โฮมเพจเนค สารพัดดอทคอม - เว็บไซต์เพื่อสาระและการลิงค์
งาน job IseeJob หาคนให้เหมาะกับงาน -หางานให้เหมาะกับคนอย่างง่ายๆตรงตามใจคุณBanner2U !!! Free Free Free
:––––•(-•CandyZa•-)•––––Doraemon โดราเอมอนปลาทะเลที่สวยงาม และประวัติของปลา
Songokehit ร้องเพลงคาราโอเกะที่เหมือนใน CD ทั่วไปWHITESHIRT อิสระ..เพื่อคุณEasyHorpak.com ชีวิตที่ง่ายขึ้น
เรื่องน่าอ่านและสาระน่ารู้จุดนัดพบนักอ่าน นักเขียน ทุกเพศทุกวัย
Jayday Material --->> ฟรีภาพตกแต่งเว็บ+ไดอารี่+MSN**บ้านหลังเล็กของไผ่น้อย**ฅนโสตฯ<มองผ่านเลนส์>
~M || tO gE tHEr~  Free Materialbodybeauty_blink สวยแบบไม่แพงการันตี
กิ๊กไม่ใช่ชู้แฟนรู้ก็ไม่เลิกPostJung.com เวบเพลง Online เพลง Update Intrend, หาเพื่อน MSN, Diary, Webboad โพสท์รูปซะใจ, PhotoAlbum ฯลฯ...Click เลยabday.com : เก็บรูปสวย ภาพถ่าย สีสัน..+
trainingthai.com :: ทุกฝึกอบรม ทุกสัมมนา ค้นหาได้ที่นี่ getrichquick.in.th :: หนทางสู่อิสรภาพทางการเงินM-education.co.th
chickendiary

เรื่องน่าเบื่อบนท้องถนน ตอนรถเมล์01

สวัสดีทุกท่าน ไม่ทราบว่ามีกี่คนในที่นี้ (คนที่เข้ามาอ่าน) ขับรถส่วนตัวกันบ้างครับ?? คุณคงเจอเหตการณ์แบบเดียวกับที่ผมเจอแน่นอน "รถเมล์" ผมไม่เข้าใจจริงๆครับทำไมคนขับรถเมล์แทบทุกคนถึงขับรถได้สไตล์เดียวกันขนาดนี้ ไม่รู้ว่ามีโรงเรียนฝึกหัด (Bus Driver Academy) หรือยังไง

คุณเคยสังเกตุไหมว่า คุณคนขับเนี่ยเขาคงคิดว่ารถเขาเนี่ยแรงมาก นี่คือสิ่งที่ผม (และคนอื่นๆอีกหลายคน) โดนมาครับ เราติดไฟแดงกันอยู่ แล้วคุณ รถเมล์เนี่ย มันอยู่ต่อจากผมครับ ผมเองก็ไม่ได้อยู่หน้าสุดหรอกมีคันอื่นๆอีก 2-3 คัน ตอนไฟเริ่มเขียวนะ แบบเสี่ยววินาทีที่เขียวเลยนะ พี่แกกระพริบไฟเร่งครับ โอ้ โฮ อยากจะลงไปบอกพี่ว่า มันเพิ่งจะเขียวเองพี่ รถข้างหน้ามันก็ยังไม่ขยับ พี่จะเปิดไฟเร่งไปหาบุพการีที่ไหนครับ รถพี่ก็ออกจะสูงทำไมไม่เห็นเหรอครับว่ารถข้างหน้าผมยังไม่ขยับ โอเค พอรถเริ่มขยับ ผมก็เร่งให้พี่ เห็นพี่รีบร้อน ผมแอบดูกระจกหลังนิดนึงว่าพี่เขาตามเราอยู่เปล่า ปรากฎว่าพี่โดนอีก 3-4 คันปาดหน้าพี่เรียบร้อยแล้ว ........................ มาทำเป็นเร่งเรา

เรื่องเกี่ยวกับรถเมล์มีอีกเยอะครับ แล้วจะมาระบายให้อ่านกันอีก ขอบคุณครับ

โดย Soluna

เรื่องน่าเบื่อบนท้องถนน ตอนรถเมล์02

สวัสดีครับ พี่ น้อง ผมมาอีกแล้วครับ ขอบคุณที่อุตสาห์ (หลง) เข้ามาอ่านกันครับ โอเค มาเข้าเรื่องกันดีกว่า คุณๆ ไม่ว่าจะเป็นคนขับรถส่วนตัว หรือ เป็นผู้โดยสารเคยสงสัยกันไหมว่า ป้ายรถเมล์อยู่ตรงไหนกันแน่

