ประวัติและปฏิปทา

หน้าแรก ประวัติและปฏิปทา ธรรมและคำสอน รูปภาพ

โอ้ โพธิ์พฤกษ์เย็น คุณะเด่นเกษมสรรพ์ บัดนี้ พระดับขันธ์ ดุจะ โพธิหักลาญ

๑๓. ตายแล้วไปไหน

ครั้งนั้น เมื่อหลวงปู่ดูลย์อยู่รับการอบรมสั่งสอน และปฏิบัติอาจาริยวัตรแด่พระอาจารย์ใหญ่นานพอสมควร ก็ได้กราบลาปลีกตัวออกธุดงค์แสวงหาความวิเวกต่อไป

ในช่วงนี้ (พ.ศ. ๒๔๖๓) คาดว่าหลวงปู่จะธุดงค์ไปทางจังหวัดสุรินทร์ระยะหนึ่ง แล้วจึงขึ้นไปทางอิสานเหนือ ไปทาง อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร โดยมีสามเณรติดตามไปด้วยองค์หนึ่ง

หลวงปู่และเณรได้อธิษฐานจำพรรษาที่ชายป่าแห่งหนึ่ง ใกล้ บ้านกุดก้อม

ต่อมาไม่นานนัก สามเณรก็อาพาธ (ป่วย) เกิดเป็นไข้หนาวอย่างแรง หยูกยาจะรักษาก็ไม่มี ในที่สุดสามเณรก็ถึงแก่มรณภาพ ลงไปต่อหน้าต่อตา ด้วยสภาพที่ชวนสังเวชยิ่งนัก

หลวงปู่เล่าให้ฟังว่า "สงสารเณรมาก อายุก็ยังน้อย หากมียารักษา เณรคงไม่ตายแน่"

ครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ ๒ ที่หลวงปู่ได้อยู่ใกล้ชิดกับความตาย คือ ครั้งแรกเมื่อจำพรรษาที่สำนักป่าท่าคันโท จังหวัดกาฬสินธุ์ เมื่อพระสหธรรมิก ของท่านรูปหนึ่งได้มรณภาพในกลางพรรษา

จากการที่สามเณรมรณภาพในครั้งนั้น หลวงปู่ได้คอยสังเกต พิจารณาอาการตายของคนเราว่าเป็นอย่างไร จิตหรือวิญญาณออกไปทางไหน หรืออย่างไร ท่านได้เห็นแจ้งโดยตลอด

ด้วยเหตุผลบางประการ ท่านเจ้าคุณ พระโพธินันทมุนี (อดีต พระครูนันทปัญญาภรณ์) เห็นว่าไม่สมควรที่จะบันทึกไว้ในที่นี้

ในหนังสือ หลวงปู่ฝากไว้ หลวงปู่พูดถึงความตาย หรือตายแล้วไปไหน อยู่ตอนหนึ่งเหมือนกัน เรื่องนี้อยู่ภายใต้หัวข้อ ต้องปฏิบัติจึงหมดความสงสัย ซึ่งบันทึกไว้ว่า :-

เมื่อมีผู้ถามถึงการตาย การเกิดใหม่ หรือถามถึงชาติหน้าชาติหลัง หลวงปู่ไม่เคยสนใจที่จะตอบ หรือเมื่อมีผู้กล่าวค้านว่าเชื่อหรือไม่เชื่อ ว่านรกสวรรค์มีจริงหรือไม่จริงประการใด หลวงปู่ไม่เคยค้นคว้าหาเหตุผลเพื่อจะเอาค้านใคร หรือไม่เคยหาหลักฐาน เพื่อยืนยันให้ใครยอมจำนนแต่ประการใด ท่านกลับแนะนำว่า

ผู้ปฏิบัติที่แท้จริงนั้น ไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงชาติหน้าชาติหลัง หรือนรกสวรรค์อะไรก็ได้ ให้ตั้งใจปฏิบัติให้ตรงศีล สมาธิ ปัญญา อย่างแน่วแน่ก็พอ

ถ้าสวรรค์มีจริงถึง ๑๖ ชั้น ตามตำรา ผู้ปฏิบัติดีแล้วก็ย่อมได้เลื่อนฐานะของตนเองโดยลำดับ

หรือถ้าสวรรค์นิพพานไม่มีเลย ผู้ปฏิบัติดีแล้วในขณะนี้ ก็ย่อมไม่ไร้ประโยชน์ ย่อมอยู่เป็นสุข เป็นมนุษย์ชั้นเลิศ

และในตอนท้าย หลวงปู่สอนว่า :-

การฟังจากคนอื่น การค้นคว้าจากตำรานั้น ไม่อาจแก้ข้อบกพร่องข้อสงสัยได้ ต้องเพียรปฏิบัติ ทำวิปัสสนาญาณให้แจ้ง ความสงสัยก็หมดไปเองโดยสิ้นเชิง

หน้าต่อไป