พระราชดำรัส
ของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานแก่คณะบุคคลต่างๆ
เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา
เมื่อวันพุธที่ 4 ธันวาคม 2545
ณ ศาลาดุสิดาลัย พระราชวังดุสิต

ขอขอบใจท่านทั้งหลายที่ได้มาในโอกาสวันนี้ ซึ่งเป็นวันก่อนวันเกิด และขอขอบใจท่านนายกรัฐมนตรีที่ได้อวยพรในนามของท่านที่อยู่ในศาลานี้และทั้งข้างนอก ทั้งคนที่อยู่นอกวัง นอกกรุง ให้พร ซึ่งก็เป็นสิ่งที่มีพลังเพราะว่าคนจำนวนมากมาให้พรก็น่าจะเป็นผลดี
ก็ต้องขอบใจที่ได้กล่าวถึงกิจการที่ได้ทำมาตลอด มีสิ่งหนึ่งที่ท่านไม่ได้กล่าวถึงและเป็นสิ่งที่เป็นความเดือดร้อนของชาติบ้านเมืองมาเป็นเวลานาน ประมาณ 50 ปี ซึ่งเป็นเรื่องของยาเสพติด ซึ่งยาเสพติดนั้นมีมาก่อนเป็นเวลานาน แต่เป็นยาเสพติดที่ไม่มีความรุนแรงมากนัก คือที่เขาสู้กันเรื่องฝิ่น จนกระทั่งพูดถึงสงครามฝิ่นเฉพาะในเมืองจีน สงครามฝิ่นนั้นโดยมากคนจะนึกถึงว่าชาวจีนสูบฝิ่น ซึ่งอาจจะเป็นจริง แต่ว่าสงครามฝิ่นนั้นมาจากฝรั่ง ฝรั่งเป็นผู้ก่อสงครามฝิ่นเพราะว่าญี่ปุ่นตีเมืองจีนและอยากจะครองเมืองจีน ครองโลก ฝิ่นนั้นก็นับว่าเป็นสงครามที่รุนแรงพอสมควร แต่ว่าเมื่อ 50 ปีก่อนในเมืองไทย ฝิ่นก็ไม่ได้มีการบริโภคกันมากนักและไม่ได้มีการค้าขายกันมากนัก แต่มาเริ่มการค้าขายสิ่งที่เป็นมาจากฝิ่น โดยเฉพาะเฮโรอีน ซึ่งเมื่อ 50 ปียังไม่ค่อยรู้จักเฮโรอีน เพิ่งทราบมาว่าตอนนั้นเริ่มโดยที่มีการใส่เฮโรอีนในน้ำหวานหรือในกาแฟ คือว่ากาแฟนั้นถ้าใส่เฮโรอีนก็จะทำให้คนที่บริโภคมีอาการภาพหลอน เรียกว่าเป็นบ้าแต่มีน้อย และได้ทราบว่าหลอกลวงคนที่ไม่รู้เรื่องให้ติดเฮโรอีนแล้ว คนที่ได้บริโภคก็ขวนขวาย
ฉะนั้นการที่จะปราบเฮโรอีนปราบยาเสพติดก็ยาก เพราะว่าคนที่ติดยาเสพติดนั้นก็ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ เวลาที่ได้ทราบข่าวเมื่อตอนที่มีใหม่ ๆ นั้นก็ไม่เข้าใจ เพราะไม่เคยนึกถึงว่าประเทศไทยจะมาประสบเหตุการณ์เช่นนั้น รู้แต่เมืองจีน แต่ว่าอย่างนั้นก็ยังมีน้อยและก็ยังไม่รุนแรง นับวันก็มีความรุนแรงมากขึ้น และเมื่อ 30 ปีก็เริ่มมีผู้ก่อการร้าย โดยเฉพาะในหุบเขาทางภาคเหนือโดยมาก พูดถึงในภาคเหนือ เชียงใหม่ เชียงราย แล้วก็ในทางน่าน ทางแพร่ จนกระทั่งลงมาถึงเพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นภาคเหนือเหมือนกันแต่ค่อนข้างจะกลางประเทศกว่าทุกที่ และก่อการร้ายนั้นเกี่ยวข้องกับฝิ่น ครั้งนั้นก็มีสงครามก็มีการสู้รบที่รุนแรงที่สุดก็คือที่เขาค้อ แล้วเมื่อสักครู่ก็ได้พบกับพลเอกฯ ที่เป็นนายทหารพิการที่อยู่ข้างนอกนี้ เขามีหน้าที่ดูแลผู้ที่เป็นคนพิการ โดยตัวเองก็พิการขาขาด เขาขาขาดที่เขาค้อ แล้วก็เขาค้อนั้นก็ได้ชื่อว่าเป็นยุทธภูมิที่เกิดจากการก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ ความจริงมันไม่ใช่เรื่องก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ มันเป็นเรื่องก่อการร้ายสงครามฝิ่น ก็เริ่มต้นที่เขาค้อนั้น เริ่มต้นในเขตใกล้จังหวัดเลย ที่ภูขี้เถ้าคือภูโล้น ๆ ที่ตรงนั้น เขตเหล่านั้นเป็นเขตก่อการร้าย ก็เคยไปเยี่ยม น่ากลัวเพราะว่าเป็นหุบเขา แล้วก็มีการปลูกฝิ่น เจ้าหน้าที่ก็ไปเผาฝิ่น ไปตัดฝิ่น ชาวบ้านแถบนั้นเขาก็เป็นชาวเขาส่วนใหญ่ ชาวบ้านเขาก็ได้รับความเดือดร้อน มีฝ่ายที่เรียกว่าเป็นผู้ก่อการร้ายมาระดมให้ต่อสู้ ทหารตำรวจ ตอนแรกก็มีตำรวจตระเวนชายแดนที่อยู่บนเขานั้นต้องถูกยิง ก็เสียชีวิตไปหลายคน จนกระทั่งบานปลายออกมา ทางทหารทั้งทหารบกทหารเรือก็ต้องขึ้นไปต่อสู้ รวมทั้งทหารอากาศ ทหารอากาศก็ใช้เครื่องบิน จนกระทั่งต้องใช้เครื่องบินเจ็ต เครื่องบินไอพ่น ต้องไปยิง จนกระทั่งเครื่องบินไอพ่นถูกยิงตก ก็ค่อนข้างน่าประหลาดที่สงครามอย่างนี้จะมีเครื่องบินถูกยิงตก เครื่องบินที่เร็ว ๆ เครื่องบินที่สมัยใหม่ถูกยิงตก มันบานปลายอย่างมาก แล้วมันบานปลายมาจากอะไร มาจากยาเสพติด
ต่อจากนั้นก็มีการต่อสู้และเท่ากับทางฝ่ายรัฐชนะ เพราะว่ามีกำลังดีกว่าและสามารถที่จะให้สงบลงไป แต่สงครามยาเสพติดนั้นก็ขยายขึ้นมา ตามหลักที่เขาโฆษณาว่าป่าล้อมบ้าน บ้านล้อมเมือง เราก็ฟังก็เชื่อ แต่ว่าบ้านล้อมเมืองนั้นไม่เข้าใจ ไม่นึกว่าจะเป็นการก่อการร้ายในเมือง ซึ่งก็ไม่ได้เกิดขึ้น แต่เกิดขึ้นเป็นยาเสพติดมาขายในเมือง และเป็นกันมาก และคนที่บริโภคกลายเป็นทั้งผู้ที่ถูกโจมตีและเป็นผู้ที่โจมตีในคนๆเดียวเอง อันนี้น่ากลัวมาก และยังไม่ซา ยังคงมีอันตรายอยู่มาก ก็นายกฯ ทราบดีว่าผู้ที่เป็นอาชญากรและได้ปล่อยให้เป็นอิสระเมื่อเช้านี้ก็คงได้ไปสัมภาษณ์ว่าทำไมเขาต้องถูกจำคุก เขาถูกจำคุกเพราะว่าเขาได้ถูกตัดสินให้เสียค่าปรับ แต่ค่าปรับนั้นเขาไม่มีก็เลยต้องเข้าคุก เข้าคุกแล้วก็เดือดร้อนต่าง ๆ ก็ดีแล้วที่ปล่อย ต้องอบรมเขาว่าทำไมไม่ดี แล้วก็ที่ฟังดูว่าผู้ที่ได้รับการปลดปล่อยนั้นเขารู้ตัวว่าเขาทำผิด และเขาก็มีความตั้งใจที่จะทำตัวดี แล้วก็นับถือพ่อ หมายถึงพ่อบังเกิดเกล้าของเขา ซึ่งพ่อบังเกิดเกล้าของเขาก็เสียใจที่ลูกต้องถูกจำคุก แต่ไหน ๆ ถูกจำคุกแล้วได้รับการปลดปล่อยเขาก็ดีใจ แต่ขออย่างเดียวว่าเวลาปลดปล่อยแล้วอย่าไปติดยาเสพติดอีก เรื่องติดยาเสพติดนั้นมี 2 อย่าง อย่างหนึ่งเคราะห์ร้าย แล้วเคราะห์ร้ายนั้นมี 2 อย่าง เคราะห์ร้ายอย่างหนึ่ง บังเอิญก็อย่างที่เมื่อ 50ปี มีคนเขาเอาเครื่องดื่มไปเติมเฮโรอีน เติมยาเสพติด ไม่รู้ตัวเลยอย่างหนึ่ง อีกอย่างหนึ่งไปเสพยาเสพติดเพราะว่าเพื่อนฝูงหรือไม่ใช่เพื่อนฝูง พวกเขาไปบอกว่าอันนี้ดีทำให้แข็งแรงทำงานได้ เราก็ครึกครื้น เสพยาเสพติดไม่เห็นเป็นไร เสพยาเสพติด ยาบ้า ก็โง่ เพราะว่าเคราะห์ร้ายหนึ่ง เคราะห์ร้ายเราก็ให้อภัย แต่โง่ไม่น่าจะให้อภัยนัก เพราะว่าเขาอยากจะเล่น อยากสนุก อยากสบาย อยากแข็งแรง ซึ่งไม่จริง ใช้ยาเสพติดนั้นจริงว่าไม่เหน็ดไม่เหนื่อย ขับรถได้เป็นเวลาหลายชั่วโมงเป็นสิบชั่วโมง ไม่เหน็ดเหนื่อย แต่ถึงเวลา 11 ชั่วโมงแล้วก็ฟุบลงไปแล้วก็ไปชนใครข้าง ๆ หลังจากนั้น อาจจะไม่ชน ก็เกิดเมาอย่างมากปีนเสาไฟฟ้าขึ้นไปเดือดร้อนถึงเจ้าหน้าที่ทั้งมวลจะต้องขึ้นไป หรืออีกอย่างหนึ่งก็ไปจับคนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ขู่ที่จะเชือดคออย่างนี้ พิษของยาเสพติดซึ่งมาจากความโง่ของคนที่บริโภคความโง่ในด้านต่าง ๆ และความเคราะห์ร้ายด้วย
แต่ว่าถ้าทุกคนสามารถที่จะพิจารณาว่ายาเสพติดนั้นอยู่รอบด้านเหมือนเดินในถนนก็มีรถ ก็ต้องทราบว่าถ้าเดินกลางถนนมีหวังรถชนต้องทราบ ไม่มีใครอยากจะเดินกลางถนนให้รถวิ่งเร็วมาชน ตำรวจจึงเดือดร้อน ตำรวจก็จะต้องไปห้าม บางทีเขาบอกว่าถนนของเราพอเดินได้แต่ว่าต้องเดือดร้อนกับเจ้าหน้าที่เดือดร้อนกับคนขับรถอื่น ๆ ซึ่งไม่ได้อยากที่จะไปชนคน แต่ว่ามันก็ต้องเกิดชนได้เพราะว่ารถถ้าแล่น ถ้าจะแล่นเพียง 5 กิโลเมตรต่อชั่วโมงถ้าคนเขาตัดหน้าก็จะชนตายแล้ว ก็เดือดร้อนกับคนที่ขับรถเดือดร้อนกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและในที่สุดก็เดือดร้อนกับศาลกับผู้พิพากษาเสียเวลาเสียเงินเสียทองมากมาย เสียค่าใช้จ่ายโรงพยาบาลซึ่งอย่างน้อยต้อง 30 บาท ก็ยังไงก็ตามคนที่เข้าไปโรงพยาบาล โรงพยาบาลต้องเสียมากกว่า 30 ลงท้ายรัฐบาลก็เสีย รัฐบาลก็เสีย ใครก็เสียประชาชนก็เสียเพราะว่าเงินที่รัฐบาลใช้นั่นน่ะก็ต้องมาจากภาษีอากรกับชาวบ้าน ที่ไหนที่ไหนก็ต้องเสียต้องเสียค่า 30 บาทนั้นนั่นน่ะ อย่าโกรธว่าแขวะหรือว่าทนไม่ได้อยู่ในสถานการณ์อย่างนี้อยู่ในที่อย่างนี้มันก็ต้องมีการแขวะ แขวะไม่ใช่ทำให้ไม่เดือดร้อนก็ยังไงก็ให้เข้าใจว่ายาเสพติดก็ทำให้เกิดความเดือดร้อนหลายอย่าง โดยที่ไม่ได้ตั้งใจ ทั้งราชการโดยตำรวจ โดยโรงพยาบาล โดยเอกชนต่าง ๆ เดือดร้อนหมดและสิ้นเปลือง และก็คนทั่วประเทศก็สิ้นเปลือง แทนที่จะมีเงินทองเงินทุนมาสร้างบ้านเมืองให้สบายให้เจริญ มัวแต่ว่าปราบยาเสพติด มัวแต่ต้องมาเสียเงินค่าดูแลรักษาทั้งเสพยาทั้งผู้คนที่เดือดร้อนอย่างนี้ก็เสียทั้งเงินเสียทั้งชื่อเสียง ต่างประเทศเขาชี้หน้าเมืองไทยว่าเมืองไทยเป็นต้นเหตุยาเสพติด ที่จริงยาเสพติดนั้นมันก็เข้ามาจากต่างประเทศผ่านประเทศของเราแล้วก็เข้าไปสู่ต่างประเทศ แต่ก็คนที่เขาค้านั้นน่ะก็ได้กำไร เราก็มีผิดเหมือนกันแต่ผิดใหญ่ที่สุดก็คือคนที่อยากได้ ถ้าเขาไม่อยากได้ก็ไม่มีทางไม่มีนอกจากขายไม่ได้ก็ไม่มีราคาอันนี้ก็ยุ่งยากเวียนหัวที่จะทำยังไงที่จะปราบยาเสพติดปราบการค้ายาเสพติดนี่ทุกคนเดือดร้อนแล้วก็การปราบนี้ผู้ที่เดือดร้อนที่สุดก็มีพวกตำรวจทั้งทหาร โดยเฉพาะมากที่สุดก็ทหารบก ทหารเรือก็แย่ ทหารอากาศก็แยะ เป็นอันว่าทุกคนเดือดร้อนที่จะต้องปราบคนที่ต้องปราบนั้นน่ะเขาไม่อยากปราบมันเหน็ดเหนื่อยแล้วก็อันตราย ผู้ที่ปราบนั้นต้องเสี่ยงชีวิตในการปฏิบัติมีหลายท่านที่เป็นผู้ใหญ่ได้ผ่านชีวิตการปราบยาเสพติดทั้งทางตรงและทางอ้อมก็จะทราบดีว่ามันเหนื่อยแค่ไหนเราก็ทำให้เดือดร้อนแค่ไหน
