กวีวัจนะ

 

         การที่กวีนำเอาร้อยกรองต่างรูปแบบ
มาแต่งผสมกัน เรียกว่ากวีวัจนะหริอที่ฝรั่งเรียก
ว่า (Poetry) ตัวอย่างเช่น
           ๑) โคลง+ร่าย    เรียกว่า    ลิลิต
เช่น ลิลิตเตลงพ่าย    ลิลิตพระลอ
            ๒) โคลง+กาพย์ยานี เรียกว่ากาพย์
ห่อโคลงเช่นกาพย์ห่อโคลงประพาสธาร
ทองแดง
            ๓) ฉันท์ต่าง ๆ + กาพย์ฉบัง ๑๖ เรียก
ว่าคำฉันท์  เช่น สามัคคีเภทคำฉันท์
             
             ที่ยกตัวอย่างมานั้น เป็นกวีวัจนะ
แนวดั้งเดิม ที่กวีโบราณสร้างสรรค์ไว้
เป็นมรดกวัฒนธรรมทางภาษาให้เราได้
ศึกษาและร่วมอนุรักษ์กัน
              นอกจากนี้ ยังมีกวีวัจนะอีก ๒ รูป
แบบคือกวีวัจนะแบบกวีซีไรท์   ซึ่งมีรูป
แบบคล้ายกวีวัจนะ เรื่องสามกรุง ของ
น.ม.ส. คือจะมีทั้งกาพย์ กลอน โคลง ฉันท์
ผสมกันไป และกวีบางท่าน จะนำเอา
เพลงพื้นบ้านมาแต่งผสมด้วย
                สำหรับกวีวัจนะแบบสุดท้าย
เป็นกวีวัจนะแบบชมรมวรรณศิลป์ ที่ใช้
ในการแข่งขันกลอนสด ระหว่างชมรม
และสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ซึ่งผู้เขียน
พอมีประสบการณ์อยู่บ้าง ทั้งในฐานะ
ผู้ร่วมทีมแข่งขัน และร่วมเป็นกรรมการ
ตัดสินการประกวด   หากมีผู้สนใจจะนำ
มาเล่าสู่กันฟังต่อไป
                กวีวัจนะประเภทนี้แหละ ที่จะนำ
มาแนะนำกันในที่นี้    หากจะนับย้อนหลังไป
เมื่อ ๒๐-๓๐ ปี ที่ผ่านมา การแข่งขันกวี
วัจนะแนวนี้เฟื่องฟูมาก มาซบเซาเอาหลัง
ปี ๒๕๒๕-๒๕๒๖ มานี้
                เป็นกวีวัจนะแบบชมรมวรรณศิลป์
นี้ จะแข่งกันด้วยร้อยกรองเพียง ๓ ชนิด คือ
กลอนแปด ดอกสร้อย และสักวา ยกเว้นบาง
ชมรมฯ บางโอกาส ที่ต้องการความเข้มข้น
เพิ่มขึ้น ก็อาจมีการเพิ่มการแข่งด้วยโคลง
สี่สุภาพ เพิ่มขึ้นอีกชนิดหนึ่ง
              กวีวัจนะ แนวดังกล่าวนี้ ได้นำเสนอ
มาครบถ้วนแล้ว ที่จะนำเสนอต่อไปก็คือจะ
เล่าสู่กันฟังถึงวิธีการนำไปใช้
               
