สวรรค์ชั้นที่ ๑ จาตุมหาราชิกา...

สวรรค์อันเป็นที่อยู่ของชาวฟ้าชั้น ๑
หรือชั้นต่ำสุดนามว่า
จาตุมหาราชิกา


แบ่งเป็นพระนครใหญ่ ๔ พระนครด้วยกัน
แต่ละพระนครมีกำแพงทองเหลืองอร่ามประดับด้วยแก้ว ๗ ประการ
บานประตูกำแพงก็ทำด้วยแก้วมณีสูงค่า และมีปราสาท
อันสวยงามอยู่เหนือประตูทุกด้าน ภายในพระนครอันกว้างใหญ่
ไพศาลนั้น มีปราสาทแก้วมิมานของชาวฟ้ามากมาย
ตั้งอยู่บนพื้นแผ่นทองคำสีเหลืองอร่ามรุ่งเรืองจรัสจ้าด้วยแสงสี
ราบเรียบดุจหน้ากองและอ่อนนิ่มด้วยฟองน้ำ เวลาชาวฟ้าเหยียบ
ลงมาจะอ่อนยุบตัวลงแล้วฟูขึ้นดังเดิม

ใจกลางพระนครยังมีสระโบกขรณี อันมีน้ำใส่แจ๋ว
ดารดาษด้วยดอกบัวบานนานาชนิด ส่งกลิ่นหอม
ตลบอบอวลไปทั่วอาณาบริเวณ และรอบ ๆ สระโบกขณี
ต้นไม้สวรรค์ ดกหนาด้วยผลอันโอชารสอยู่ตลอดกาล

เหล่าชาวฟ้าทั่วหน้ามีสิทธิตักตวงหาความสุขจากสิ่งอำนวยความสะดวก
และผลาหารทั้งมวล ซึ่งมีอยู่บนสวรรค์นี้ตลอดเวลา

และพระนครทั้ง ๔ แห่งที่กล่าวนั้น แต่ละพระนคร มีเทวาธิราชผู้ยิ่งใหญ่
ปกครอง ๔ พระนคร คือ





๑ ธตฺรฐมหาราช

พระนครใหญ่อันสวยงาม ซึ่งตั้งอยู่ ณ ทิศตะวันออกแห่งสวรรค์
มีเทวาธิราชผู้ยิ่งใหญ่ทรงพระนามว่า "ฐตรฐมหาราช" ปกครอง
ท้าวเธอมีบุญญานภาพมาก มีฤทธิ์มาก ทรงปกครองทวยเทพหรือ
ชาวฟ้าที่อยู่ด้านทิศตะวันออกให้ได้รับความสุขสำราญโดยทั่วหน้า
และนอกจากนั้นยังทรงปกครองหมู่คนธรรมพ์ซึ่งนับเป็นเทวดา
พวกหนึ่งด้วย และพวกนี้มีความถนัดในการดนตรีศิลปะ ระบำฟ้อน
และชำนาญในการร้องเพลงยิ่ง แม้หากว่ามีงานสโมสรสันนิบาตใหญ่
บนสวรรค์ ไม่ว่าชั้นไหน ก็นิยมเรียกเหล่าคนธรรพ์นี้ไปขับกล่อมให้
สันนิบาตนั้นให้ได้รับความสนุกสนานรื่นเริง

ในบรรดาคนธรรมพ์ทั้งมวล ผู้มีชื่อเสียงมากที่สุด ที่มนุษย์รู้จักกันดีคือ
"ปัญจสิขรคนธรรพ์" ท่านผู้นี้ขณะที่เป็นมนุษย์ เป็นนักดีดพิณชื่อโด่งดังมาก
และได้ทำบุญไว้พอสมควร ครั้นตายไป ก็บังเกิดเป็นเทพบุตรสุดโสภา
อยู่บนสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา และอยู่ในหมู่คนธรรพ์ มีฝีมือยอดเยี่ยม
ทางดีดพิณ เป็นที่โปรดปรานของพระอินทร์ยิ่งนัก กล่าวกันว่า
ขณะที่พระองค์เสด็จลงเนรมิตบันไดทองถวาย และมีปัญจสิขรคนธรรพ์นี่แหละ
ถือพิณดีดขับร้องประสานเสียง นำเสด็จลงมาเบื้องหน้าแห่งพระพุทธเจ้า
ด้วยเสียงที่ไพเราะนักหนา จนเป็นที่กล่าวขานถึงความซาบซึ้งตรึงใจมากระทั่งวันนี้...

