ตำนานบรรพบุรุษ
คอก พี.เอฟ. บางแก้ว
                                   โรคของสุนัข                                                                                                                                                                               
              โรคของสุนัขนั้นมีทั้งโรคที่สามารถป้องกันได้และถึงแม้จะป้องกันแต่ในบางครั้งก็ไม่ได้เต็มที่ทั้งหมด  และป้องกันได้ลำบากก็มี  แต่ในทางที่ดีนั้นท่านผูเลี้ยงควรเอาใจใส่ดูแลให้ได้ฉีดยาหรือวัคซีนที่สมควรจะฉีดให้กับลูกสุนัขเล็กๆ เพื่อเป็นการป้องกันไว้ก่อนจะดีกว่าเพราะโรคบางโรคไม่สามารถป้องกันได้ถ้าสุนัขไม่มีภูมิคุ้มกันไว้บ้าง  แต่ในบางโรคนั้นท่านสามารถป้องกันในการจัดการกับสถานที่เลี้ยงดูให้สะอาด หรือป้องกันไม่ให้ยุงซึ่งเป็นพาหะในการนำโรคต่างๆ มาสู่สุนัขได้  ในที่นี้ก็จะขอบอกให้ทราบถึงเรื่องของโรคที่สามารถเกิดขึ้นได้กับสุนัข ดังนี้

          1.
โรคไข้หัด โรคนี้เกิดจากเชื้อไวรัส มักเกิดกับลูกสุนัขเล็กๆอายุ 2-3 เดือน โอกาสที่จะรักษาได้มีค่อนข้างน้อย ถ้าจะมี อาการดีขึ้นแต่ก็จะมีอาการทางประสาทที่ผิดปกติ คือ กระตุกหรือชักตลอดชีวิต ส่วนใหญ่แล้วจะตาย อาการของโรคมักแสดงออกทางระบบหายใจ คือ ขี้มูกสีเขียวไหลย้อยเหมือนปอดบวม มีไข้ เบื่ออาหาร ซึม มีตุ่มหนองขึ้นใต้ท้อง มีขี้ตาสีเขียวเกรอะกรังตลอดเวลา เมื่ออาการรุนแรงขึ้นจะพบว่าจะมีอาการทางประสาท คือริมฝีปากสั่น กระตุก และจะลามไปที่บริเวณหนังหัว ใบหน้า ขาหลัง อาจพบว่าบริเวณฝ่าเท้ากระด้างขึ้น บางรายพบว่ามีอาการท้องร่วง สุดท้ายมักจะตาย แต่โรคนี้สามารถป้องกันได้โดยการพาลูกสุนัขไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หัดได้ตั้งแต่อายุ 2 เดือนเป็นเข็มแรก หลังจากนั้นอีก 1 เดือนก็พาไปรับการฉีดวัคซีนเข็มที่สองเป็นการกระตุ้นภูมิคุ้มกันและฉีดซ้ำทุกๆ ปี ปีละ 1 ครั้ง                                           

            2.
โรคลำไส้อักเสบ เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส ที่สามารถทำให้สุนัขไปด้วยอาการท้องเดิน อาเจียน ไม่กินอาหาร ไข้สูง ร่างกายสูญเสียน้ำอย่างมาก ทำให้สุนัขตายได้อย่างรวดเร็วโดยเฉพาะลูกสุนัข โรคนี้สามารถติดต่อได้ โรคนี้มักพบได้ในลูกสุนัขอายุตั้งแต่อายุ 2-6 เดือน หลังจากได้รับเชื้อโรคนี้ไปแล้วประมาณ 5-7 วัน ลุกสุนัขจะมีอาการไม่กินอาหาร มีไข้สูงๆ ต่ำๆ แสดงอาการอาเจียนบ่อยครั้ง ต่อมาไข้จะสูงขึ้น นอนซึม หมดแรงเพราะอาเจียนอย่างมาก และเริ่มมีอาการท้องร่วง ถ่ายออกมาเป็นน้ำเหลวสีโอวัลติน หรือสีแดง เพราะมีเลือดปนออกมาด้วย มีกลิ่นเหม็นคาวมาก เชื้อไวรัสจะเข้าไปยังกล้ามเนื้อหัวใจทำให้ช็อคตายได้อย่างรวดเร็ว อัตราการตายของลูกสุนัขจะสูงมาก ส่วนสุนัขโตจะแพ้โรคนี้น้อย โรคนี้ไม่มียารักษาโรคโดยตรง เพียงแต่รักษาตามอาการที่พบเท่านั้น แต่สามารถป้องกันได้โดยการฉีดวัคซีนตั้งแต่เมื่อลูกสุนัขอายุได้ 2 เดือน และกระตุ้นเมื่ออายุ 3 เดือน หลังจากนั้นก็ฉีดทุกๆ ปี