                       การแข่งขันกลอนสด

         การแข่งขันกลอนสด คือการแข่งแต่ง
กวีวัจนะแบบชมรมวรรณศิลป์   และที่ว่าสดนี้
ก็มิได้หมายถึงว่า พอกรรมการเรียกขึ้นเวที
ก็ขึ้นไปด้นกลอนสด แบบลำตัดหรือเพลง
พื้นบ้าน หามิได้
        โดยเฉพาะการแข่งขันประเภททีม
โดยปกติ จะมีทีมละ ๔ คน เพื่อช่วยกันแต่ง
คนละ ๑ วรรค ซึ่งกรรมการแข่งขันจะเตรียม
กระดาษดินสอไว้ให้
        เมื่อเริ่มการแข่งขัน กรรมการจะประกาศ
หัวข้อให้ทีมผู้เข้าแข่งขันทราบทั่วกัน ซึ่งจะเริ่ม
ด้วย กลอนแปด หรือดอกสร้อย สักวา ก็ขึ้นอยู่
กับผู้จัดการแข่งขัน
         ภาษาการแข่งกลอนสด เรียกหัวข้อกลอน
ว่ากระทู้ ชึ่งกระทู้หนึ่ง ๆ   จะให้เวลา ๘ นาที
เท่ากับว่าผู้เข้าแข่งขันทีมหนึ่ง ๆ มีเวลาคิด
คนละ ๒ นาที
         รูปแบบการแข่งขัน อาจให้ทีมผู้แข่งขัน
นั่งเขียนที่โต๊ะ โดยมีกรรมการรับกระดาษ
กลอนที่เขียนเสร็จแล้วไปอ่าน หรือเขียนขึ้น
กระดานป้ายให้
          อีกวิธีหนึ่ง ให้ทีมผู้แข่งขันขึ้นไปยืนเขียน
บนเวที โดยจัดกระดานสำหรับเขียนไว้ครบ
ตามจำนวนทีมผู้แข่งขัน   คนที่อ่านกลอนเพราะ
จะรับหน้าที่อ่านกลอนที่แต่งจบแล้ว
          ในการแข่งขันโดยทั่วไป จะแข่ง ๒ รอบ
คือรอบคัดเลือก กับรอบชิงชนะเลิศ  รางวัล
การแข่งส่วนมากจะเป็นโล่เกียรติยศ กับทุน
การศึกษาเป็นหลัก

              จัดทีมแข่งขันกลอนสด

         ในการแข่งขันกลอนสด   ผู้จัดบางสถานที่อาจ
กำหนดให้มีการไหว้ครู เพื่อเป็นการอุ่นเครื่อง หรือเป็น
การแสดงฝีไม้ลายมือให้ผูชมเห็นเป็นเบื้องต้นก็ได้
ซึ่งทีมผู้แข่งขันสามารถแต่งไว้ล่วงหน้าได้ เพียงแต่
ให้สอดคล้องกับบุคคลและสถานที่ ก็ใช้ได้

ตัวอย่างกลอนไหว้ครู

          สักวาไหว้ครูที่อยู่ใกล้
  ผมขอไหว้คุณสมโรจน์โปรดอย่าว่า
  ไหว้คุณครูประนอมพร้อมวิชา
  ทั้งคุณครูวาสนาเก่งวรรณคดี
     ครูสถิตย์ครูประยูรเกื้อกูลวิทย์
         ครูมนตรีผู้ประสิทธิ์ทางดีดสี

         ตัวผมเองก็เป็นครูอยู่หลา
ยปี
         ไหว้ตัวเองหนึ่งทีครานี้เอย
   
                                           (ม.ร.ว.คึกฤทธิ์  ปราโมช)                               

             
      
ทีมกลอนสด   ตามที่กล่าวแต่ต้นแล้วว่าในการ
แข่งกลอนสดนั้นกรรมการจะประกาศหัวข้อ หรือ
กระทู้ให้ทราบ   เช่นให้กระทู้ว่า
"เมืองหลวง" ให้เขียน
เป็นสักวา ความยาว ๑ บท จะเห็นว่ากระทู้นี้กว้างมาก
เราไม่สามารถจะทราบได้ว่า คนตั้งกระทู้ต้องการให้
เขียนถึงเมืองหลวงประเทศใด และในแง่ใด ในทีมจึง
ต้องมีคนที่หัวไว ในการขบหรือตีกระทู้ให้แตก ไว้
ประจำทีมอย่างน้อย ๑ คน
         
นักขบกระทู้  ถ้าเปรียบกับทีมวิ่งผลัด ก็คือนักวิ่ง
ไม้หนึ่ง จะต้องเริ่มต้นให้ดีที่สุด เช่นในที่นี้
กระทู้ว่า
"เมืองหลวง" ดูออกจะกว้างมากก็จริงอยู่ นักตีกระทู้
จะต้องตีให้ออกว่า การแข่งขันนี้ เป็นการแข่งในประเทศ
คงไม่มีกรรมการคนใด บ้าดีเดือดไปให้เขียนถึงเมือง
หลวงในยุโรป หรืออเมริกาแน่
        
เริ่มต้นดีมีชัย เมื่อตีกระทู้ได้แล้ว ต่อไปก็เป็นหน้า
ที่ของมือหนึ่ง คือคนที่ออกกลอนได้เร็วและ
คมคาย ชนิดผู้ชมฮือฮาถึงขนลุกซู่   จากนั้นก็ช่วยกันเขียนให้ครบ
จำนวน ๘ บรรทัด ในเวลา ๘ นาที !!!!!!!!!

