บทนิเทศ
พิธี
คือ แบบอย่าง แบบแผน
หรือรูปแบบต่างๆ
ที่พึงปฏิบัติในทางศาสนา
โดยเฉพาะ พระพุทธศาสนา
เรียกว่า ศาสนพิธี
ความจริงเรื่อง ศาสนพิธี
เป็นเรื่องที่มีด้วยกันทุกศาสนา
และเป็นเรื่องเกิดขึ้นทีหลังศาสนา
หมายความว่า
มีศาสนาเกิดขึ้นก่อนแล้วจึงมีพิธีต่างๆ
เกิดตามมาภายหลัง
แม้ศาสนพิธีในพระพุทธศาสนาก็เช่นกัน
เกิดขึ้นภายหลังทั้งสิ้นเหตุเกิดศาสนพิธีในพระพุทธศาสนานี้
ก็เนื่องจากมีหลักการของพระพุทธศาสนา
ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงวางไว้แต่ในปีที่ตรัสรู้
เพื่อสาวกจะได้ถือเป็นหลักในการออกไปประกาศพระศาสนา
อันเรียกว่า "โอวาทปาติโมกข์"
ในโอวาทนั้น
มีหลักการสำคัญที่ทรงวางไว้เป็นหลักทั่วๆไป
๓ ประการคือ
๑.สอนไม่ให้ทำความชั่วทั้งปวง
๒.สอนให้อบรมกุศลให้พร้อม
๓.สอนให้ทำจิตใจของตนให้ผ่องแผ้ว
โดยหลักการทั้ง ๓ นี้
เป็นอันว่าพุทธบริษัทต้องพยายามเลิกละความประพฤติชั่วทุกอย่างจนเต็มความสามารถ
และพยายามสร้างกุศลสำหรับตนให้พร้อมเท่าที่จะสร้างได้
กับพยายามชำระจิตใจให้ผ่องใสอยู่เสมอ
ด้วยการพยายามทำตามคำสอนในหลักการการนี้
เป็นการพยายามทำดี เรียกว่า
"ทำบุญ"
และการทำบุญนี้แหละพระพุทธเจ้าทรงแสดงวัตถุ
คือที่ตั้งอันเป็นทางไว้โดยย่อ
ๆ ๓ ประการ เรียกว่า "บุญกิริยาวัตถุ"
คือ
๑.ทาน
การบริจาคสิ่งของของตนให้เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น
๒.ศีล
การรักษากายวาจาให้สงบเรียบร้อยไม่ล่วงพุทธบัญญัติ
๓.ภาวนา
การอบรมจิตใจให้ผ่องใสในทางกุศล
บุญกิริยานี้เอง
เป็นแนวให้พุทธบริษัทปฏิบัติตามหลักการดังกล่าวข้างต้นและเป็นเค้าให้เกิดศาสนพิธีต่างๆขึ้นโดยนิยม
คือ ในกาลต่อ ๆ มา
พุทธบริษัทนิยมทำบุญ
ไม่ว่าจะปรารภเหตุใดๆ
ก็ให้เข้าหลักบุญกิริยาวัตถุ
๓ นี้ โดยเริ่มต้นมีการรับศีล
ต่อไปภาวนาด้วยการสวดมนต์เองหรือฟังพระสวดแล้วส่งใจไปตาม
จบลงด้วยการบริจาคทานตามสมควร
เพราะนิยมทำบุญเป็นการบำเพ็ญความดีดังกล่าวนี้
และทำในกรณีต่าง
ๆกันตามเหตุที่ปรารภ
จึงเกิดพิธีกรรมขึ้นมากประการ
เมื่อพิธีกรรมใด
เป็นที่นิยมและรับรองปฏิบัติสืบ
ๆมาจนเป็นประเพณี
พิธีกรรมนั้นก็กลายเป็นศาสนพิธีขึ้น
ฉะนั้น ศาสนพิธีจึงมีมากมาย
เมื่อแยกเป็นหมวดก็สงเคราะห์ได้
๔ หมวด คือ
๑.หมวดกุศลพิธี ว่าด้วยพิธีบำเพ็ญกุศล
๒.หมวดบุญพิธี ว่าด้วยพิธีทำบุญ
๓.หมวดทานพิธี
ว่าด้วยพิธ๊ถวายทาน และ
๔.หมวดปกิณกพิธี ว่าด้วยพิธีเบ็ดเตล็ด
<<
อ่านหมวดนี้ได้เลยคลิค
|