ภาพของปัญจสิงขรคนธรรพ์ถือพิณมักจะปรากฏมีให้เห็น ณ
ผนังด้านหลังที่ประทับของพระพุทธรูปตามโบสถ์วิหาร
หรือศาลาการเปรียญใหญ่ ๆ เสมอ




๒ วิรุฬหกมหาราช

พระนครอันยิ่งใหญ่รุ่งเรืองแห่งที่สอง ซึ่งตั้งอยู่ด้านทิศใต้ มีเทวาธิราชผู้ยิ่งใหญ่
ทรงพระนามว่า "วิรุฬหกมหาราช" เป็นผู้ปกครอง พระองค์มีบุญญานุภาพมาก
มีฤทธิ์กล้า พลังมาก เทพที่อุบัติมาเป็นบุตรของพระองค์มีมากมาย
แล้วแต่มีกำลังและฤทธิ์มากทั้งนั้น

วิรุฬหกมหาราชปกครองเทพที่อยู่ทางทิศใต้ ให้มีความผาสุกสำราญ
ปราศจากภัยใด ๆ จะกล้ำกราย และนอกจากนั้นพระองค์ยังปกครองพวก
"กุมภัณฑ" หรือยักษ์พวกหนึ่ง ซึ่งมีรูปร่างแปลกประหลาดพิกล คือ
มีท้องใหญ่ มีลูกอัณฑะใหญ่เหมือนหม้อ ยักพวกนี้มีฤทธิ์มาก ถือกระบอง
อันใหญ่ คอยพิทักษ์รักษาท้าววิรุฬหกเจ้านายของมันอย่างเข้มงวดกวดขันยิ่ง





๓ วิรูปักษ์มหาราช

พระนครอันยิ่งใหญ่สวยงามแห่งที่สาม ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตก
มีเทวาธิราชผู้ยิ่งใหญ่ปกครองเช่นเดียวกับพระนครอื่น ๆ
เทวาธิราชพระองค์นี้พระนามว่า "วิรูปักษ์มหาราช"
พระองค์ทรงมีฤทธานุภาพสูงส่ง
มีรัศมีสดใสเป็นจอมเทพปกครองเทวดาที่อยู่ทางทิศตะวันตก
ให้ได้รับความผาสุกโดยทั่วหน้า

วิรูปักษ์มหาราชทรงปกครองพวก "นาค" ซึ่งอยู่ในมหาสมุทรอีกด้วย
กล่าวกันว่า พวกนาคนี้มีฤทธิ์มากสามารถที่จะใช้พิษ
ตัดผิวหนังของใครต่อใคร ให้ถึงแก่ความตายได้ในพริบตา

พวกนาคนี้ มีความเคารพยำเกรงต่อท้าววิรูปักษ์ยิ่งนัก




๔ เวสสุวรรณมหาราช

พระนครอันยิ่งใหญ่รุ่งเรืองแห่งที่สี่ ตั้งอยู่ด้านทิศเหนือ
มีเทวราชผู้ยิ่งใหญ่พระองค์หนึ่ง ทรงพระนามว่า "เวสสุวรรณมหาราช"
เป็นจอมเทพปกครอง พระองค์ทรงมีฤทธานุภาพ บุญญานุภาพแผ่ไพศาล
ไปทั่วพระนครทรงทำหน้าที่ปกครองทวยเทพที่อยู่ด้านทิศเหนือ
ให้ได้รับความผาสุกโดยทั่วหน้า

นอกจากนั้น เวสสุวรรณมหาราชยังทรงปกครอง
พวกยักษ์ทั้งหมดอีกด้วย และมีนามอีกนามหนึ่งว่า
"ท้าวกุเวร"

รวมความว่า สวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา อันเป็นชั้นที่ ๑ นี้
มีเทวาราชทั้งสี่พระองค์ปกครอง ให้เทวดาทั้งมวล
อยู่อย่างสุขสำราญ กระทั่งสิ้นบุญใครบุญมัน
ซึ่งอายุของเทวดาผู้สถิต ณ สวรรค์ชั้นนี้ ถ้าคำนวนปีแห่ง
มนุษย์โลกเรา เท่ากับล้านปี หรือ ๕๐๐ ปีในเมืองสวรรค์

ผู้ที่จะมาเกิดเป็นเทวดาเสวยสุขอยู่ในสวรรค์ชั้นที่ ๑ นี้
ขณะที่เป็นมนุษย์ต้องเป็นผู้มีจิตบริสุทธิ์ พยายามทำบุญ
ให้ทานรักษาศีล เป็นคนสันโดษ ยินดีแต่ของ ๆ ตน
เป็นหัวหน้าชักชวนคนทั้งหลายให้ประกอบการบุญกุศล
ครั้นสิ้นบุญในเมืองมนุษย์ ก็จะมาเกิดบนสวรรค์ชั้นนี้แล...

webmaster
songkran2000@chaiyo.com
[ กวีไทย ] [ ดอกสารภี ] [ บ้านกลอนรจนา ] [ กุหลาบเวียงพิงค์ ]

ยินดีต้อนรับเข้าสู่เครือข่ายกวีไทย