คืออย่างนี้ครับ ผมเนี่ยเป็นทั้งคนขับรถ (ส่วนตัว) และผู้โดยสาร ผมเคยนึกเสมอว่าป้ายที่เขาทำขึ้นมาไว้เป็นสัญลักษณ์บอกว่านี่คือ "ป้ายรถเมล์" มีไว้เพื่อให้รถเมล์มาจอดรับตรงจุดนั้นๆ แต่ตอนนี้ผมเริ่มไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ ผมเองเคยยืนรอรถที่ป้ายครับ แบบว่ารออย่างใจจดใจจ่อ อากาศก็ร้อน เหงื่อไหลเป็นน้ำตก นึกในใจ "มายังๆๆ " สายอะไรคงไม่ขอเอ่ยนะครับ (ไม่อยากประจานกันเต็มๆ) พอเราเริ่มมองเห็นจากไกลๆ ไอ้เราก็นึกในใจ "เอาหล่ะ มาละจะได้ไม่ต้องยืนตากแดดให้เหงื่อตกกรีบ " รถใกล้เข้ามาครับ ใกล้เข้ามา เราเองก็เตรียมขึ้นเต็มที่ ยืนอยู่ขอบถนน สักพักเริ่ม เอ่ะใจ ทำไมพี่แกยังขับอยู่เลนกลาง คิดว่าเอาน่า เดี๋ยวแกคงหักเข้ามารับ ใกล้เข้ามายิ่งขึ้น แกก็ยังไม่เข้ามาอีก สุดท้ายผมถอยหลังกลับไปยืนรอที่เดิม เพราะพี่แกหักออกไปอยู่เลนนอกสุดเลยครับ

แล้วไม่รู้ว่าพี่คนขับ ความรู้สึกช้าหรือยังไง หรือใจจริงพี่เขาหวังดีอยากให้คนออกกำลังกายกัน เลยจอดมันเลยป้ายซะงั้น แบบให้คนรอรถรู้สึกสิ้นหวังแล้วนึกในใจว่า "รถไม่จอดป้าย (อีกแล้ว)" แล้วก็ให้ความหวังกับคนรอใหม่ โดยการไปจอดเอา 5-10 เมตรจากป้าย แล้วให้วิ่งตามไปขึ้นกัน ทำเอาผู้โดยสารสุขภาพดีกันถ้วนหน้า ช่างประเสริฐจริงๆ

ทีนี้กลับมาตอนขับรถบ้าง งวดนี้เราขับตามมันบ้าง กลัวพี่เขากระพริบไฟใส่เราอีก พอใกล้ถึงป้ายรถเมล์ (ที่พี่แกควรจะจอดรับผู้โดนสาร) ไอ้เราก็นึก (เหมือนตอนรอรถ) เดี๋ยวพี่แกคงเข้าไปจอด พอใกล้ป้ายมากขึ้น เราก็นึกอีก "เดี๋ยวพี่เขาคงจอดเลยป้ายนิดๆ (สัก 4-10 กม เอ้ย!! 4-10 เมตร)" โอ้ โฮ พี่น้องครับ !! งวดนี้ พี่แกจอดตรงป้ายครับ แต่เล่นจอดเอาเลนกลางเลย บ้างก็จอดเลนที่ 3 เพิ่มความเร้าใจให้แก่ผู้ที่กำลังจะลงจากรถเป็นอย่ามาก คนที่จะลงคงนึกในใจ "เราจะโดนมอเตอร์ไซ รถยนต์ หรือรถเมล์ด้วยกันสอยไหมวะ ถ้าเป็นได้ขอรถยนต์ยี่ห้อเบนซ์แล้วกัน คงพอคุ้มกันหน่อย"

ผมว่านะพี่คนขับคงคิดว่าป้ายรถเมล์เป็นจุดบอกระยะทาง ว่าพี่แกขับมาไกลขนาดไหนแล้ว หรือว่าที่โรงเรียนฝึกหัด (Bus Driver Academy) สอนว่า คุณสามารถจอดได้รับผู้โดยสารได้ทุกจุดภายในรัศมี 10 เมตรจากป้ายรถเมล์ (ถ้าอยากจอด)

เรื่องของพี่รถเมล์ยังมีอีกแน่นอน แล้วจะมาระบายใหม่ เดี๋ยวว่าจะใช้บริการพี่เขาวันนี้ด้วย เพื่อมีอะไรใหม่ๆมาเขียน ขอบคุณที่อ่านกันจนถึงตรงนี้นะครับ