ที่มาพูดถึงยาเสพติดเพราะว่าท่านนายกฯไม่ได้พูด คงไม่อยากพูด ไม่อยากพูดอย่างนี้เพราะเป็นสิ่งที่ไม่เป็นมงคลแต่วันนี้ยังไม่ใช่วันเกิด ยังไม่ใช่วันเกิดก็พูดสิ่งที่อัปมงคลได้ เรื่องมงคลไม่มงคลก็อยู่ที่เขาว่าวันนี้ควรจะใส่สีเหลือง สีเหลืองแล้วว่าคนเขาตำหนิติเตียนว่าทำไมหอการค้าเขาทำเสื้อทองแดงมีสีดำ สีดำนั้นขายไม่ออกเพราะว่าคนใส่สีดำนั้นไม่เป็นมงคลก็เลยต้องไปโฆษณาให้เขา ที่จริงเสื้อทองแดงนี่สุวรรณชาดนะสุวรรณชาดก็ทอง สุวรรณชาดแดงตัว ด คนก็นึกว่าสุวรรณชาติตัว ต แต่สุวรรณชาดก็ทองแดงนั่นเองเขาใส่เสื้อสีดำ ต้องโฆษณาให้กับหอการค้าหอการค้าไทยก็ไม่เกี่ยวข้องก็ไม่ทำการค้าให้เขาขายให้เขาทำเสื้อทองแดงนี่เสื้อสุวรรณชาดนี่เขาขออนุญาตให้ทำแล้วเขาขายราคา 500 บาทเสื้อทองแดงนี้เริ่มต้นมาจากเสื้อทองแดงที่เราทำเองขาย 300 บาท แต่นี่หอการค้าเขาค้านะก็เลยขาย 500 ยังไงก็ตามพูดถึงเสื้อทองแดงสีดำไม่มีใครชอบเลยต้องช่วยกัน ช่วยเขาที่หัวหินมีพวกทหารมีแม่ทัพหนึ่งมีผู้ที่เกี่ยวข้องกับทหารที่เพชรบุรี ตำรวจเขต 7 เขาก็ซื้อเขาบอกว่าเหลือแต่สีดำเลยบอกว่านี่ดีสีดำดีหนุ่ม ๆ สาว ๆ ชอบก็เขาชอบเขาชอบสีดำนี่เขาบอกสีเหลืองเชย แต่ตอนหลังนี่หอการค้าเขาก็ประหลาดเขาไม่ทำสีเหลือง รู้ว่าจะขายได้ดีไม่ทราบทำไมเขาพึ่งมาทำทีหลัง ต้องเคี่ยวเข็ญจนกระทั่งมีไม่พอไม่พอใช้ ตอนนั้นนายกฯไปแอโรบิคเลยแอโรบิคไม่ออก ไปเอาเสื้อสีเหลืองอะไรมาจากไหนไม่ได้เอาเสื้อสีเหลืองทองแดงคือไม่มีแรง ถ้าวันนี้ก็คงได้แล้วเพราะว่าเส้นใหญ่ได้ก็ถ้าไปแอโรบิคคงมีแรง แต่ว่าวันนั้นดู ๆ ไปไม่มีแรง หลังจากนั้นมาบ่นกลัวว่าเป็นหวัดเป็นหวัดเพราะว่าแอโรบิคไม่ออก แต่ว่ายังไงก็ตามเดี๋ยวนี้ได้แล้วก็คงหายแล้วเพราะว่าเสื้อทองแดงนี้แสดงว่าทำให้มีกำลัง ถ้าใส่สีดำก็ยังได้แต่ต้องหนุ่ม ๆ สาว ๆ พวกทหารผู้ใหญ่นายพลเขาให้ไปซื้อสีดำเขาบอกว่าหนุ่ม ๆ สาว ๆ เขาใช้สีดำก็เลยไปซื้อสีดำมา เราก็รอดตัวว่าเสื้อสีดำทองแดงขายหมดสบายดี
แต่เดี๋ยวนี้ไปซื้อที่ไหนก็หาไม่ได้เพราะเขาทำกันไม่ทัน หอการค้าก็ทำการค้ายังไงไม่ทราบมีใครต่อใครเขาก็ว่าว่าหอการค้าอุตส่าห์ประชุมกันใหญ่แล้วก็ทำแผนการมาร์เก็ตติ้งไม่ถูกขายหมดเลยมีไม่เหลือก็เลยทำให้เดือดร้อนกับคนที่อยากได้อยากจะใส่เสื้อทองแดง แต่ยังไงเสื้อทองแดงนี่เห็นใจมันยากเพราะว่ามีสีต่าง ๆ มีขนาดต่าง ๆ บางคนก็ใส่ขนาดเล็ก ๆ ไปซื้อก็ได้ขนาดเล็ก ๆ เพราะว่าเอาไปแช่น้ำแล้วก็เอามาใส่เก้าอี้ใหญ่ ๆ ไว้ เวลาแห้งมันก็ขยาย ขยายขึ้น ในหนังสือทองแดงรูปที่เราใส่เสื้อทองแดงแต่ไม่ใช่เสื้อทองแดงของหอการค้าเสื้อทองแดงมีหน้าโต คนนึกว่าเขาไปซื้อขนาดเล็กแล้วมาแช่น้ำมันก็ขยาย ความจริงนั้นเป็นเสื้อทองแดงที่ทำเองหน้าทองแดงอันเดียวกันแต่โตและดูเห็นชัด แล้วก็ทองแดงจริง ๆ ก็ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็รับรองว่าเป็นทองแดง แต่เสื้อทองแดงต่าง ๆ ทีแรกก็มีคนเขาถาม ทำไม ทำไมไม่ขาย ทำไมไม่มี หมดแล้วหรือยังไง บอกไม่มี อันนั้นมีอันเดียวอันสองอัน เราทำเล่น เรามีสิทธิจะทำเล่น เรามีทองแดงและเราถ่ายรูปเอง ให้ขยายและมาปะที่เสื้อ ทองแดงตัวโต ๆ เราไปปะเองทำเอง ปะเป็นอันว่าไม่ใช่หอการค้า ก็เลยมีรูปร่างต่าง ๆ คนก็เห็นทำไมไม่มีขาย เราทำการค้าไม่ได้คนจะตำหนิติเตียนว่าพระเจ้าอยู่หัวค้าขาย ไม่ค้าขาย เราโดนตำหนิเรื่อยว่าทำไมค้าขาย เราไม่ได้ค้าขาย เสื้อตัวละ 300 บาท เป็นเรื่องที่อธิบายลำบาก ท่านผู้เฒ่าสั่นหัวว่าอย่างไร สั่นหัวว่าเห็นใจ เห็นใจว่าเราอยู่ในฐานะลำบาก เป็นอันว่าเสื้อทองแดงอีกหน่อยก็คงมีพอ
แต่ตอนนี้มันเรื่องหนังสือทองแดง หนังสือทองแดงออกเมื่อวันอังคารที่แล้ว และหนังสือทองแดงเขาพิมพ์แล้วก็ต้องเย็บเล่ม เพราะว่าเล่มเป็นปกแข็งเย็บยาก เขาบอกว่าเขาจะเย็บวันละ 20,000 เล่ม ก็เลยได้วันแรกที่ขายได้ไป 100,000 เล่ม วันต่อไป 100,000 กับ 20,000 อะไรไม่รู้ เดี๋ยวนี้ 7 วันแล้วควรจะได้ 200,000 ก็ดูเหมือนเขาบอกว่าได้ 200,000 กว่าเล่ม เป็นประวัติการณ์ แต่ว่าการเขียน การทำหนังสือทองแดงก็ไม่ใช่ง่าย เพราะว่าทั้งเขียน เราก็เขียนต้องเขียนเป็นภาษาไทย แล้วแปลเป็นภาษาอังกฤษ เมื่อแปลเป็นภาษาอังกฤษแล้วก็ต้องแปลมาเป็นภาษาไทยใหม่ เพราะบางทีแปลผิด แปลไม่ตรง ก็เห็นว่าภาษาอังกฤษดีกว่าก็แปลเป็นภาษาไทย เป็นภาษาไทยก็แปลกลับมาเป็นภาษาอังกฤษอีกที ลงท้ายคนบอกเอ๊ะภาษาอังกฤษกับภาษาไทยไม่ตรงกัน เราต้องจัดให้ตรง คนที่รู้ภาษาอังกฤษดีก็บอกภาษาอังกฤษนี้ไม่ตรงกับภาษาไทย คนที่รู้ภาษาไทยดีก็ไม่ตรงกับภาษาอังกฤษแล้วก็จะทำอย่างไร อย่างไรลงท้ายไม่ทราบว่าไปอ่านแล้วทราบว่า ท่านรัฐมนตรีต่าง ๆ ได้อ่านแล้ว ไม่ทราบว่าเห็นชอบด้วยหรือเปล่า ตรงกันหรือไม่ตรงกันไม่เป็นไร เพราะว่าคนที่รู้ภาษาอังกฤษความคิดเป็นภาษาอังกฤษก็พูดอะไรภาษาไทยก็พูดภาษาอังกฤษทั้งนั้น พูดอะไรเป็นภาษาไทยไม่ได้ต้องเติมภาษาอังกฤษ หมายความว่าไม่จุใจคำภาษาไทยนั้นไม่มี แท้จริงภาษาไทยมีคำครบถ้วน ภาษาไทยเป็นภาษาที่มีคำ ความหมายต่าง ๆ ครบถ้วน แต่ว่าไม่พอใจกัน ไม่พอใจว่าว่าพูดภาษาไทยไม่ได้ความ แต่ว่าต้องนึกถึงว่าต้องมีภูมิปัญญาท้องถิ่น ภูมิปัญญาท้องถิ่นไม่ทราบว่าเอามาจากภาษาฝรั่งหรือเปล่า แต่ว่าแปลเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่น ภูมิปัญญาเราแปลก็ไม่ตรงกับที่เขาแปล เลยไม่รู้จะทำอย่างไร ต้องถามว่าภูมิปัญญาเขาแปลเป็นภาษาอังกฤษว่าอะไร ก็จะคัดค้านว่าไม่ถูกความจริงภูมิปัญญาน่าจะเป็น Knowledge คือความรู้ เป็นความรู้ของคนในท้องถิ่น ก็ดี เดือดร้อนเราเขียนภาษาไทยโดยที่ใช้คำมาจากภาษาอังกฤษ แล้วก็แปลเป็นภาษาอังกฤษก็ไม่ตรง ถึงว่าหนังสือทองแดงนี้ถ้าไม่ตรงก็ไปแปลเอาเอง