                              (ร้อยกรองไทย)

 

                          b502.gif (42287 bytes)

           ตัวอย่างการเริ่มกระทู้  ตัวอย่างที่จะนำเสนอ
ต่อไปนี้ นำมาหนังสือเพชรคำกรอง เป็นงาน
กลอนที่ชนะเลิศ จากการประกวดทั้งสิ้น

๑)  กระทู้            "นักเอ๋ยนักรบ"
      เริ่มกระทู้     
ต้องเป็นศพจึงเห็นเป็นคนกล้า
                                                        
๒)  กระทู้          "ทะเอ๋ยทะเล"
     เริ่มกระทู้     
ดูว้าเหว่เวิ้งว้างความกว้างใหญ่
                                                    
๓) กระทู้            "พุทธศาสนาวันอาทิตย์"
     เริ่มกระทู้     
พุทธัง สรณัง คัจฉามิ

๔) กระทู้             "ร้อน"
      เริ่มกระทู้      
ถึงร้อนฟ้าร้อนฝนร้อนคนบาป
                                                      

         ตัวอย่างการจบกระทู้   เป็นเรื่องของธรรมชาติ
เมื่อขึ้นต้นก็ต้องลงท้าย   เรามาดูกันว่ากลอนที่ชนะเลิศ
ทั้งสี่สำนวนนั้น เขาลงท้ายกันอย่างไร จึงชนะใจ
กรรมการ

๑)  กระทู้         "นักเอ๋ยนักรบ"
     
เริ่มกระทู้    ต้องเป็นศพจึงเห็นเป็นคนกล้า
    จบกระทู้      พร้อมเสมอที่จะตายอย่างชายชาญ
                            เพราะต้องการค่าของศพนักรบเอย

                                         ของ สมศักดิ์   ศรีเอี่ยมกูล   

๒) กระทู้           "ทะเอ๋ยทะเล"
    
เริ่มกระทู้      ดูว้าเหว่เวิ้งว้างความกว้างใหญ่
   จบกระทู้       บุคคลใดไม่ประมาทอาจนำพา
               ชีวิตฝ่าผองภัยได้สุขเอย

                 ของ ศิวกานท์  ปทุมสูติ

๓) กระทู้           "พุทธศาสนาวันอาทิตย์"
     
เริ่มกระทู้      พุทธัง สรณัง คัจฉามิ
     จบกระทู้   โรงเรียนพุทธศาสนาวันอาทิตย์
                            จูงชีวิตใกล้วัดกระหวัดธรรม
                                 ของ   เพชรี  เพชรายุ   

๔)  กระทู้           "ร้อน"
    
เริ่มกระทู้         ถึงร้อนฟ้าร้อนฝนร้อนคนบาป
         จบกระทู้     ร้อนแผ่นดินจะอาศัยใกล้ลำเค็ญ
                            ไทยจงเห็นภัยนี้รีบหนีร้อน
                                      
                                   ของ วิธันว์  ศรีเมือง

                  ขอแถมกลอนคมคมให้อีกสักสำนวน
รับประกันความคมได้ ๑๐๐ เปอร์เซ็น เพราะ
คนแต่ง ชื่อทวน   สกุลธารา

                         
" เป็นลูกชายชาวนามาแต่เกิด
                        ก็ช่างเถิดที่ไม่อยู่ร่วมหมู่หงส์
                        ถึงเป็นกาแต่ก็ ... ทรนง
                        ทื่อพ่อคงไม่กล้า ...เรียกว่าทวน "


