สวรรค์ชั้นที่ ๒ ดาวดึงส์... |
สวรรค์ชั้นที่ ๒
ดาวดึงส์...
สวรรค์ชั้นฟ้า
สูงขึ้นจากชั้นจาตุมหาราชิกา
ชื่อว่า
ดาวดึงส์
ตั้งอยู่เหนือภูเขาสิเนรุ
เป็นพระนครยิ่งใหญ่กว้างขวางมาก
มีเนื้อที่ถึงหนึ่งหมื่นโยชน์
ล้อมรอบด้วยกำแพงแก้วสูงสิบหกโยชน์
มีประตูเข้าออกถึง ๑๐๐๐ แห่ง
อีกทั้งมีปราสาทยอดสุดสวยงามอยู่เหนือประตูทุกแห่ง
ขณะที่เปิดประตูแต่ละครั้ง
จะปรากฏเสียงดนตรีอันไพเราะเพราะพริ้งกังวานขึ้น
และแสนเสนาะโสตยิ่งนัก
ภายในนครอันยิ่งใหญ่สวยงามนี้
มีอุทยานใหญ่ ๆ ซึ่งดารดาษด้วย
ดอกไม้แสนสวยงามสีสวย ระรื่นหอม
อยู่ ๔ แห่งด้วยกัน คือ
ทิศตะวันออก มีอุทยานใหญ่ ชื่อ
นันทวัน
ทิศตะวันตก มีอุทยานชื่อ
จิตรลดาวัน
ทิศเหนือ มีอุทยานชื่อ สักกะวัน
ทิศใต้ มีอุทยานชื่อ ผรุสกวัน
นอกจากนั้นยังมี สระโบกขรณี
มีน้ำใสดังแผ่นกระจก
รอบสระประดับด้วยก้อนหินมีรัศมีสีสวย
มีแท่นที่นั่งเล่นขาวสะอาดสวยงาม
เหล่าเทพบุตรเทพธิดาย่อมมาหาความสำราญ
ณ สวนสวรรค์เหล่านี้เสมอ
ณ ใจกลางพระนคร
มีปราสาทอันงดงามที่สุดในสวรรค์ชั้นนี้
ชื่อ
"ไพชยนต์มหาปราสาท"
สร้างขึ้นด้วยแก้ว ๗ ประการ
สูงถึงพันโยชน์
ล้อมรอบด้วยกำแพงแก้ว ๗ ประการ
หาปราสาทใดในสามโลกมาเปรียบปานมิได้
และภายในไพชยนต์มหาปราสาทนั้น
มีวิมานทองหลังหนึ่งสูง ๗๐๐
โยชน์
ประดับประดาด้วยแก้ว ๗ ประการ
เช่นเดียวกัน
ปราสาทไพชยนต์ นี้
เป็นที่ประทับขององค์เทพผู้เป็นเทวาธิราช
พระนามว่า
สมเด็จพระอมรินทราธิราช
หรือเรียกตามภาษาชาวบ้านว่า "พระอินทร์"
นอกจากนั้น
ยังมีปราสาทแก้วอันงดงามหลังอื่น
ๆ ที่แวดล้อมไพชยนต์มหาปราสาท
อยู่อีก ๓๒ หลัง
เป็นที่อยู่ของเทพผู้ใหญ่สหายของพระอินทร์
๓๒ องค์
มีสถานที่สำคัญที่สุดอยู่แห่งหนึ่ง
ณ เมืองฟ้า ชั้นดาวดึงส์นี้
นั่นคือ พระจุฬามณีเจดีย์
ตั้งอยู่ด้านทิศอาคเนย์
หรือตะวันออกเฉียงใต้ของพระนคร
เป็นเจดีย์ทรงสันฐานใหญ่
สร้างด้วยแก้วอินทนิล
ตั้งแต่กลางองค์ถึงยอดเจดีย์ทำด้วยทองคำแท้
แล้วประดับด้วยแก้ว ๗ ประการ
พระจุฬามณีเจดีย์ นี้
มีส่วนสูงถึงแปดหมื่นวาล้อมรอบด้วยกำแพงทองคำล้วน
และกำแพงแต่ละด้านยาวถึงหนึ่งแสนหกหมื่นวา
นับว่าเป็นพระเจดีย์ที่งดงาม
โอฬาริกที่สุด
พระจุฬามณีเจดีย์
สร้างขึ้นโดยพระอินทร์
เทวาธิราชแห่งสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
เพื่อเป็นที่บรรจุพระเกศโมลีของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ที่ทรงตัดขณะที่
เสด็จออกบรรพชา
และยังมีพระบรมธาตุเขี้ยวแก้วเบื้องขวาของ
สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ซึ่งพระอินทร์ได้จาก โทณพราหมณ์
ผู้แบ่งพระบรมธาตุ
หลังจากที่พระพุทธองค์ปรินิพพานแล้ว
พระจุฬามณีเจดีย์นี้