หนังสือสไตล์ แบบของที่เขียน เขียนภาษาไทยและภาษาอังกฤษควบคู่กัน มีจุดประสงค์ว่าคนที่รู้ภาษาไทยก็อ่านภาษาไทย คนที่รู้ภาษาอังกฤษก็อ่านภาษาอังกฤษ คนที่รู้ภาษาไทยอยากจะเรียนภาษาอังกฤษก็ไปดูภาษาอังกฤษ แล้วไปถามคนที่เรียนภาษาอังกฤษ ที่อ่านภาษาอังกฤษเป็นว่าแปลว่าอะไร แล้วคนที่อ่านภาษาอังกฤษ เขาอาจจะรู้ภาษาไทย เขาก็มาแปลเป็นภาษาไทย กลับไปกลับมาอย่างนี้ ก็ได้เรียนทั้งภาษาไทยภาษาอังกฤษ จุดประสงค์ของการเขียนหนังสือ อย่างเรื่องพระมหาชนก ก็เขียนภาษาอังกฤษ-ภาษาไทย ให้พร้อมกัน คนก็แปลกใจทำไมเขียนอย่างนี้ แต่เขียนอย่างนี้สำหรับเป็นการเรียนภาษา คนที่นึกว่ารู้ภาษาอังกฤษดี ก็มาเรียนภาษาไทย คนที่นึกว่ารู้ภาษาไทยก็ดีก็เรียนภาษาอังกฤษ รู้สึกว่าได้ผลดีคนก็ชอบใจ บางทีภาษาไทยก็เขียนคำที่ไม่มีในภาษาไทย คนที่เรียนภาษาอังกฤษก็ที่รู้ในภาษาอังกฤษ ก็ไปดูในภาษาอังกฤษ เอ๊ะ ภาษาอังกฤษเขาไม่มีในนั้น ก็ให้สนใจว่าทำไมเขียนอย่างนั้นจะปรากฎว่าคำภาษาไทยถ้าไปแยกธาตุ หมายความว่าไปดูรากศัพท์ที่เราเขียน จะเข้าใจว่าเป็นอะไร ไปดูภาษาอังกฤษ ดูรากศัพท์ของภาษาอังกฤษนั้นก็จะเข้าใจ เป็นอันว่าจะได้คำทั้งภาษาอังกฤษทั้งภาษาไทย และแปลเลย คำเหล่านั้นไม่ได้อยู่ในตำรา แต่ว่าเท่ากับเป็นตำราใหม่ และเข้าใจรากศัพท์ภาษาไทยรากศัพท์ส่วนใหญ่ก็มาจาก ถ้าเป็นคำใหม่ ๆ ก็มาจากภาษาบาลี สันสกฤต ภาษาอังกฤษมาจากภาษาอังกฤษโบราณ หรือมาจากภาษาละติน ภาษากรีก ก็ปรากฎว่าเราได้เรียนภาษาในหนังสือที่เขียน จะเรียนภาษาบาลี สันสกฤต ภาษาละติน ภาษากรีก ภาษาอังกฤษโบราณก็ได้ผล
หนังสือทองแดง 299 บาทที่จริงคุ้มแสนคุ้มเพราะว่าเป็นตำรานอกจากได้รู้จักสุนัขชื่อทองแดง ซึ่งสุนัขชื่อทองแดงไม่มีพ่อ ทองแดงไม่ทราบว่าใครเป็นพ่อ วันนี้เขายังไม่ได้ใส่เสื้อ มีค๊อกเกอร์ตัวหนึ่งเขาใส่เสื้อสีเหลือง ค๊อกเกอร์ตัวนั้นเขามีพ่อ แต่เราก็ไม่รู้จัก เขาบอกรักพ่อ ก็เลยนึกว่ารักพ่อ เดินเข้ามาโชว์ตัวว่าเขารักพ่อ ทองแดงไม่ได้ใส่เสื้อ ไม่มีใครเอาเสื้อใส่ให้เขาเพราะว่าเขาไม่มีพ่อ แต่ว่าเดี๋ยวกลับไปก็คงใส่ ใส่เสื้อทองแดง เราอุตส่าห์ไปหาเสื้อทองแดงมาให้เขาใส่เสื้อทองแดง ให้ทองแดงใส่เสื้อทองแดง ทองแดงเขาอบอุ่นใจว่าเขามีพ่อ ทองแดงเขาไม่มีพ่อเพราะว่าแม่เขาถูก กทม. เก็บตัวไป เก็บตัวไปอย่าไปนึกว่าเขาจะไปขลิบหู เขาไม่ขลิบหู ตอนนั้นเขาควรจะขลิบหู แต่ตอนนั้นเรากลัวว่าไม่ทันขลิบหูก็ต้องตายก่อน เพราะสมัยโน้นเขาเก็บไป แล้วก็ไปเก็บไว้ที่ที่มีสุนัขเยอะมากมาย แล้วอาหารก็ไม่มีพอ ที่รู้ว่าคุณนายแดง ที่ชื่อคุณนายแดงเพราะว่าลูกเขามีความดี ลูกเป็นคุณทองแดง คนในนี้เขาเรียกคุณทองแดง แม่ก็เลยชื่อคุณนายแดง ตอนที่มาก่อนคลอดเขาผอมโกรกเลย หน้าตาคุณนายแดงถ้าดูในหนังสือเหมือนทองแดง คงได้ดู คุณนายแดงกับคุณทองแดงหน้าตาเหมือนกัน แต่ว่านี่ได้ถ่ายรูปตอนหลังหน้าตาสวย สวยกว่าทองแดง แต่ตอนที่เขายังไม่คลอดผอมโกรกเลย เพราะไปอยู่ทุ่งสักันไม่มีอาหารกิน แต่ทีหลังชาวบ้านเอาข้าวให้ ทองแดงกินนมก็ไม่เป็น เป็นสุนัขกลางถนน พันธุ์ Mid-road แท้ คือพันธุ์ Mid-road แท้ อันนี้คือรับรองว่ามีเพ็ดดีกรีว่าเป็น Mid-road แท้ ชาวบ้านเขาใจดีก็เอาข้าวให้กิน ก็อ้วนถ้วนขึ้น จนกระทั่งอ้วนถ้วนนึกว่าอะไรไม่กี่วันอ้วนขึ้น ท้องโตขึ้น โตขึ้น แล้วมันก็ออกลูกอย่าว่ากลางถนน ข้างถนน ชาวบ้านก็ใจดี เอาผ้าและให้กินนม คุณนายแดงไม่มีนมกินแต่ให้เด็ก ๆ ได้กินนม ลูกเป็นอภิชาตบุตรได้กินนม แม่ไม่ได้กินนม ในที่สุดก็เลยได้โตขึ้นได้ แล้วก็เข้าบ้านมีพี่น้องด้วยกัน 7 ตัว 7 คน เราชอบเรียกว่าสุนัขที่เราเลี้ยงเป็นคน หรือเป็นสุนัข ก็เลยให้เข้าบ้านคนโน่นคนนี้ก็เอา เราก็เอาทองแดงเพราะจมูกมันแบน หางมันดอก พอดีลูกของคุณสุดหล่อแม่มะลิมีตัวสีดำ จมูกมันแบน หางดอก ก็เลยนึกว่าจะให้เป็นแฟนกัน ก็เห็นในหนังสือก็จะได้เห็นว่าอยู่ในกระบะแล้วทองดำก็ติดใจทองแดง แต่ทองแดงเขาไม่ติดใจ เขาไม่ชอบต่อไปเมื่อวันนั้นมาเขาชอบแล้ว ด้วยที่เอาทองดำมารับก็ได้เอาไปให้แม่มะลิ แม่มะลิก็ดมๆ แล้วก็เอ๊ะนี่ไม่ใช่ลูกเราไม่ใช่ลูกของเราแต่มีกลิ่นลูกเค้าก็เลยรับวันรุ่งขึ้นก็กินนมแม่มะลิก็กินนมตลอดก็มีในรูปเห็นติดแม่มะลิเมื่อเป็นเช่นนั้นแม่มะลิก็เลยมีลูก 10 เดิมมี 9 ก็เลยกลายเป็นลูกที่ 10 ของมะลิ เค้าก็รู้สึกว่าติดใจกตัญญูต่อมะลิ นี่ก็เรื่องที่เขียนนั่น ความกตัญญู ความดี ก็มาจากทองแดงที่มีความดีกับแม่มะลิแม่มะลิมีความดีกับลูกเลี้ยง
