พัฒนาการนโยบายรัฐบาล
เกี่ยวกับจังหวัดปัตตานี ยะลา นราธิวาส
 
..
   
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.)
   

 

สัญลักษณ์บนความตาย รหัสฮีโร่ ตำรวจ-ขจก.

           สังคมไทยร่วมกันค้อมหัวคารวะ ไว้อาลัย กับการสูญเสียตำรวจ ที่ชายแดนใต้อีกครั้ง โดยเฉพาะพ.ต.อ.มานิตย์ รัตนาวิน ที่รับรางวัล “คนดีศรีตรัง” ก่อนพลีชีพเพื่อชาติ เพียง 12 วัน
           ขณะที่อีกด้านหนึ่ง “แวหามะ แมเราะ” คนร้ายที่ตำรวจยิงเสียชีวิต ถูกจัดพิธี แบบไม่อาบน้ำศพ เพราะถือว่าตายเพื่อศาสนา มุสลิมจำนวนมากแห่ร่วมพิธี
           นี่คือโฉมหน้าแท้จริง สวนกระแสหลักที่คนทั่วไปรับรู้ นักวิชาการศาสนาเชื่อ นี่คือสัญลักษณ์ ให้คนหน่มมุสลิมฮึกเหิม ร่วมขบวนการเป็นตัวตายตัวแทนต่อไปไม่สิ้นสุด หากรัฐยังแก้ปัญหาชายแดนใต้แบบทุ่มกำลัง
           กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจล้อมจับสมาชิกขบวนการมูจาฮีดีนที่ปัตตานี เมื่อ 28 สิงหาคมที่ผ่าน จนทำให้ตำรวจ ถูกยิงเสียชีวิต 3 นาย คือพ.ต.อ.มานิตย์ รัตนาวิน ผกก.สภ.อ.เมืองปัตตานี พ.ต.ท.มนตรี มูลพินิจ รองผกก.ป. และจ.ส.ต.รุ่งโรจน์ กาหมอ ส่วนหัวโจกมูจาฮีดีน ที่เสียชีวิตคือนายแวหามะ แมเราะ
           การเสียชิวิตของนายแวหามะ แมเราะ ทางญาติได้นำศพไปทำพิธีฝังศพโดยไม่มีการอาบน้ำศพ ที่บ้านบูดี หมู่ 6 ต.บูดี อ.เมือง จ.ยะลา เพราะถือว่า เขาตายในหนทางของศาสนา ส่วนนายนะเซร์ สะนิง ขจก.อีกรายที่ที่ถูกตำรวจยิงตาย ถูกนำไปฝังโดยไม่มีการอาบน้ำศพเช่นกัน เนื่องจากได้บอกกับนางรอมละห์ สาเยาะ มารดาไว้ก่อนแล้วว่า ถ้าถูกตำรวจยิงตาย ก็ไม่ต้องอาบน้ำศพ เพราะเป็นการตาย เพื่อต่อสู้กับความไม่เป็นธรรมและตายเพื่อพระเจ้า
           การเสียชีวิตของสองมูจาฮีดีนทั้งคน เป็นที่น่าสังเกตุว่า มีคนหนุ่มมุสลิมเข้าร่วมในพิธีศพเป็นจำนวนมาก จนเกิดคำถาม ในหมู่เจ้าหน้าที่ของรัฐ ว่าเป็นเพราะเหตุใด และทำไมพิธีศพจึงแตกต่างไปจากมุสลิมทั่วไป
           จากกรณีดังกล่าว แหล่งข่าวซึ่งเป็นนักวิชาการ สถาบันอุดมศึกษาในพื้นที่ท่านหนึ่งกล่าวถึงเรื่องนี้ว่า การเสียชีวิต ในหนทางการต่อสู้เพื่อศาสนา หรือการตายชาฮีตของบุคคลหนึ่งได้นั้น เกิดขึ้นเมื่อมีเงื่อนไขและองค์ประกอบครบถ้วน จึงสามารถพิจารณาว่าเขาตายชาฮีต ทั้งเรื่องการกระทำและความบริสุทธิ์ใจของเขาเอง ถ้าหากการเคลื่อนไหวของเขา เป็นไปเพื่อปกป้องศาสนา ก็เข้าไปอยู่ในกลุ่มผู้ตายชาฮีต ซึ่งไม่ต้องมีการอาบน้ำศพ เพราะเลือดที่ไหลออกมาจะเป็นพยานการต่อสู้ของเขา และเขาจะเข้าสูสวรรค์โดยไม่มีการสอบสวน ซึ่งการตายของนายแวหามะ แมเราะนั้น เท่าที่เห็นคนปัตตานีถือว่าเป็นการตายที่ดี
           ส่วนกรณีดังกล่าว จะทำให้เกิดแนวร่วมรุ่นใหม่เพื่มมากขึ้นหรือไม่นั้น แหล่งข่าวรายเดิมกล่าวว่า เป็นไปได้ เพราะมีคนหนุ่มมุสลิมหลายคนที่มีความหึกเหิม เพราะคนหนุ่มพวกนี้เขามีความกล้าหาญ มีจิตใจที่เข้มแข็งเพื่อศาสนา พอใจที่จะเลือกทางนั้น จึงมีปรากฏการณ์ที่ว่า แม้ตายไปหนึ่งจะมีตัวแทนขึ้นมาอีก 3 ซึ่งเห็นได้ จากกรณีปาเลสไตน์กับอิสราเอล