โดย Soluna

เรื่องน่าเบื่อบนท้องถนน ตอนรถเมล์03

ขอบคุณทุกท่านที่ (ทน) อ่านกันมาถึงตรงนี้ บางคนหรือหลายคนคงคิดว่าผมควรจะเปลี่ยนไประบายเรื่องอื่นได้แล้ว อืม….. ยังครับ เรายังอยู่กับพี่รถเมล์อยู่ ไม่ใช่อะไรหรอกครับ พอดีเมื่อวานเพิ่งใช้บริการพี่เขามา คือไม่อยากขับรถไปเองนะครับ ชีวิตนี้อยากมีคนขับรถบ้าง เพื่อนถามมายังไง ก็จะได้ตอบไปว่าให้คนขับรถมาส่ง ฟังดูดีนะครับว่าไหม

โอเค มาเริ่มกันดีกว่าครับ ผมอยากจะจำแนกพี่คนขับออกเป็น 2 พันธุ์ พันธุ์แรกจะเป็นพวกอยากรับผู้โดยสารมากๆๆๆๆ (จนโอเวอร์) ส่วนอีกพันธุ์จะเป็นพวก ไม่ค่อยอยากจะรับเท่าไหร่ ประมาณว่าที่บ้านพอมีกินอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องรับผู้โดยสารเยอะก็ได้ ที่มาขับเนี่ยแค่อยากขับรถใหญ่ เวลาเปลี่ยนเลน ก็มีแต่คนเกรงใจ หลบกันหมดเลย

แล้วเราจะทำยังไงที่จะรู้ว่าคันไหนเป็นพันธุ์ไหน เราสังเกตกันได้ง่ายๆครับ คือพวกพันธุ์แรกเนี่ย มักจะรีบเข้ามารับผู้โดยสารอย่างทันทีทันใด แล้วพวกนี้จะไม่ยอมจากไปง่ายๆครับ แกอาจจะจอดเลยป้ายมานิดนึง แล้วแกจะไม่ไปไหน คือคนขับพันธุ์นี้จะเป็นพวกใจบุญมากครับ จะรอผู้โดยสารอย่างอดทน กลัวว่าจะขึ้นกันมาไม่ทัน แล้วแกยังจะสังเกตผู้คนที่เดินลงมาจากสะพานลอยด้วย ใครก็ตามถ้าได้สบสายตากับพี่แกปุ๊บ หรือแค่พี่เขารู้สึกว่าคนที่ลงนั้นมองมาที่รถเขา ไม่ว่าคนๆนั้นจะแค่กวาดตามองไปทั่วๆ หรือว่าจะมองไปยังรถด้านหลังก็ตาม จากที่รถกำลังจะขยับตัวนั้น พี่แกจะเปลี่ยนมาเหยียบเบรกทันที ซึ่งส่วนใหญ่เท่าที่ผมประสบมานั้น พี่แกรอเก้อทุกทีครับ พอพี่แกมั่นใจว่าไม่มีใครจะขึ้นอีกแล้ว พี่แกจะไม่มีการออกตัวอย่างกระโชกโฮกฮาก นะครับ ไม่มีออกเอี๊ยด ล้อฟรีฝุ่นตลบ ไม่เกิดขึ้นกับคนขับประเภทนี้ครับ เขาจะค่อยๆบรรจงปล่อยคัตช้าๆ ให้รถไหลเอื่อยๆ สายตาพี่แกก็จะเหลือบมองกระจกหลังและข้างตลอดเวลา แล้วก็นึกในใจ “จะมีมาอีกไหมเนี่ย จะมีไหมๆๆๆ” กว่าพี่จะออกจากท่าได้เพื่อนพี่อีกคัน (สายเดียวกัน) มาจ่อพี่แล้ว

ส่วนคนขับอีกพันธุ์นึง สังเกตได้ง่ายๆเช่นเดียวกัน พี่พวกนี้เขาจะมองกระจกข้างเหมือนกับพี่พวกแรก แต่ต่างจุดประสงค์กัน คือพี่พวกนี้จะไม่ได้ดูว่ามีใครจะขึ้นอีกไหม แต่จะดูว่าขึ้นเป็นคนสุดท้ายหรือยัง ถ้าสุดท้ายแล้ว คนสุดท้ายจะได้ตื่นเต้นกับชีวิตหน่อย คือ เมื่อเท้าแรกก้าวขึ้นบนตัวรถปุ๊บ รถจะเคลื่อนตัวออกทันที และบ้างแค่มือจับตรงที่จับทางขึ้นปุ๊บ รถก็เริ่มออกตัวแล้ว ทำให้คนขึ้นคนสุดท้ายต้องมีการออกกำลังกายกันนิดนึง