แต่ว่ามันเป็นอย่างนี้ ถึงเป็นเรื่องที่น่าเขียนน่าเล่าให้ฟัง มันไม่ใช่ว่าจะมาแต่งเรื่องมาใส่ทองแดงแต่ทองแดงกับแม่มะลิทำตัวมาใส่เราคือหมายความว่า ไอ้เรื่องมันเป็นการปฏิบัติของสุนัข สุนัขเด็ก กับผู้ใหญ่ที่เค้าทำ ทำตัวให้น่าชื่นชม อย่างมีความกตัญญูมีอะไรนั่น เป็นการแสดงว่าสุนัขเค้ามี เราไม่ได้พูดถึงว่าคนไม่มีความกตัญญู คนนะน่าจะมีความกตัญญูน่าจะมีความดีเราไม่วิจารณ์ แต่ว่ามาเห็นว่าสุนัข เค้ามีความดี เค้ามีความกตัญญู เค้ามีความฉลาด อันนี้เราชื่นชม เราต้องเขียน ก็ต้องเขียน ต้องเขียนว่าสุนัขเค้าเป็นอย่างไร นิสัยของสุนัขเค้ามีอะไรบ้าง แล้วก็นี่ที่พูดถึงว่ามาจากทุ่งสีกัน หรือว่าคุณทองแดงนี้เป็นหมาเทศ หมาเทศ เพราะว่ามาจากเทศบาล นี่เราก็พูดเมื่อปีก่อนแล้วว่าเป็นหมาเทศ หาว่า หาว่าแขวะ เทศ ศ.ศาลา นะ เทศ หมาเทศ ก็หมาเทศก็มีความดี ก็หมายความว่าเทศบาลเค้ามีความดี ไม่ต้องไปขลิบหู แต่ว่าหมาเทศนี่ ทองแดงแล้วก็น้อง ๆ มะลิ แล้วก็คุณสุดหล่อของเรา เค้าได้ใส่ชิบ ไมโครชิบ เค้าใส่แล้ว ที่ทางเทศบาลเค้าทำชิบใส่มิดโรดต่าง ๆ ใส่มิดโรดต่าง ๆ มีตั้งเท่าไหร่ 3 แสน 3แสนชิบอันนึง 100 บาท นะ 100บาทคูณ3แสนเป็นเท่าไหร่ เปลืองแล้วก็เอาไปไมโครชิบแล้วก็เตะออก ออกไปรถก็ชน ไอ้ค่าไมโครชิบนั่นนะมันก็เปลืองเปล่า ๆ แต่ว่าที่จะทำจะไป ใส่ไมโครชิบกับหมาที่อยู่ในบ้าน อย่างนั้นก็ควรจะทำ ควรจะทำการสำรวจ แต่การสำรวจ แล้วก็การทำบัญชีอะไรต่าง ๆ มันยากมากกว่าจะทำเสร็จ เค้าบอกกี่ปีนะ 3 ปี ทางเจ้าหน้าที่เค้าบอก 3 ปีกว่าจะทำเสร็จ 3ปีสุนัข เกิดขึ้น ได้ตัวละ ตัวละ 10 ตัว 3 แสน 6 เดือนครั้ง 20 ตัว 3แสนเป็น 6 ล้าน เวลาทำเสร็จแล้วต้องไปทำไมโครชิบอีก 6 ล้าน ทำ3 แสนแล้ว 3 ปีเสร็จ อีก3ปีจะมีสุนัขอีก 6 ล้าน แล้วก็คุณสมัคร จะทำไง แล้วนี่แขวะเหมือนกันนะ แต่ว่ามันลำบาก เห็นใจงานหนักมาก แต่ว่าถ้าอย่างนี้ ที่เขียน เขียนหนังสือทองแดงนี้ ก็จะได้ให้คุณสมัครจัดการให้ประชาชนได้ไปเลือกสุนัขน่ารัก ๆ เอาไปเลี้ยง แล้วก็ให้มีกฎเกณฑ์ว่าเมื่อเอาไปเลี้ยงแล้วก็ต้องเลี้ยงจริง ๆ ไม่ใช่ว่าตัวเล็กน่ารักโตขึ้นมาเตะออก เค้าทำกันอย่างนี้ เค้าไปเอาตัวเล็ก ๆ มาถึง แล้วก็เวลาโตขึ้นน่าตามันอัปลักษณ์เตะออกไป มันลำบากแม้แต่โตขึ้นน่าตาอัปลักษณ์ มันก็น่ารักมีสุนัข ที่เลี้ยงของเราส่วนใหญ่เป็นสุนัข มิดโรด อย่างน้อยครึ่งหนึ่ง อย่างคุณมะลินี่ เป็นครึ่งมิดโรด อ้อเป็นมิดโรดเต็มตัว เป็นมิดโรดสวย เค้าสวยเหมือน สปิด ก็ถ้าเลี้ยง ตอนแรกคุณมะลิน่ะ หางยาว ตัวก็ไม่ได้เรียบ ขี้เรื้อนเต็มก็ไปรักษา ไม่ต้องเสียเงินอะไรเลย เพราะว่าหมอ สัตวแพทย์เค้าสงสาร เค้าไปเลี้ยงให้ยาทายา เดี๋ยวนี้ จะเห็นในหนังสือ ในหน้าหลัง ๆ เห็นคุณมะลิ หางพวงสวย แล้วก็ขน ขนนวลสวย เลี้ยงได้ดี ๆ ก็ไม่สินเปลืองมากนัก เพราะว่าถ้าให้กินมากเกินไปมันอ้วน อ้วนเกินไป แต่ว่าให้กินพอเหมาะพอประมาณเค้าก็น่ารักแล้วก็เป็นสุนัขที่น่าเลี้ยง ก็นึกว่าถ้าทาง กทม. เลือกเฟ้นสุนัขที่ดี ๆ ก็อาจจะให้ใช้ให้เสียค่าทำบัญชีทำอะไรให้กับ กทม. อย่างน้อยก็จะได้สุนัขที่น่ารักแล้วในที่สุด ถ้าสมมติน่ารักนะ จะผสมพันธุ์ สุนัขตัวนี้มาเป็นพันธุ์ไทยแท้ ๆ ก็อาจจะดี ก็เป็น Thai Dog
ลูกของทองแดง มี9 ตัว สีต่างกัน 9 ตัว แล้วก็ เป็นสุนัข ขนม ขนมทองแดง ขนมลูกทองแดง วันอีก 2 อาทิตย์ ก็จะไปโชว์ตัวไปเปิดงานที่นครปฐม ชื่อทองม้วน ในหนังสือพิมพ์เค้าบอกว่าทองหยอดจะไปไม่ใช่ เป็นทองม้วน จะไป คุณทองหยอดนั่นนะเค้า ยังตัวเล็ก ตัวเล็กหน่อยเป็นผู้หญิง แต่อย่าโกรธว่าไม่ให้ผู้หญิงไปเปิดงาน ที่จริงทองแดงก็เป็นผู้หญิง เค้าเชิญทองแดง เค้าเชิญทองแดงไปเปิดงาน แต่ว่าเราบอกว่าทองแดงติดธุระ ติดราชการ ก็เลยให้ทองม้วนไป กำลังฝึกให้เรียบร้อย ก็จะไปเปิดงานแสดงสุนัข ที่นครปฐม ที่ตรงไหนน่ะ ก็จะได้ชม ทองม้วน ทองม้วนนี่ ตอนแรก ชื่อทองม้วนนี่จะให้ลูกคนโตของทองแดง แต่มาถึงลูกคนโตคนแรกของทองแดงเป็นผู้หญิง เมืองไทยผู้หญิงยังด้อยกว่าผู้ชาย ก็เลย จะให้ชื่อว่าทองม้วนก็ไม่ได้ ตัวที่ 2 เป็นผู้ชายแต่ว่า ขนมชื่อว่าทองเอก ก็ต้องให้ผู้ชายคนหนึ่ง คนที่หนึ่งก็ต้องให้ชื่อทองเอก ก็เลยทองม้วนนี่เป็นตัวที่ 3 ยังไงทองม้วนตัวที่ 3 หล่อมาก แล้วก็เรียบร้อย เป็นสุนัขที่เรียบร้อย ก็เลยเลือกให้ไปเปิดงาน ไม่ทราบว่าเค้าจะปฏิบัติตนยังไง