ยังกับผีเปรตแสนทุเรศไม่เหมือนคน ซึ่งทารกน้อยโตขึ้นจนรู้เดียงสา ก็ได้กะลาเป็นสมบัติ แล้วอำลาแม่เที่ยวขอทานเขาเลี้ยงชีวิต ไปทั่วทุกทิศ

วันหนึ่ง ก็ได้เดินทางมาถึงปราสาทอันมโหฬาร คลับคล้ายคลับคลาว่าคุ้นๆ จึงเดินดุ่มเข้าไป จึงถูกขับไล่ทุบตี แต่ด้วยความรู้สึกในจิตใต้สำนึกว่า ปราสาทนี้ตนเป็นเจ้าของ จึงจะเข้าไปให้ได้ ในที่สุดก็ถูกทุบตีจนบอบช้ำหยุดนิ่ง

พอดีขณะนั้น พระพุทธองค์ได้เสด็จผ่านมา ด้วยญาณรู้ พระองค์จึงบอกแก่คนทั้งหลายให้ทราบว่า

“ขอทานหน้าผีเปรตนี้ คือเศรษฐีเจ้าของปราสาท กลับชาติมาเกิด เศรษฐีลูกชายไม่เชื่อ พระพุทธองค์จึงให้เศรษฐีในคราบของขอทานเล่าประวัติของตนในชาติก่อน พร้อมทั้งให้ไปชี้ขุมทรัพย์อีก 5 แห่งที่แอบฝังไว้ไม่ให้คนอื่นรู้

ก็เป็นอันพิสูจน์ได้ เศรษฐีลูกชายจึงเชื่อเรื่อง พลังอำนาจของกรรม ตั้งแต่นั้นมา

ที่จริงเรื่องทำนองเดียวกันนี้ ในยุคปัจจุบัน ก็มีเหมือนกัน

เจ้าของห้างใหญ่แห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ เป็นคนขี้เหนียว ชอบเอารัดเอาเปรียบคนอื่น พอตายไป เกิดมาเป็นขอทาน แล้วมานั่งขอทานอยู่หน้าห้างของตนเอง แต่ลูกหลานซึ่งเป็นเจ้าของห้างในปัจจุบัน คงไม่เชื่อแน่ เพราะไม่มีใครพิสูจน์ให้เห็นจริง เศรษฐีขอทานจึงต้องขอทานต่อไปเรื่อยๆ

เอ่ยชื่อห้างขึ้นมา ต้องร้อง “อ๋อ” กันทั้งเมือง

เพราะฉะนั้น บุคคลบางคน ประสบภัยวิบัติ พบกับอุปสรรคขัดข้องในชีวิตเสมอ มีความอาภัพอับโชคตลอดชีวิต

แต่บางคน ดูเหมือนจะโชคดีอยู่เสมอ มีความสุขความเจริญในชีวิตทั้งๆ ที่ในชีวิตปัจจุบัน ก็ทำความดี เหมือนๆ คนอื่นนั่นแหละ แต่ก็ประสบโชคโดยไม่คิดฝัน ก่อความแปลกประหลาดใจแก่ตนเป็นอย่างมากอยู่เสมอ

เหล่านี้เป็นพลังอำนาจของกรรมอุปถัมภ์ หรือกรรมสนับสนุน จะเป็นกรรม ฝ่ายดี หรือฝ่ายชั่ว นั้น ก็แล้วแต่เจ้าตัวได้สร้างไว้