นับว่าเป็นปูชนียสถานสำคัญของสวรรค์ชั้นฟ้า
เทวดาทั่วหน้าและทุกชั้น
ตั้งแต่ชั้นต่ำสุดจนถึงสูงสุด
ต่างก็มากราบไหว้
นมัสการกันเป็นประจำ
แม้แต่พระอินทร์และเทพบริวารของพระองค์
ต่างก็ถือดอกไม้ของหอมมากระทำประทักษิณ
เวียนเทียน เสมอมิได้ขาด
กระทั่งพระสาวกผู้มีฤทธิ์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ยังเหาะขึ้นไปนมัสการ
พระจุฬามณีเจดีย์นี้ ณ
สวรรค์ชั้นดาวดึงส์
นอกเมืองดาวดึงส์ออกไป
ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
มีอุทยานใหญ่อีกแห่งหนึ่ง
ชื่อว่า ปุณฑริกวัน
มีกำแพงล้อมรอบทั้ง ๔ ด้าน
กลางสวนมีไม้ทองหลางใหญ่ต้นหนึ่ง
เป็นไม้ทิพย์ชื่อว่า ปาริชาต
ต้นปาริชาต นี้
จะมีดอกบานครั้งหนึ่ง
ต่อเมื่อครบหนึ่งร้อยปี พูดง่าย
ๆ ว่าร้อยปี
จะดอกบานครั้งหนึ่งและขณะที่ดอกปาริชาตนี้บาน
จะมีรัศมีเรืองไปไกลถึงแปดแสนวา
และเมื่อลมพัดไปทางทิศใดย่อมมีกลิ่นหอมฟุ้งไปทิศนั้นไกลแสนไกล
กลิ่นหอมนั้นจะตลบอบอวลอยู่ทั่วบริเวณสวรรค์ชั้นนี้นานเท่านาน
กล่าวกันว่า
ยามที่ดอกปาริชาตนี้บาน
จะมีเหล่าเทพบุตรเทพธิดา
มาเล่นสนุกสนานใต้ต้นปาริชาตนี้เป็นจำนวนมากและกลิ่นปาริชาต
ที่โชยโรยรินมาต้องเทพบุตรเทพธิดาองค์ใด
จะช่วยทำให้เทพบุตรเทพธิดาองค์นั้น
ระลึกชาติได้อย่างอัศจรรย์
และหากเทพบุตรเทพธิดาองค์ใด
ต้องการดอกปาริชาตมาทัดหูบ้าง
เพียงแต่เข้าไปภายใต้ต้นและยื่นมือออกไป
ดอกปาริชาตก็จะลงมาถึงมือเอง
ราวกับรู้ใจของเขา
แต่ถ้าเขายังรับไม่ทัน
ดอกไม้ก็จะลอยอยู่บนอากาศ
อยู่มิให้ตกถึงพื้นจนกว่าจะมีเทวดาผู้ต้องการยื่นมือมารับ
ณ ใต้ร่มปาริชาตินี้เอง
มีแท่นศิลาอันหนึ่งชื่อว่า
บัณฑุกัมพลศิลาอาสน์
มีสีแดงดังดอกชบา
และอ่อนนุ่มดังฟูกทิพย์
ขณะที่พระอินทร์นั่ง
แผ่นศิลานี้จะอ่อนยุบลงและเมื่อพระองค์ลุกขึ้น
แท่นศิลาก็จะคืนเต็มตามเดิม
แท่นบัณฑุกัมพลศิลาอาสน์
เป็นแท่นที่มีชื่อเสียงชาวโลกรู้จักกันดี
เพราะเวลามีเหตุเดือดร้อนในเมืองมนุษย์
แท่นนี้ขณะที่พระอินทร์นั่ง
จะไม่อ่อนยุบลงเหมือนปกติ
แต่จะแข็งกระด้างดังศิลา
หรือร้อนระอุ
ราวกับถูกเผาด้วยไฟ
เป็นเครื่องหมายว่ามีเรื่องร้ายกับผู้มีบุญใน
เมืองมนุษย์พระอินทร์ต้องลงมาช่วย
ห่างจากต้นปาริชาตไม่เท่าใดนัก
มีศาลาใหญ่หลังหนึ่งตั้งตระหง่านงดงามที่สุด
นามว่า ศาลาสุธรรมมาเทวสถาน
มีอาณาบริเวณกล้างขวางใหญ่โตมาก
พื้นศาลาทำด้วยแก้วผลึก
และประดับด้วยแก้ว ๗ ประการ
ล้อมรอบ
ด้วยกำแพงทองอันล้ำค่า
ที่ศาลาสุธรรมานี้
มีดอกไม้สวรรค์ชนิดหนึ่งชื่อว่า
อสาพตี
เป็นดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมฟุ้งจรุงใจยิ่งกว่าดอกปาริชาต
และนานหนักหนากว่าจะบานสักครั้ง
กล่าวกันว่าต้องใช้เวลาเป็นพันปี