           “เป็นความล้มเหลวของรัฐบาล ที่ไปดูถูกพวกนี้ว่าเป็นโจรก่อการร้ายบ้าง ผู้ก่อการร้ายบ้าง หรือโจรห้าร้อย ทั้งที่เขาเป็นนักเคลื่อนไหวเพื่อศาสนา การกล่าวหาเช่นนี้ เป็นการสร้างความหวาดระแวง ให้กับคนในพื้นที่ รัฐบาลต้องทบทวนมาตรการแก้ปัญหา โดยเฉพาะ การทุ่มกำลังปราบปราม และไม่ต้องใส่ใจ กับอิทธิพลจากภายนอกประเทศ ที่ขัดกับความรู้สึกของพลเมือง เพราะจะยิ่งเกิดความไม่ไว้วางใจต่อรัฐมากขึ้น รัฐต้องกล้าตัดสินใจ” แหล่งข่าวรายเดิมกล่าว
           สำหรับศพของพ.ต.อ.มานิตย์ ได้รับพระราชทานเพลิงศพไป เมื่อวันที่ 2 กันยายน ณ เมรุวัดแหลมทราย อ.เมือง จ.สงขลา และ ศพของ พ.ต.ท.มนตรี ณ เมรุวัดนพวงศาราม อ.เมือง จ.ปัตตานี ส่วนศพของจ.ส.ต.รุ่งโรจน์ กาหมอ ญาติได้ทำพิธี ทางศาสนาอิสลามไปแล้วเช่นเดียวกัน
           พ.ต.อ.มานิตย์ เพิ่งได้รับรางวัล คนดีศรีตรัง ของสมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยสงขลานครินร์(มอ.) เมื่อ 16 สิงหาคม ที่ผ่านมา ซึ่งพ.ต.อ.มานิตย์ เป็นศิษย์เก่า คณะวิทยาการจัดการ ปริญญาโท สาขารัฐประศาสนศาสตร์ ปี 2539
           ผศ.สุพจน์ โกวิทยา รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนานักศึกษา มอ.วิทยาเขตหาดใหญ่ กล่าวถึงพ.ต.อ.มานิตย์ ในฐานะประธานกรรมการ คัดเลือกศิษย์เก่าดีเด่น เพื่อรับรางวัล“คนดีศรีตรัง”ว่า พิจารณาจากการตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ ทำงานด้ายความสื่อสัตย์สุจริต เสียสละทุ่มเทเพื่อสังคม เป็นคนดีของสังคม สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รู้สึกเสียใจมาก เพราะเป็นบุคลากร ที่มีคุณภาพคนหนึ่ง และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่คิดว่าจะเกิดกับท่าน เพราะรวดเร็วมาก
           ผศ.สุพจน์ กล่าวอีกว่าในฐานะที่เคยสอนวิชารัฐประศาสนศาสตร์ว่า เท่าที่รู้จักกับนายตำรวจท่านนี้ เป็นคนที่เรียบง่ายมาก ชอบสะพายเป้ ซึ่งครั้งแรกที่เห็น ก็คิดอยู่ในใจว่า ทำไมจึงเป็นคนที่เรียบง่ายเช่นนี้ ช่วงที่พ.ต.อ.มานิตย์ เรียนปริญญาโท รัฐประศาสนศาสตร์ มอ.หาดใหญ่ จะนั่งแถวหน้า และมีการแลกเปลี่ยน ความคิดเห็นเสมอ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า มาเรียนไม่ใช่เพื่อต้องการเอาปริญญาเท่านั่น แต่ต้องการที่พัฒนาตัวเองมากกว่า
           นางประภัสสร สุขพฤกษ์ กรรมการชมรมศิษย์เก่า คณะวิทยาการจัดการ มอ.หาดใหญ่ ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่น รัฐประศาสนศาสตร์กับพ.ต.อ.มานิตย์ กล่าวว่าเป็นคนดีมาก เป็นที่รักใคร่ของเพื่อนร่วมรุ่น เวลาเรียน มักจะถามตลอดเวลา เพราะความเป็นคนกล้าหาญและมีควมรับผิดชอบ กลุ่มเพื่อน จึงเสนอต่อคณะให้เป็นคนดีศรีตรัง รู้สึกช็อคและเสียใจมาก กับเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะคิดไม่ถึง ซึ่งตนเองเป็นคนร่างคำประกาศเกียรติคุณ พ.ต.อ.มานิตย์ ในงานศรีตรังคืนถิ่น ก่อนท่าน เสียชีวิตเพียง 12 วัน

ฉบับที่ 297 6-12 กันยายน 2546
เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2546 เวลา 18:25:33 น.