ก็ให้ไปดู แล้วก็ขอให้ ทางงานเค้าเลี้ยงดูให้ดี ๆ ที่จริงทองม้วนนี่ เปรียบเทียบกับลูกของทองแดง อื่น ๆ เค้าก็ดี เค้าก็สวย ขนนี้ยาวกว่าทองแดง คือมีรูปร่างต่าง ๆ สีต่าง ๆ ทองม้วนสีค่อนข้างจะสวย สีอ่อน สีอ่อนกว่าทองแดง ก็มีลูก 9 แต่แตกต่างกันทั้ง 9 มีความสามารถแตกต่างกัน ที่มีความสามารถที่สุดก็เบอร์ 5 ชื่อทองพลุ ทองพลุตัวเล็กกว่าทองแดง แต่สีดำ เขาสีดำ แล้วเบอร์ 9 ก็สีดำเหมือนกัน มีสีขาวเพิ่มชื่อทองนพคุณ นพ คือ 9 ตัวที่ 9 ทองนพคุณ ก็เลยมีแปลก ๆ สนุกดี สุนัขที่เป็นสุนัขออกลูกมามันมีแปลก ๆ ไม่น่าเบื่อ ถ้าเรามีสุนัขที่เป็นพันธุ์แท้ออกมาก็เป็นพันธุ์แท้เหมือนกัน มันไม่สนุก มันน่าดูที่แตกต่างกัน ก็เลยถึงบอกว่า สนับสนุนสุนัขที่ไม่ใช่พันธุ์แท้ แต่อันตรายอย่างสุนัขไม่พันธุ์แท้ เดี๋ยวบางทีนิสัยไม่ดี นิสัยไม่ดี อันตราย แต่พวกนี้ก็มีนิสัยต่างกัน ไม่เหมือนกัน แต่ก็ไม่ดุ ดุกันเอง กัดกันเอง มีกัดกันเอง แต่ว่าไม่ดุ ถึงเวลาถ้าให้ดูแลบ้าน ถึงเวลาดุ เขาก็ดุได้ ก็ว่าใช้ได้ สุนัขไทย แต่ว่าคนไทยที่รักหมาไทยก็ชอบหมาแท้ คือ ก็ต้องการหมา หมาหลังอาน หมาบางแก้ว หมาบางแก้วดุมาก ก็เลยไม่รู้ว่าจะดีหรือไม่ดี เพราะว่าถ้าเราปล่อยมัน แม้จะลูกเจ้าของก็ตาม อย่างมีคนเขาเอามาให้ เอาก็ไม่ได้ไปให้ ไปมอบให้องครักษ์ เขารักสุนัข แล้วเขายอมรับ เขาไปเลี้ยง เอาไปเลี้ยง ทำไปทำมากัดลูกเขา ก็มันไม่เชื่อง แล้วก็เคราะห์ดีที่ไม่ได้รับเอาไว้ ถ้ารับเอาไว้เดี๋ยวนั้นนายกมา ถูกแน่ กัดแน่ มันอย่างนี้ แต่เรา ที่นี่รับรอง เขาไม่กัด ลูกทองแดงไม่กัด แต่กัดกันเอง มันเป็นอย่างนี้ แต่ว่าถ้าเรามาผสมให้ดี ลงท้ายเราจะได้สุนัขพันธุ์ที่น่ารัก เลี้ยงเชื่อง แล้วใช้งานได้ มีตัวหนึ่ง ครูฝึกเขาให้กระโดด กระโดด แล้วก็ครูฝึกทำป้ายที่ติดแบบนี้ แบบบัตร วิ่งไปวิ่งมา หลุดไม่รู้ตัว บอกนี่หายไปไหน พอบอกไปหา มันก็ไปหา คือบอกได้ ไม่ได้สอนเท่าไร แต่เขาก็คาบเอามาได้ ก็หมายความว่า ดี บอกพูดรู้เรื่อง แล้วของหายบ่อย ๆ บอกเข้าไปหาของนั้น ของนั้น ไปหามาได้ ก็เป็นประโยชน์ ไม่เสียข้าวสุก ที่สนับสนุนว่า สุนัขถ้าเราทำ ในที่สุดอาจจะมีพันธุ์ไทยทองแดงแท้ ๆ สีต่าง ๆ อาจจะไม่แดง ตัวสองตัว ลูกของทองแดงมีตัวดำสองตัว ตัวหนึ่งมีสีแดง แดงทีเดียว แล้วสีน้ำตาลอ่อน สีน้ำตาลแก่
พูดอย่างนี้ ที่เล่ายืดยาวนี้ก็เพราะว่าจะให้เข้าใจว่าทำไมเขียนเรื่องทองแดง สอนหลายอย่างมากกว่าที่นึกว่าจิตใจของสุนัขที่เป็นกตัญญู มีประโยชน์สำหรับประเทศ ถ้าในภายใน 5 ปี 10 ปี เราทำพันธุ์สุนัขไทยแท้ ๆ ที่ไม่ใช่บางแก้ว ที่ไม่ใช่หลังอาน ก็เห่อกัน หลังอานเพราะว่า ตูนีเซียอลิสแบค เหมือนกับ หลังอานไทย โดยบางแก้วก็คล้าย ๆ สุนัขทางเหนือ สุนัขลากเลื่อนของเหนือ ดี แต่ว่าอันตรายเราจะหาสุนัขที่กตัญญูด้วย มีประโยชน์ในด้านหาของ ดมกลิ่นได้ ไปเข้าคอส สอนมันเถอะ สอนมันให้ดมระเบิดดมยาเสพติด มันดมได้ ใครเข้ามาในนี้ พกยาเสพติด เราเอาสุนัขมา ที่ฝึกแล้ว มาดม ควักเอาเลย สุนัขไทย ไม่ใช่สุนัขที่ซื้อมาราคาเป็นแสน สุนัขไทยนี่ ราคาเพียงแค่ค่าอาหารไม่ได้ ทองแดงเนี่ย ไม่ต้องเงินเลย แล้วก็น้องทองหลาง สามตัว 60 บาท ซื้อเพราะว่าเขาเลี้ยงนม ไปซื้อนมมาเลี้ยง สามตัว 60 บาท ก็หมายความว่า ไม่สิ้นเปลือง แล้วก็ได้เรื่อง สามตัว 60 บาท เราก็ได้มา ให้กับแพทย์2 ตัวเขาก็ไปเลี้ยง เขาก็ดีใจ ตัวที่เหลือนั้นก็หมายความว่า 20 บาท ทองหลางนะ อริกับทองแดง เพราะมีน้องลูกของน้าก่อน เขาดมกลิ่นอะไร ๆ ได้สบาย เขาใช้ได้ แล้วเขานั้นน่ะ ติดโรคอันเด้อเฮ้าส์ ทองหลางนี่เป็นอันเด้อเฮาส์ เกิดใต้ตึก แม่เขาขุดอุโมงค์เข้าไปแล้วก็ไปออกลูกใต้ตึก เป็นอันเด้อเฮาส์ ทองหลางนี่พวกครูฝึกเขาสั่นหัว เพราะค่อนข้างจะไม่มีวินัย แล้วนี่ไม่อยากที่จะสอนแต่ถ้าจะสอนก็ได้ ถ้าสมมุติว่ามาที่นี่ เขาจะมาอยู่ แต่คงเห่า พูดอะไรไม่ออก พูดอะไรไม่ได้ เขาก็เห่า เห็นสมเด็จพระเทพฯ ก็เห่า เห่า แต่ว่าสมเด็จพระเทพฯ ต้องไปเขี่ยคางมัน เขาก็เงียบ แต่ว่าสมเด็จจุฬาภรณ์ เห่าไม่หยุด ไม่ใช่จุฬาภรณ์เห่าไม่หยุด ทองหลางเห่าไม่หยุด ไม่หยุดเลย นิสัยเป็นอย่างนี้ กำลังคิดว่าจะทำอย่างไร แต่คราวหน้าอาจจะได้ เพราะกำลังคิดจะทำอย่างไร สำหรับตานี่ จะหนีไปเมืองนอกพรุ่งนี้ มะรืนนี้ จะหนีไปเมืองนอก ก็เลยคงจะไม่พบทองหลาง แต่ทองหลาง เขามาจากวังทองหลาง ถึงบอกกับคุณสมัครว่าอย่าเปลี่ยนเขตวังทองหลาง คุณสมัครจะเปลี่ยนเขตวังทองหลาง เป็นเขตขวาง เอ้อ ห้วยขวาง ทองหลางจะได้ชื่อว่าทองขวาง ไม่เอา ก็ดี คุณสมัครก็ใจดี ก็ยังเป็นคุณทองหลาง คือทองขวางนี่ มันขวางนัก ถ้ามานี่ คงต้องเห่าคุณสมัครแน่ แต่นี่เขามาจากหัวหิน ส่วนทองแดงเขามาจากหัวหิน นั่งรถ บีเอ็ม ซีรี่ส์ 7 มา เขานั่งสบายดีมาก นี่แหละที่มาด้วย ก็ทองแดงกับทองหลาง แหมจะให้ชื่อทองขวาง ไม่เอา