จึงจะบานครั้งหนึ่ง
ขณะที่ใกล้จะบานเทวดาทั้งหลายจะมาเปลี่ยนเวรกันเฝ้า
รอการบานของดอกไม้สวรรค์นี้
ศาลาสุธรรมา
ใช้เป็นที่ประชุมใหญ่ชของเทวดาบนสวรรค์
ภายในพื้นศาลาอันวิจิตร
มีธรรมาสน์แก้วขนาดใหญ่หลายวาและสวยงามนักหนา
เป็นธรรมาสน์ประจำ
อยู่ที่ศาลา นอกจากนี้
มีทิพย์อาสน์ที่ประทับของพระอินทร์จอมเทพ
และที่นั่งของเทพสหายของพระอินทร์
๓๒ องค์
ต่อจากนั้นก็เป็นที่นั่งของเทพทั้งหลาย
ลดหลั่นกันไปตามฐานะ
กล่าวกันว่า ณ ศาลาสุธรรมานี้
นับเป็นที่น่ารื่นรมย์
ชวนชมกว่าแห่งอื่นในสวรรค์ชั้นฟ้าทั้งมวลจนเป็นที่พูดกันติดปากว่า
"รื่นรมย์เหมือนศาลาสุธรรมา"
ศาลาสุธรรมา
จะมีการประชุมเทวดาทุกวันธรรมสวนะ
หรือวันพระ
โดยเหล่าทวยเทพจะมาประชุมพร้อมกัน
ณ ศาลาสุธรรมา
ต่อจากนั้นจะมีพรหมองค์หนึ่ง
นามว่า พรหมกุมาร
ซึ่งเป็นผู้ทรงธรรม
เสด็จลงมาจากพรหมโลก
มาประทับบนธรรมาสน์อันวิจิตร
แสดงธรรมแก่บรรดาทวยเทพทั้งหลายเป็นประจำ
บางครั้งก็จะมีองค์เทพผู้เชี่ยวชาญในการแสดงธรรม
มาแจกแจงแทนพรหมกุมาร
หรือมิฉะนั้น
บางโอกาสจะเป็นการประชุมใหญ่
ของเทวสภา โดยพระอินทร์จอมเทพ
จะเป็นผู้นำแผ่นทองที่จารึกชื่อมนุษย์
ผู้สร้างบุญกุศล
และจะมาบังเกิดเป็นเทวดาบนสวรรค์ในแต่ละครั้ง
ซึ่งทำให้มลทวยเทพที่จารึกแซ่ซ้องสาธุการ
ต้อนรับเพื่อนใหม่กัน
อย่างเอิกเกริกและปิติยินดีเป็นที่สุดทุกครั้งไป
อายุของเทวดาชั้นดาวดึงส์
เทวดาที่มาบังเกิดบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
อันมีชื่อเสียง ภายใต้การปกครอง
ของพระอินทร์นี้
จะมีอายุเสวยทิพย์สมบัติอยู่นาถึง
๑ พันปีทิพย์ หรือ
สามล้านโกฏิปี
หากนับปีของมนุษย์ และส่วนมาก
สวรรค์ชั้นดาวดึงส์นี้
จะมีผู้มาบังเกิดมากเพราะเป็นสวรรค์ชั้นมาตรฐาน
แม้เทพบางองค์ที่ทำบุญไว้มากมายก่อนที่จะไปเกิดบนสวรรค์ชั้นสูงกว่านี้
ยังต้องมาเกิดบนชั้นดาวดึงส์ก่อนพักหนึ่ง
แล้วจึงไปอุบัติบนสวรรค์ชั้นสูงสูงต่อไป
บุญกรรมของผู้จะไปบังเกิด
ผู้ที่จะไปเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
ต้องเป็นผู้ที่มีจิตบริสุทธิ์
มีการงานสะอาดปราศจากทุจริตทั้งปวง
นิยมการบริจาคทาน
เคารพนับถือและเลี้ยงดูพ่อแม่
ตลอดจนญาติผู้ใหญ่ในตระกูล
ด้วยจิตใจเปี่ยมไปด้วยกตัญญูรู้คุณอย่างแท้จริง
มิใช่เลี้ยงดูเพื่อหวังสมบัติพัสถานที่ท่านมีอยู่
พอท่านแบ่งให้โอนให้แล้วก็เลิกเลี้ยงดูเสีย
ผู้ที่ปฏิบัติได้เช่นนี้
เมื่อสิ้นชีวิตก็จะได้ไปบังเกิดบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
อย่างแน่นอน ไม่เชื่อก็ลองดู
จะได้รู้เอง...
webmaster
songkran2000@chaiyo.com
[ กวีไทย
] [ ดอกสารภี ] [ บ้านกลอนรจนา
] [ กุหลาบเวียงพิงค์
]