อุ้มไม่เลิก
กาลครั้งหนึ่ง นานมาแล้ว
มีพระนิกายเซน 2
องค์ธุดงค์ไปในชนบทด้วยกัน
มาพบเด็กหญิงคนหนี่งนั่งร้องไห้อยู่ริมลำธารที่ไหลเชี่ยว
เด็กบอกกับพระทั้งสองว่าเธอกลัวจมน้ำ
ขอให้พระช่วยพาข้ามน้ำให้หน่อย
โดยไม่พูดพล่ามทำเพลง
พระองค์หนึ่งอุ้มเด็กหญิงขึ้นแล้วเดินข้ามลำธาร
แล้ววางเด็กหญิงลงอีกฝั่ง
เธอกราบขอบคุณพระที่ช่วยเธอ
แล้วเดินจากไป
พระทั้งสองจึงธุดงค์ต่อไปตามทางของท่าน
สักพักใหญ่
พระองค์หนึ่งถามพระองค์ที่อุ้มเด็กหญิงข้ามฝั่งว่า
" ท่านทำเช่นนั้นได้อย่างไร
มิอาบัติหรือที่แตะต้องผู้หญิง
?" พระองค์นั้นตอบว่า"
เราได้วางเด็กหญิงคนนั้นลงเมื่อข้ามฝั่งแล้ว
ทำไมท่านจึงยังอุ้มเขาอยู่อีกเล่า
"
ทำไมท่านจึงยังยึดอยู่เล่า
ทั้งที่ควรวางมันลงนานแล้ว
ท่านยังยึดถือความผิดหวัง
ความเสียใจ ความโกรธ ความเกลียด
และความคิดไม่ดีต่างๆไว้
ทั้งๆสิ่งเหล่านั้นไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์
บุคคลและสิ่งของ
ไม่ได้อยู่ที่นี้แล้ว
ผ่านไปแล้ว
ทำไมท่านจึงยังเพ่งโทษอยู่เล่า
ชีวิตเปรียบเสมือน
เรือแล่นจากฝั่งหนึ่งไปยังอีกฝั่งหนึ่ง
ขณะที่เรือแล่นไปในน้ำ
ก็แหวกน้ำออกเป็นแนวคลื่น
แนวคลื่นนี้เปรียบได้กับผลแห่งกรรมที่กลายเป็นอดีต
แนวคลื่นที่ท้ายเรือไม่ได้ช่วยให้เรือแล่นไปข้างหน้าฉันใด
อดีตก็ไม่ได้ช่วยให้เรือของท่านวิ่งไปอีกฝั่งได้ฉันนั้น
สิ่งที่ผ่านไปแล้วคือสิ่งที่แล้วไปแล้ว
ถ้าเธอไม่มองไปยังหัวเรือ
และมีสติกับปัจจุบัน
เธอก็มิอาจหลีกเลี่ยงที่จะวิ่งเข้าไปชนกับซุงที่ลอยมาตามน้ำ
หรือ อันตรายอื่นๆ
ที่เป็นอุปสรรคกับการเดินทาง
และอาจเป็นอันตรายถึงแก่ขีวิตของเธอได้
สิ่งที่เธอทำในอดีต
มันสำเร็จเสร็จสมบูรณ์แล้วทุกครั้ง
เหมือนสมุดเงินฝากธนาคารที่มีการรันยอดอยู่ตลอดเวลา
การที่เธอยึดติดกับอดีตและฝันถึงแต่อนาคตทำให้เธอต้องจ่ายหนี้กรรมเก่าอยู่ตลอดเวลา
ลองใหม่ทำใหม่เพียงแต่เธออยู่กับขณะปัจจุบัน
และรู้อยู่ในขณะที่เรือกำลังแล่นผ่านน้ำไป
นี้คือวิธีที่เราไม่สร้างกรรมใหม่
และหยุดกรรมเก่าไว้ได้
จงทำใจให้สบาย นั่งลงในท่าสมาธิ
เฝ้าดูลมหายใจเข้าออก
ให้มีสติรู้ว่าลมเข้า และลมออก
ไม่ต้องฝืน
และปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ
นึกภาพหรือจิตนาการภาพของทวดของท่านในใจ
มองเห็นว่าท่านเหล่านั้นได้เกิดขึ้นในโลก
มีชีวิตอยู่
แล้วในที่สุดให้กำเนิดปู่ย่าของท่าน
ปู่ย่าของท่านเกิดขึ้น
มีชีวิตอยู่
แล้วให้กำเนิดพ่อแม่ของท่าน
จิตนาการภาพว่าพ่อแม่ของท่านได้เกิดขึ้น
มีชีวิตอยู่ในเหตุการณ์ต่างๆ
แล้วก็ให้กำเนิดท่าน
นึกภาพนั้นให้ชัดเจน
แต่อยู่เฉยๆ เพียงให้ความรู้สึก
และอารมณ์แห่งภาพยนต์นี้ฉายผ่านไป
เหมือนสายน้ำไหลไป
ผ่านตาผ่านใจของเรา
และเช่นเดียวกับพระธุดงค์องค์นั้น
ทิ้งทุกอย่างที่ผูกพันธ์ในชีวิตที่ผ่านมาให้หยุดอยู่ตรงนี้
เพียงรู้ว่าเรากำลังนั่งอยู่ในเรือแห่งชีวิต
ที่แล่นไปอีกฝั่งการมองไปในอดีตเป็นเพียง
เอาตัวเราไปผูกกับบรรพบุรุษ
ไปผูกกับกรรมเก่า
ไปยึดกับทุกข์เหล่านั้น
ให้เรามองไปข้างหน้าทำใจให้สบาย
อยู่อย่างเป็นสุข
อยู่อย่างไม่มีกรรมกรรมผูกพันธ์