ทีนี้ลองมานึกดูว่า ถ้าเกิดพี่คนขับประเภทนี้มาเจอกับคนขับพันธุ์แรกด้วยแล้วจะเกิดอะไรขึ้น (ซึ่งที่จริงมีให้พบเห็นกันบ่อย) อันนี้ประสบการณ์ตรงของผมสดๆร้อนๆ (พอดีคันที่ผมจะขึ้นเป็นพวกประเภทที่สอง) ผมก็ยืนมองพี่คนขับประเภทหนึ่งอยู่เห็นพี่แกรอมานานละแต่ยังไม่ประสบความสำเร็จซะที แล้วก็หันไปเห็นรถคันที่ผมจะขึ้นมาแล้ว เช่นเดิม ผมก็ออกไปยืนริมทางเดินเพื่อเตรียมขึ้น เนื่องจากพี่คนขับประเภทแรกแกรอผู้โดยสารนานไปหน่อย ทำให้รถเริ่มหนาแน่น มีรถอีกคันอยู่ระหว่างพี่คนขับพันธุ์แรกกับคันที่ผมจะขึ้น (ซึ่งเป็นพันธุ์ที่สอง) พอพี่คนขับคันที่ผมจะขึ้นเห็นคนโบกมือเรียกจอดเท่านั้นแหล่ะ พี่ น้อง ครับ !! เชื่อหรือไม่ แกตบไฟเปลี่ยนเลนออกทันที ไม่ทราบแกเป็นโรคกลัวผู้โดยสารหรือยังไง ผมเลยยอมหน้าด้านวิ่งไปหาพี่เขาแทน ก็เลยได้ขึ้น และต้องขอบคุณพี่คนขับประเภทแรกที่ทำให้รถติด ทำให้ผมไม่ต้องออกกำลังกายก่อนขึ้น

สุดท้ายที่ผมสังเกตได้อีกอย่าง ส่วนใหญ่รถที่มีคนขับพันธุ์แรกมักจะเป็นรถไม่ปรับอากาศ ส่วนอีกพันธุ์รถจะเป็นแบบปรับอากาศ (มีแอร์) จบครับ

ขอบคุณมากๆครับที่(ทน)อ่านกันจนจบ ขอบคุณครับ

โดย Soluna

เรื่องน่าเบื่อบนท้องถนน ตอน ขอแถม

สวัสดีครับพี่ น้อง ขอโทษทีครับที่หายไปนาน พอดีไปยุ่งกับการปรับปรุงหน้าตาเว็บ และงานอื่นๆอยู่ เลยไม่ได้เข้ามาเขียนเพิ่มเติมเท่าไหร่

โอเค มาเข้าเรื่องกันดีกว่าครับ หลายๆคนที่ขับรถคงต้องเคยเจอกับเหตุการณ์นี้เป็นแน่ คือพวกขอแถม คงสงสัยกันล่ะสิพวกขอแถมคืออะไร ผมอยากให้คุณนึกภาพสี่แยกนะ และคุณกำลังรถติดอยู่ตรงไฟแดง ซึ่งเดี๋ยวนี้เป็นแบบมีตัวเลขนับถอยหลัง (สำหรับแยกใหญ่) เพื่อเป็นการบอกให้รู้ว่าจะเขียว จะแดงกันเมื่อไหร่ เมื่อตอนที่ตัวเลขสีแดงหน้าเราเริ่มเข้าใกล้ศูนย์ โดยปกติแล้วฝั่งที่เป็นไฟเขียวนั้น จะต้องเปลี่ยนเป็นแดงก่อนสัก 3 - 4 วินาที จังหวะนี้แหล่ะจะมีพวกขอแถมวิ่งผ่านหน้าเราไป ซึ่งมันเป็นสิ่งที่อันตรายมาก ปกติแล้วผมจะไม่ใส่ใจพวกนี้เลย แต่ถ้าเป็นวันที่รถติดขึ้นมา ไอ้พวกขอแถมนี้มันจะสร้างความรำคาญใจแก่เราอย่างยิ่ง ผมเพิ่งประสบมากับตัวเองเลยครับพี่ น้อง ตรงแยกใหญ่ๆแห่งหนึ่ง คุณเอ๊ย!! ผมต้องขับอ้อมหลบพวกขอแถมอย่างกับไปกลับรถมา หางแถวยาวจัด ผมสงสัยมากเลยครับว่าพี่จะรีบกันไปไหนรออีกไฟเขียวอีกรอบคงไม่ได้ทำให้พี่ไปธุระไม่ทันหรอก คือเท่าที่ผมสังเกตมานะ ไอ้พวกขอแถมที่ขวางอยู่กลางถนนเนี่ย กว่ามันจะขยับได้กัน ไอ้ไฟแดงที่พี่ควรจะจอดก็เปลี่ยนเป็นเขียวพอดี คือพี่ไปรอหลังไฟแดงก็มีค่าเท่ากัน ไม่เข้าใจจริงๆ