              ขึ้นแท่นรับรางวัล เมื่อเริ่มต้นดีมีชัย
จึงได้ขึ้นแท่นรับรางวัล ทีมกลอนสดที่ได้รับการ
ตัดสินให้เป็นผู้ชนะเลิศ ตามธรรมเนียม จะต้อง
กล่าวสักวาลาจาก ต่อท่านผู้ชม ผู้ร่วมแข่งขัน
และกรรมการทุกท่าน ถ้าเวลาเอื้ออำนวย
               ดังนั้น ทีมใดรู้ตัวล่วงหน้า ณ วินาทีใด
ต้องเริ่มแต่งบทสักวาลาจากทันที   เพราะจะมี
เวลาไม่มาก และทุกคนคาดหมาย จะได้ฟัง
คารมคมคาย   เพราะเป็นทีมชนะเลิศ
จึงต้องฉกฉวยเวลา เพื่อให้มีเวลาตรวจแก้ไข
ให้ดีที่สุด    สมกับเป็นผู้ขนะเลิศ
        
เสันทางสู่การขึ้นแท่นรับรางวัล เรา
กำลังก้าวมาถึงบทสุดท้าย ของการเรียน เขียน
กลอนกันแล้ว ต่อไปจะได้แนะนำถึงเทคนิคว่า
เขียนกลอนอย่างไรให้ชนะประกวด
       คุณเนาวรันต์  พงษ์ไพบูลย์    กวีซีไรท์
คนแรกของไทย เคยแนะนำไว้ว่า ประการแรก
ต้องแม่นฉันท์ลักษณ์ ซึ่งเป็นลักษณะบังคับ ของ
ร้อยกรองแต่ละประเภท ถ้าผิดฉันท์ลักษ์ถือว่า
ผิดร้ายแรง บางครั้งกรรมการก็ให้คะแนนเป็น
ศูนย์ไปเลย
               ถัดจากนั้นกรรมการจะดู อีก ๒ ประเด็น
ใหญ่คือ ด้านรูปแบบ กับเนื้อหา ดังนี้
               ๑) รูปแบบ ประกอบด้วย ฉันทลักษณ์
ภาษา ถ้อยคำ สำนวนโวหาร   ในด้านภาษา
ใช้ภาษาถูกต้องตามอักขรวิธี    ด้านถ้อยคำ หมาย
ถึงการใช้ถอยคำที่สุภาพ สละสลวย คำคาย
ด้านสำนวนโวหาร หมายถึงโวหารกวี ซึ่งเป็น
คุณสมบัติเฉพาะตัวของแต่ละคน ต้องสังเกต
จากการอ่านให้มาก
               ๒) ด้านเนื้อหา จะดูกันว่าตีกระทู้แตก
หรือไม่ ซึ่งได้คุยกันมาในเบื้องต้นแล้ว เขียนได้
ตรงประเด็นมากน้อยเพียงใด   คุณเนาวรันต์ 
กล่าวว่าถ้าเป็นกรรมการตัดสิน จะให้ความสำคัญ
ในหัวข้อนี้มากที่สุด จากนั้นจะมาดูในเรื่องความ
คิดสร้างสรรค์ ว่าได้นำเสนอสิ่งที่สร้างสรรค์
จรรโลงใจ ต่อบุคลและสังคมมากน้อยเพียงใด
ก็จะให้คะแนนไปตามนั้น
               สมมุติว่าคะแนนเต็มสิบคะแนน    
๘ คะแนน เป็นของ ๒ ข้อนี้ ที่เหลือ
อีก ๒ คะแนน ให้เป็นดุลยพินิจของกรรมการ
ว่าจะพอใจให้ผลงานใครได้รับคะแนน ที่เหลือ
อีก ๒ คะแนนไป ซึ่งผู้เขียนก็ขอเอาใจ ขอเป็น
ของคุณ ๆ ที่ศึกษาการเขียนกลอนจากเวบไซต์
นี้ทุกคน  โชคดีครับ
               อ้าว โอ๊ะ โอ๊ะ  ต้องขอประทานอภัย
เกือบลืมให้ตัวอย่างกลอนลา   มาดูกันเลยครับ

ตัวอย่างสักวาลาจาก

                                  สักวาลากันวันนี้แล้ว
                          จิตใจแป้วหวิวไหวให้วาบหวาม
                           พบเพื่อพรากจากกมลจากคนงาม
                           ขอฝากความคิดถึงสุดซึ้งทรวง
                               ฝากไมตรีจากใจไว้พินิจ
                            ฝากดวงจิตภักดีที่ห่วงหวง

                            ฝากทุกสิ่งทุกอย่างและทั้งปวง
                            ฝากทั้งดวงใจไว้ได้ไหมเอย 

                  
                                             (วิธันว์  ศรีเมือง)