        3.
โรคพิษสุนัขบ้า เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสที่ชื่อว่า เรบี้ส์ จะมีผลทำให้แสดงอาการที่ผิดปกติทางประสาท โรคนี้สามารถติด ต่อไปยังคนหรือสัตว์  อื่นๆได้ด้วยการกัดแล้วทำให้เชื้อโรคนี้เข้าไปทางบาดแผลที่ถูกกัดได้ สุนัขจะแสดงอาการ นี้ภายในช่วงเวลา 21-60วันอาการของสุนัขมี 2 ประเภทคือ แบบดุร้ายและแบบซึม

               แบบดุร้าย สุนัขจะเริ่มแสดงอาการทางอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม มีอารมณ์ที่หงุดหงิด รูม่านตาขยายโตกว่าปกติ หลังจากนั้นก็จะมีอาการกระวนกระวาย ระบบประสาทตอบสนองฉับไว รุนแรงต่อเสียงหรือสิ่งกระตุ้นต่างๆ ถ้ามีการกักขังจะกัดอย่างรุนแรง และกัดสิ่งแปลกปลอมต่างๆ และเริ่มมีอาการบ้าคลั่ง เสียงเห่าหอนผิดปกติเนื่องจากเกิดการอัมพาตของกล้ามเนื้อกล่องเสียง ลิ้นห้อย น้ำลายไหล ต่อมาขาอ่อนเปลี้ยลง ลำตัวแข็ง ต่อมาลิ้นจะห้อยออกมานอกปาก น้ำลายไหลมาก เนื่องจากการอัมพาตของกล้ามเนื้อที่เกี่ยวข้องกับการเคี้ยวและการกลืน สุนัขจะมีอาการขย่อนคายสิ่งแปลกปลอมที่ติดอยู่ในลำคอ ต่อมาอาการอัมพาตจะแพร่ขยายลามไปทั้งตัวและตายภายใน 2-4 วัน

                แบบซึม  สุนัขจะไม่มีอาการแสดงว่าจะกัดคน สุนัขจะหลบซ่อนอยู่ตามซอกมุมมืด ไม่กินอาหาร น้ำ อ้าปากลิ้นห้อย ขากรรไกรแข็ง น้ำลายไหลตลอดเวลา บางครั้งก็จะกินน้ำบางแต่ก็กินไม่เข้าเหมือนมีอะไรติดที่ลำคอ และสัตว์จะซึมอยู่อย่างนี้จนตาย

                 อย่างไรก็ตามโรคนี้ไม่สามารถรักษาได้ทางที่ดีควรฉีดยาป้องกันไว้ดีกว่า โดยฉีดเมื่อสุนัขอายุ  3เดือนขึ้นไป แต่ถ้าฉีดก่อนอายุ 3 เดือน ก็ให้นำไปฉีดกระตุ้นอีกครั้งเมื่ออายุ 3 เดือน จากนั้นก็ฉีดทุกๆ ปี