ที่เล่าเรื่องอย่างนี้ ก็ไม่อยากจะเล่าเรื่องอะไรมากมาย แต่ว่ามันมากอยู่แล้ว เรื่องยาเสพติดนี่เข้าใจว่า ถ้าหากว่า ทำโครงการสุนัขเร่ร่อนแล้วก็ทำจริงจัง ลงทุนหน่อย สามารถที่จะใช้สุนัขเร่ร่อนที่ดี ๆ แล้วก็สำหรับคนที่ชอบสุนัขสวย ๆ ที่มีความสามารถในด้านเป็นสุนัขเฝ้าบ้าน อย่างน้องของทองแดง เป็นผู้ชายคนเดียว เขาดูแลบ้าน มีหมามาจากที่อื่น เข้ามา เข้ามาทำสกปรกประตูของบ้าน เข้าไปกัดเลยเสียศักดิ์ศรีสุนัข สุนัขไทยนี่เค้ามีศักดิ์ศรี ถ้ามีคนเข้ามา มาขโมยก็คงต้องกัดแน่ ฉะนั้นเราจะต้องฝึกเค้า ถ้าฝึกเค้าได้ดี ก็สามารถที่จะใช้เป็นสุนัขเฝ้าบ้านได้ แต่เดี๋ยวนี้ปัจจุบัน นี้ในบ้านต่าง ๆ เค้าก็มีสุนัขที่เรียกว่าเร่ร่อนมาอยู่รอบบ้าน คนที่เป็นเจ้าของบ้านเค้าก็เลี้ยงดูอาจจะไม่ชอบต่อระเบียบการเพราะว่าเค้าเร่ร่อน แต่ว่ามีคนมาจะมาปล้นจะมาขโมย เห่า ตอนกลางวันเค้าก็ไม่เห่าหรือไม่ทำอะไรที่ไม่ดี เค้าถ้าทำไม่ดี ตอนกลางคืนเห่าขรมเลย เห่า เห่าอย่างมาก ๆ แต่บางทีเห่ามากเกินไปก็มี แต่ว่าถ้าฝึกดี ๆ ก็สามารถที่จะใช้เป็นสุนัขเฝ้าบ้าน สุนัขสำหรับหาของสุนัขตำรวจ สุนัขทหารก็ได้ แต่ตอนนี้ก็จะต้องทำกองพันที่ฝึก ต้องทำกองพันฝึกสุนัขจะช่วย เดี๋ยวนี้ยังมีตามชายแดนก็มีความจำเป็น มีระเบิดเยอะ ในเขมรก็ระเบิดก็ยังมี แล้วก็ที่อื่นที่เค้านั่นระเบิด ฝึกสุนัขแต่ฝึกคนด้วย ฝึกครูฝึก เรามีสุนัขที่มีคุณภาพดี ไม่สวย สุนัขอาจจะไม่สวย แต่ว่ามีความสามารถ ของเรามีสุนัขพี่น้อง มีตัวโตเท่านี้ นั่นสุดท้องตัวโตเท่านี้ ตัวที่สองตัวครึ่งเดียว ตัวสุดท้องนั่นน้ำหนัก 22 กิโล ตัวที่สอง ตัวที่สามน้ำหนักเพียง 11 กิโล มันไม่เหมือน ตัวที่ห้า เขลอะเลย สีทีแรกนึกว่าขาว แท้จริงเขลอะเป็นจุด ๆ สีดำ สีน้ำตาล หน้า หน้าตาเขลอะ แล้วก็มีตัวยาวอย่างนี้ มีซี่โครงบาน เค้าเลี้ยงไม่สวย แต่มันมีความสามารถ แสดง แสดงได้ แล้วก็ถ้าจัดให้มี จะถึงกองพันนะ เค้ามีกองพันสัตว์ป่ามา เรียกกองพันสุนัขสงคราม เป็นกองพันสุนัขสงคราม ตำรวจก็ได้ฝึกสุนัขสงครามมา ซึ่งได้ไปดูตั้งเท่าไหร่ 20 กว่าปีแล้ว เริ่มแรกไปดูของตำรวจ ก็ได้ผลจริง ๆ ได้ช่วยชีวิตตำรวจที่ไปในภูเขาในป่า แล้วก็สุนัขสงครามนี้ก็ได้ช่วยทหารไม่ให้ต้องโดน โดนระเบิด แต่ต้องเป็นสุนัขที่เป็นพันธุ์ โดยมากก็เป็นอัลเซเชี่ยน หรือเป็นลาบาดอร์ สองอย่างนี้สำคัญแล้วก็มีรีทรีฟเวอร์
แต่นี่สุนัขไทยนี่ ราคาไม่ ไม่ต้อง ไม่ต้องซื้อ แต่ต้องเลือกแล้วก็ต้องฝึก เมื่อเค้าไปฝึก เค้าบอกว่าใช้ได้ แต่บางทีก็ขี้เกียจ บางทีไปเล่นกัน พี่น้องเล่นกัน เค้าขอเวลานอก ขอเล่นบ้าง แต่เวลานอกเสร็จแล้ว เค้าก็ฝึกต่อ บางทีเดิน ๆ ไปไปเจอแมว วิ่งไล่แมว ต้องวิ่งไล่ เวลาวิ่งไล่แมวเสร็จ ครูฝึกบอกพอแล้ว ๆ กลับมา เค้าก็กลับมาแล้วก็ทำงานต่อ ฝรั่งเค้าไม่ทำ ฝรั่งเค้าไม่มีเล่น เวลานอกไม่มี แต่ฝรั่งเครียด อย่างครั้งก่อนนี้ ประธานาธิบดีมา เค้าเอาสุนัขสงครามมาด้วย มาแล้วก็ เค้ากลัวว่าเดี๋ยวใครเอาระเบิดมาใส่ เดิน ๆ ไปแหมทำหน้าที่เคร่งเครียด มีสุนัขไทยหนังกลับ พันธุ์หนังกลับโพล่มาจากใต้ถุนมา สุนัขฝรั่งมองดูนึกว่าผี นึกว่าผีเปิดแน่บเลย เปิดแน่บเลย เค้าเป็นประสาทสั่น….สั่น ทำงานไม่ได้ มาเจอผี ได้ความว่ากว่าจะหายสั่น หายกลัวต้องส่งกลับไปอเมริกา ต้องทำ rehabilitation แหมต้องไปหาจิตแพทย์ จิตสัตวแพทย์ เกือบแย่ แล้วตอนหลังเสร็จแล้วก็ปลดราชการ นี่หมาฝรั่ง ไม่น่าเชื่อ เป็นอย่างนั้น ทางตำรวจเค้ารู้นะ สุนัขผีไทย มี มีตรงนั้นเค้าไม่รู้ว่าเป็นผี เค้าบอก ghost เค้ากลัวตกใจ นี่สุนัขหนังกลับของเรามีประสิทธิภาพสูง แต่ว่าสุนัขหนังกลับพวกนั้นสุดท้ายเค้าก็หายต๋อมไปเลย ลงไปใต้ใต้ตึกต่อ ก็เลยหมายความว่าสุนัขไทยนี่มีความสามารถ เค้าเล่าให้ฟังอย่างนั้น ไม่ทราบว่าสุนัขเหล่านั้นจะทำอะไรต่อไป แต่ว่าในที่สุดเข้าใจว่าถูก กทม.จับไป ไม่ให้รางวัลเลย ที่จริงควรจะให้รางวัล ไปเลี้ยงดู แล้วก็ถ้าเลี้ยงดูพวกสุนัขหนังกลับก็อย่างแม่มะลิ สุนัขหนังกลับอีกหน่อยก็สวย แล้วก็มีความกตัญญู มีความดี