ขอบคุณทุกคนที่อ่านครับ

โดย Soluna

รถแต่ง vs มือถือแต่ง

สวัสดีครับทุกท่าน วันนี้ผมไม่ได้มาเล่าเรื่องหรือมาบ่นอะไรหรอกครับ เพียงแต่มันอดคิดไปไม่ได้จริงๆครับ ผมเชื่อว่าทุกท่านที่ขับรถ หรือจะเป็นผู้โดยสารก็ตาม ต้องเคยได้เห็นรถแต่งกันใช่ไหมครับ ผมสังเกตเห็นความเหมือนบางอย่างระหว่าง รถแต่งกับมือถือแต่ง คุณสังเกตกันไหมว่ารถแต่งเดี๋ยวนี้ มักจะติดไฟกันในที่ต่างๆ (แปลกๆ) เหมือนกับในหนัง 2 Fast 2 Furious หรือ เปลี่ยนไฟหน้าเป็นไฟสีขาวบ้าง ให้เหมือนเบนซ์น่ะ (คือไม่มีตังซื้อเบนซ์ ขอแค่ไฟสีเดียวกันก็ยังดี อิอิ) โอเค แล้วคุณจำกันได้ไหมเอ่ย มือถือรุ่นก่อนๆ ที่ยังไม่เป็นจอสี ช่วงนั้นส่วนใหญ่สีที่จอจะออกเป็นสีเขียวๆ และถ้าโทรศัพท์รุ่นดีๆหน่อย (แพง) ก็จะมีจอสีขาว หรือสีฟ้า ซึ่งในยุคนั้น ก็จะมีพวกที่เปลี่ยนไฟโทรศัพท์มือถือตัวเองให้เป็น สีฟ้าบ้าง ขาวบ้าง คือเปลี่ยนแค่ไฟมันถูกดี ผมขอสารภาพครับว่า ผมก็เอา โมโตของผม ไปเปลี่ยนเป็นสีฟ้ามา หลังจากนั้นอีกไม่กี่เดือน ไฟดับไปเลยท่าน กลับมาที่รถแต่งอีกนิดครับ บางคันยังไปติดไฟกระพริบหลายๆสีอีก อันนี้ยิ่งเหมือนกับมือถือเข้าไปใหญ่เลย พวกที่เวลามีคนโทรเข้ามา แล้วจะมีไฟวิ่งกระพริบหลายๆสี จนทำให้ผมอดนึกขึ้นมาเล่นๆไม่ได้ว่า อีกหน่อยรถเราจะมีซองซีลิโคนสำหรับรถด้วยหรือเปล่า

ขอบคุณครับ

โดย Soluna

::10 ข้อความล่าสุด:: l ดูทั้งหมด l l ตั้งกระทู้ใหม่ l
Enter to M T h A ! 100HOT Sites and Vote for 
this Site!!!
Ra Bai
Advertisement
Ra Bai Sample
Ra Bai Neighbours
Copyright 2005
Ra Bai Board
Ra Bai Needs Your Vote
Ra Bai
Board
ขอขอบคุณแหล่งข่าวดังนี้:
ไทยรัฐ - เดลินิวส์ - คมชัดลึก - ผู้จัดการ - มติชน - ข่าวสด - ไทยโพส - แนวหน้า - กรุงเทพธุรกิจ - สยามรัฐ - บ้านเมือง - ฐานเศรษฐกิจ - เสรีรายวัน - บางกอกโพสต์ - โพสต์ทูเดย์ - เนชั่น - บิสิเนสไทย - กระแสหุ้น - ประชาชาติธุรกิจ - BEC - สยามธุรกิจ
      Home              PicPost             Contact us       Link Exchange
Ra Bai
Board
Ra Bai
PicPost  Sample