           4.
โรคปอดบวม โรคนี้เกิดจากเชื้อเชื้อไวรัส และเชื้อแบคทีเรีย พยาธิเข้าทำลายปอดทำให้ปอดอักเสบ
สุนัขจะ แสดงอาการซึม มีไข้สูงมาก เบื่ออาหารจนถึงไม่กินอาหาร ชอบหลบไปนอนในที่เย็นๆ หายใจกระหืดกระหอบ มีขี้มูกไหลออก มาสีเขียวจนถึงสีเขียวข้น บางครั้งมีอาการอาเจียน บางตัวเป็นมากๆน้ำท่วมปอดต้องนั่งตลอดเวลา นอนไม่ได้หายใจไม่ออก โรคนี้ สามารถรักษาได้แต่ในความเป็นจริงแล้วถ้าป้องกันได้ก็จะเป็นการดี โดยต้องรักษาความสะอาด ให้ความอบอุ่น ห่มผ้า ปูผ้ารองพื้นที่ นอนด้วยผ้าอย่าให้นอนในที่อับชื้น ถ้าสุนัขมีอาการป่วยให้รีบนำไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษาอย่างทันท่วงที
            5.
พยาธิปากขอ พยาธิชนิดนี้จะทำการดูดเลือดจากผนังลำไส้กินเป็นอาหาร ไข่พยาธิจะปนมากับอุจจาระแล้วก็ออกมาเป็นตัวอ่อน จะเข้าสู่ร่างกายโดยการไชเข้าไปทางผิวหนังที่เท้าหรือสุนัขกินไข่พยาธิเข้าไป เมื่อกินอาหารที่ตกลงที่พื้น หรือจับสัตว์เล็กๆกิน พยาธิปากขอนี้เมื่อเข้าสู่ร่างกายสุนัขแล้ว จะใช้ปากเจาะไชฝังปากเข้าที่ผนังลำไส้แล้วปล่อยสารป้องกันเลือดแข็งตัวเพื่อให้เลือดไหลเข้าปากพยาธิได้ดียิ่งขึ้น ส่วนสุนัขจะซีดลงเพราะโลหิตจาง ถ่ายเป็นมูกเลือด ลูกสุนัขถ้ามีพยาธิไม่มากจะหงอยซึม สีของเหงือกและเปลือกตาซีด การตรวจพยาธิควรนำอุจจาระไปตรวจ แต่ทางที่ดีควรป้องกันโดยการถ่ายพยาธิได้ทุก 3-4 เดือน การถ่ายพยาธิจะมากน้อยแค่ไหนนั้นขึ้นอยู่กับว่าจะมีโอกาสติดโรคนี้มากเพียงใด
            6.
พยาธิไส้เดือน หรือพยาธิตัวกลมจะอาศัยอยู่ในลำไส้ของสุนัข จะดูดกินอาหารที่กระเพาะ คอยแย่งอาหารที่ได้รับการย่อยแล้วพร้อมที่จะซึมเข้าสู่ร่างกายของสุนัข ทำให้สุนัขมีลักษณะโตแต่บริเวณท้องหรือที่เรียกว่าสภาวะท้องมาน คือน้ำขังอยู่ในช่องท้องเนื่องจากน้ำซึมผ่านส้นเลือดออกมารวมกันอยู่ภายในช่องท้องจึงทำให้ท้องโตขึ้นกว่าเดิม การติดต่อก็เกิดจากสุนัขกินไข่แก่ที่มีพยาธิเข้าไป หรือชอนไชเข้าผิวหนังสู่กระแสเลือด การป้องกันควรต้องทำก่อนที่จะมีการผสมพันธุ์และในช่วงท้ายของการตั้งท้อง ลูกสุนัขเกิดมาได้ 2-3 สัปดาห์จึงถ่ายพยาธิ หลังจากนั้นก็ทำทุกๆ 3-4 เดือน
              7.
พยาธิหนอนหัวใจ พยาธิชนิดนี้จะอาศัยอยู่ในหัวใจและขยายพันธุ์เป็นตัวอ่อนอยู่ในเลือดของสุนัข เมื่อยุงมากัดกินเลือดของสุนัขตัวอ่อนก็จะเข้าไปเจริญเติบโตในตัวยุงประมาณ 2 สัปดาห์ เมื่อยุงไปกัดสุนัข ตัวอ่อนก็จะกลับเข้าสู่สายเลือดสุนัขอีกครั้ง พยาธิหนอนหัวใจนี้จะทำให้เกิดอาการอักเสบและเลือดแข็งตัว มีการอุดตัน และการตายของเนื้อเยื่อปอด