ฉะนั้นก็เล่าเรื่องราวอะไรต่าง ๆ เยอะแล้วคงพอแล้ว เพราะว่าถ้าเล่าต่อไปก็คง คงชักจะเบื่อแล้วก็ชักนึกว่าชักฟั่นเฟือน แต่ว่าเราพูดนี่ไม่ใช่ฟั่นเฟือนนะ เป็นความจริง แล้วก็เมืองไทยนี่มีทรัพยากรดี ๆ ไม่ทำไม่ใช้ เดี๋ยวต้องไปกู้เงินอะไรที่ไหนมา มาพัฒนาประเทศ ที่จริงสุนัขฝรั่งก็ต้องซื้อบ้างต้องมี แต่ว่าเรามีของทรัพยากรที่ดีเราต้องใช้ ไม่ใช่สุนัขนะ อื่น ๆ ของอื่น ๆ หลายอย่าง แล้วก็ที่นายก ฯ พูดถึง ทฤษฎีใหม่ พูดถึงเศรษฐกิจพอเพียง นี่เราไม่ได้ซื้อจากต่างประเทศ แต่ว่าเป็นของพื้นเมือง แล้วก็ไม่ได้ อาจจะอ้างว่าเป็นความคิดของของพระเจ้าอยู่หัว ไม่ใช่ ทำมานานแล้ว ทั้งราชการ ทางราชการ ทั้งพลเรือน ทั้งทหาร ทั้งตำรวจได้ใช้ เศรษฐกิจพอเพียงมานานแล้ว อย่างตำรวจไปเปิดโรงเรียนที่บนภูเขาใช้เศรษฐกิจพอเพียงแท้ ๆ โรงเรียน สร้างโรงเรียนใช้ไม้ผุ ๆ พัง ๆ ก็ไปเลือกมา แล้วก็คนที่เป็นครูเค้าเป็นตำรวจ 2 คน ได้เลี้ยงดูสอนเด็ก 10 คน 15 คน แล้วก็นอกจากเลี้ยงดูยังเป็นบุรุษพยาบาลด้วย ดูผู้ที่เป็น เป็นมาเลเรีย ตรวจเลือด ตำรวจพวกนี้เค้าตรวจเลือดแล้วก็เมื่อเป็นอย่างไร แล้วก็ส่งผู้ที่ป่วยช่วยชีวิตเด็กและผู้ใหญ่มากมาย แต่อย่างนี้ถือว่าเถื่อน หาว่าเถื่อน พวกตำรวจชายแดน คนอื่นในกรุงหาว่าเป็นตำรวจป่า แต่ที่จริงตำรวจป่าเค้าช่วยชีวิตคนมากมายมากหลาย เมื่อพูดถึงตำรวจป่า มีที่หัวหิน มีลิงมาเยี่ยม ก็ลงหนังสือพิมพ์ ลิงมาเยี่ยม ที่ไกลกังวล ทีแรกมาเยี่ยมสมเด็จพระเทพฯ นะ แล้วก็ไปปีนบนต้นไม้ แล้วก็ครูฝึกของสุนัขก็ปีนต้นไม้ขึ้นไปเอากล้วยไปให้เค้า เค้าไม่เอา เค้าลงมาแล้วก็ปีนขึ้นมาบนตำหนัก ปีนขึ้นบนตำหนัก บนหลังคาห้อง พอดีเค้ามาเคาะประตู โป้ง โป้ง โป้ง โป้ง ลิง ลิง ลิง ลิง ลงท้ายก็เอา เอากล้วยไปไปให้เค้า เค้าก็ลงมา ลิงก็ไม่รู้ว่าชื่ออะไร ก็บอกไอ้จ๋อ ไอ้จ๋อมากินกล้วย ก็มอง เขี้ยวยาวเท่านี้ ไอ้จ๋อกินกล้วย เค้าก็มากินกล้วย เสร็จแล้วก็ให้มะละกอ เค้ากิน กินเสร็จแล้วก็ปีนขึ้นไปบนหอ ต่อจากนั้นก็เรียกไอ้จ๋อลงมา มากินกล้วย เค้าก็มา บนกำแพงมอง เลยบอก เอ้นี่ มาอยู่ในนี้ก็ต้องเรียกว่าไอ้จ๋อไม่ได้ เดี๋ยวมันโกรธ ต้องเรียกว่าคุณจ๋อ คุณจ๋อก็ไม่ได้ แล้วจะให้ชื่ออะไร ชื่อ ศักดา คุณศักดา ก็โก้ แล้วก็บอกว่าอย่าเพิ่งลงมา จะเอากล้วยไปวางไว้บนที่ของนก ก็มอง ว่า เดี๋ยว เดี๋ยว อย่าเพิ่ง แล้วก็เข้าไปข้างใน เขาก็กระโดดไป ไปกินกล้วย เขามาวันเสาร์ เขาอยู่วันอาทิตย์ ก็ถามพวกตำรวจ ทหาร ว่า ยังไง เขาสงสัยว่ามาจากเขาตะเกียบ ชื่อว่า คุณสรพงษ์ ไม่ใช่คุณศักดา ชื่อคุณสรพงษ์ แต่นี่เขาไปตามหาดทราย ไปถึงสนามบิน ไปเข้าห้องของครูฝึกบิน ไปทำอะไรไม่รู้ แหม เอะ อะ ก็ไล่ แล้วก็ข้ามถนนเพชรเกษมไป ไปวัด วัดชื่ออะไรจำไม่ได้ ต้องไปถามผู้บังคับการจังหวัดทหารบกเพชรบุรี ไปที่วัด เจ้าอาวาสเขาพบสุนัขกลัว ก็กลับมาที่ไกลกังวล มาที่ห้องครูใหญ่ โรงเรียนไกลกังวล เราก็เลยนึกว่าคุณสรพงษ์จะมาสมัครเป็นครูใหญ่ แต่ผลสุดท้ายก็ไม่เอา กลับไปที่เขาตะเกียบ ไปหาพ่อแม่พี่น้อง ไปที่ ๆ ไกลกังวล นึกว่า จะเห็นสาว ๆ สวย ๆ ไม่ไหว แก่ เพราะสาว ๆ สวย ไปโน่น ไปต่างจังหวัดกันหมด ไปกับสมเด็จพระนางเจ้า ฯ เลยไม่อยู่ เขากลับไปที่เขาตะเกียบ ไปหาพ่อหาแม่ ทีแรกก็มากับพี่ กลับไปกับพี่น้อง เลยไม่เอาแล้ว สรพงษ์ น่ากลัว
ปีที่แล้วนี่ ไปเจอสัตว์แปลก ๆ แต่ไม่ได้เขียนหนังสือเรื่องสรพงษ์ เขียนหนังสือเรื่องสรพงษ์เนี่ย เขียนไม่ได้ ต้องให้ทหารตำรวจเขาเขียน แต่ว่า ทองแดง เราเขียนได้ ไม่ทราบว่า ซื้อหนังสือทองแดงได้หรือยัง วันละสองหมื่น ….สองหมื่นเล่ม เจ็ดวัน ก็แสนสี่หมื่นเล่ม ทั้งหมดก็ถึงสองแสน ก็ถ้าต้องคอย ก็ต้องมีความเพียร คอยหน่อย …. ถึงเวลาก็…ซื้อได้ เราจะให้ ก็ให้ไม่ได้ ไม่มี แต่ว่าเดี๋ยวนี้เขามาขาย วางขาย แต่ไม่พอ วันนี้เขาบอกว่าสองหมื่นสองพันหกร้อยสี่คน แต่อาจจะไม่ถึง อาจจะขาดไปสองสามคนก็มี เป็นสองหมื่นสองพันหกร้อยแปดคน แต่สองหมื่นนี่แหละ วันหนึ่งนะ ที่เขาต้องเย็บ ถ้าจะซื้อ ให้คนที่มาต่างจังหวัดเขาซื้อก่อน เขาอุตส่าห์มาไกลเพื่อมาซื้อ เพราะฉนั้น ผู้ที่อยู่แถว ๆ นี้ก็ ยังพอมีเวลาหาซื้อได้ หรือไม่อย่างนั้นก็ให้ไปซื้อที่หัวหิน อ่านแล้วก็อย่าโกรธ คือ กลัวทั้งนั้นแหละ อ่านแล้วเดี๋ยวหาว่าเรา แขวะคนนี้ แขวะคนโน้น ไม่ใช่ …. เราจะแขวะก็แขวะหมาเท่านั้นแหละ ไม่ได้แขวะคน…. เพราะว่า หมาแขวะแล้ว เขาไม่โกรธ คนแขวะแล้ว เขาก็โกรธ แต่ก็อ่านแล้วอย่าโกรธ ไม่งั้นถ้า อ่านแล้วก็โกรธ ก็ไม่ดี เดี๋ยวทำให้ผู้เขียนนั้นเดือดร้อน
อย่างไรก็ขอบใจท่านทั้งหลายที่มา และก็มาให้พร ก็ขอให้มีสุขภาพอนามัยที่แข็งแรง อย่าเครียดจนเกินไป คือว่า ถ้าเครียดแล้ว สุขภาพจะไม่ค่อยดี ก็ให้สุขภาพดี ๆ งานให้เรียบร้อย ได้สามารถที่จะได้ปฏิบัติภาระกิจต่าง ๆ โดยที่ไม่ทะเลาะกันมากเกินไป คือสังเกตุดู หมู่นี้คนนั้นพูดอย่าง คนนั้นพูดอีกอย่าง ทะเลาะกัน ๆ ไม่มีประโยชน์ คิดให้ดี ๆ แล้วก็ บ้านเมืองก็จะเรียบร้อย ถ้าบ้านเมืองเรียบร้อย ทุกคนมีความสุข ก็ขอให้ทุกคนทำการทำงานอะไร ให้มีความสำเร็จ มีความเรียบร้อย …..ทุกคนมีความสุข บ้านเมืองมีความเจริญ ก็ขอให้ได้มีความสำเร็จทุกประการ

Royal Activities & Royal Projects