ความว่างต่างจากสุญตา
คือสุญตานั้นเป็นธรรมที่เป็นเครื่องอยู่ของพระอริยเจ้า
เป็นธรรมชาติที่เต็มเปี่ยมบริบูรณ์แห่งจิต
ไม่มีการบกพร่องแต่อย่างได
ส่วนความว่างในที่นี้
หมายถึงความว่างที่ผู้ปฎิบัติสร้างขึ้นได้
ซึ่งในทางปฎิบัตินั้นมีอยู่ 2
ทางคือ
1. ความว่างแบบสมถะ
เป็นความว่างที่ไม่มีสภาวธรรมรองรับ
คือว่างจากอารมณ์นึกคิดปรุงแต่งต่างๆ
อยู่ในอาการที่สงบนิ่งด้วยอำนาจที่จิตอยู่ในสมาธิ
แต่ยังไม่หมดกิเลส
คือในความสงบนิ่งนั้น
จิตยังมีอนุสัยนอนเนื่องอยู่ในสันดานเพียงแต่ถูกกดข่มด้วยอำนาจสมาธิชั่วคราว
ทำให้จิตว่างจากอารมณ์ปรุงแต่ง
และไม่ถูกกิเลสตัณหารบกวนใจ
แต่ไม่สามารถทำลายกิเลสได้
เหมือน กับการเห็นแสงไฟนีออน
มีแสงเย็นตาไม่เห็นการเกิดดับของกระแสไฟในหลอด
2. ความว่างแบบวิปัสสนา
ความว่างแบบวิปัสสนาเป็นความว่างจากความนึกคิดปรุงแต่ง
ว่างจากราคะ โทสะ โมหะ
แต่ยังเป็นสภาวธรรมอยู่
คือเห็นอาการเกิดดับของจิตด้วยปัญญา
เหมือนการมองดูหลอดไฟด้วย
ซึ่งเป็นสภาวะการทำงานของจิตในขณะที่จิตทำงานเกิดดับอยู่นั้น
กิเลสตัณหาจะไม่เกิดขึ้นในจิต
และกิเลสตัณหาเก่าที่มีอยู่แล้วก็จะถูกทำลายไปด้วย
จึงเรียกว่าเป็นความว่างแบบวิปัสสนา
คือจิตว่างจากอารมณ์นึกคิดปรุงแต่ง
ว่างจากกิเลสตัณหา
แต่มีสภาวธรรมคืออาการเกิดดับของจิตปรากฎขึ้น