ทำให้สุนัขปอดบวม หายใจแห้ง หอบเหนื่อยง่าย บางครั้งพบว่ามีอาการบวมน้ำที่ขาหลังไปจนถึงเท้า เนื่องจากเลือดคั่งหรือถูกขัดขวางด้วยตัวอ่อนของพยาธิจึงทำให้ไม่มีแรง หรือหัวใจวาย มีน้ำในช่องท้องมากทำให้หายใจลำบาก หากล้มตัวลงนอนน้ำจะกดกระบังลมมากขึ้นจนหายใจไม่ออก ยังจะมีอาการเหนื่อยง่าย อาเจียน เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ผิวหนังอักเสบ ดีซ่าน อัมพาตและชักได้ โรคนี้สามารถรักษาให้หายได้แต่ต้องใช้เวลา แต่ควรป้องกันไว้ดีกว่าด้วยการฉีดยาป้องกันหรือป้องกันด้วยวิธีการจัดสถานที่นอนของสุนัขให้ป้องกันยุงได้
              8
.โรคกระดูกอ่อน จะมีเป็นโรคนี้ก็เนื่องจากได้รับสารอาหารในปริมาณที่ไม่เหมาะสมคือขาดแคลเซี่ยม ฟอสฟอรัส วิตามินดี จึงทำให้สุนัขเดินขาโก่ง เดินเตาะแตะ ลุกนั่งไม่ถนัดบางตั วขาหักง่าย พบในลูกสุนัขที่มีอายุน้อยๆ ไปจนถึงวัยรุ่น โรคนี้สามารถรักษาได้ด้วยการให้แร่ธาตุเพิ่มเติมจากอาหารที่สุนัขกิน ไม่ว่าจะด้วยการฉีดหรือการกิน
              9.
เห็บสุนัข จะพบอยู่ตามตัวสุนัขจำนวนมากและฆ่าไม่หมด โดยจะพบได้บริเวณลำคอ ไหล่ หน้าอก ใบหู รูหู และบริเวณง่ามนิ้ว เห็บจะกินเลือดสุนัขทำให้สุนัขซูบซีด นำโรคพยาธิในเม็ดเลือดมาแพร่ การป้องกันต้องโรยยาฆ่าเห็บรอบๆ บริเวณบ้าน คอก กรง หรือตามซอกข้างฝา อาบน้ำสุนัขด้วยน้ำยากำจัดเห็บหรือใช้แป้งโรยตัว หรือใส่ปลอกคอกำจัดเห็บ ในกรณีที่สงสัยว่าสุนัขจะมีเห็บ และควรตรวจหาเห็บอยู่เสมอและเมื่อพบเห็บตัวเมียอย่าทำลายด้วยการบี้ให้ตายเพราะจะทำให้แพร่กระจายของไข่เห็บ ควรหย่อนลงในน้ำมัน เห็บก็จะตายและเป็นการป้องกันการแพร่กระจายของไข่เห็บอีกด้วย
             10.
หมัด ตัวเล็กกว่าเห็บไม่ค่อยอยู่กับที่ วิ่งตามผิวหนังทำให้สุนัขรู้สึกคัน ต้องใช้ขาเกาทำให้ลำตัวเป็นแผล หมัดจะชอบอยู่ตามโคนหาง ปละกลางหลัง สุนัขจะใช้ปากแทะจนขนหลุดเลยก็มี
วิธีการกำจัดหมัดต้องใช้สารเคมีแบบผงหรือสเปรย์ก็ได้ แต่ต้องใช้ด้วยความระมัดระวัง หรือจะอาบน้ำให้สุนัขโดยใช้น้ำยาโดยอ่านคำแนะนำให้ดีมิฉะนั้นจะมีผลต่อสุนัขอาจทำให้เกิดอาการชักได้

                ทั้งนี้ ทั้งนั้นโรคทุกโรคที่สามารถเกิดขึ้นกับสุนัขได้นั้น มีทั้งรักษาได้ ป้องกันได้ ถ้าท่านเป็นคนที่รักศุนัข ต้องการสุนัขของท่านอยู่กับท่านไปนานๆ ก็ควรต้องดูแลเอาใจใส่ในเรื่องของวัคซีนต่างๆที่ควรฉีดตั้งแต่เล็กๆ ส่วนการป้องกันนั้นขึ้นอยู่กับว่าจะเลือกป้องกันด้วยวิธีใดก็แล้วแต่ก็ขอให้อยู่ในความระมัดระวังเป็นดีที่สุด
Pease contact our kennel with question or comment  or by mobile no. 086-8897639