สวรรค์ชั้นที่ ๔ ดุสิต... |
สวรรค์ชั้นที่ ๔
นี้
นับว่าเป็นสวรรค์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่รู้จัก
และปราถนาจะได้ไปเกิดของชาวมนุษย์อย่างเหลือเกินเพราะที่นี่
เป็นที่อยู่ของพระโพธิ์สัตว์ผู้บำเพ็ญบารมีอย่างครบถ้วน
รอการไป
ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว
อีกทั้งเป็นที่อยู่ของเทพชั้นสูง
ชั้นผู้ใหญ่
เป็นจำนวนมาก
สวรรค์ชั้นที่ ๔ นี้ นามว่า
ดุสิต
แปลว่า ที่อยู่ของเทพเจ้า
ผู้มีความยินดีแช่มชื่นเป็นนิจกาล
ตั้งอยู่เหนือสวรรค์ชั้นยามาขึ้นไปไกลมาก
ไกลจนไม่สามารถจะคำนวณนับได้ว่าเท่าไร
สวรรค์ชั้นดุสิต มีวิมาน ๓
ชนิดด้วยกัน คือ
วิมานสร้างด้วยแก้วล้วน ๆ
วิมานสร้างด้วยทองล้วน ๆ
และวิมานสร้างด้วยเงินล้วน ๆ
แต่ละวิมานเป็นปราสาทสวยงามวิจิตรตระการตามาก
สวยยิ่งกว่าปราสาทของเทวดาชั้นยามาและชั้นอื่น
ๆ ที่ผ่านมาแล้ว
ทุกวิมานมีกำแพงทำด้วยแก้ว ๗
ประการล้อมรอบ
มีสวนดอกไม้สีสวยระรื่นหอม
และสระโบกขรณีเป็นที่พักผ่อน
หย่อนใจเป็นที่รื่นเริงบันเทิงใจของเทพเจ้าเหล่าชาวสวรรค์ชั้นดุสิตนี้
อยู่มากมายหลายแห่ง
กล่าวกันว่า
รูปทรงของเทพเจ้าผู้อยู่ชั้นดุสิตนี้สวยงาม
และสง่ายิ่งกว่าเทพชั้นอื่น ๆ
ที่ผ่านมา
ทั้งมีน้ำใจบุญสุนทร์ทาน
และผู้รู้ธรรมของพระพุทธเจ้าเป็นอย่างยิ่ง
ทุกวันธรรมสวนะ
ทวยเทพทั้งหมดจะมาประชุมกัน
ฟังธรรมมิได้ขาด
และผู้แสดงธรรมก็คือ
ท้านสันดุสิตเทวาธิราช
ผู้ปกครองสวรรค์ชั้นนี้นั่นเอง
ท้าวเธอเป็นพหูสูตร
รู้ข้อธรรมของพระพุทธเจ้ามาก
หรือมิฉะนั้นบางครั้งก็อัญเชิญเทพบุตร
ผู้เป็นพระโพธิสัตว์
และเตรียมการลงไปตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต
เป็นผู้แสดงธรรมโปรดเสมอ
ทำให้เทพเจ้าชาวดุสิตทั้งหลายยินดีปรีดาเป็นอย่างยิ่ง
พระนางเจ้าสิริมหามายา
บุคคลสำคัญท่านหนึ่งที่พวกเราชาวพุทธรู้จักกันดี
ในฐานะที่เป็นพระพุทธมารดา
หรือพระมารดาของพระพุทธเจ้าของพวกเรา
ซึ่งหลักจากที่ประสูติพระสิทธิตถราชกุมารที่ลุมพินีวันได้
๗ วัน ก็เสด็จสวรรคต
ขึ้นมาบังเกิดเป็นเทพเจ้าเสวยทิพย์สมบัติอยู่
ณ สวรรค์ชั้นดุสิตแห่งนี้
จนทุกวันนี้
พระองค์เป็นเทพนารีที่มีพระสิริโฉมงดงามหาที่เปรียบมิได้
และทรงใฝ่การฟังธรรมอย่างยิ่ง
ขณะที่ พระพุทธองค์
ทรงกระทำยมกปาฏิหาริย์ทรมานเดียรถีย์นิครนถ์ผู้โอหัง
ณ
ภายใต้ไม้คัณฑามพพฤกษ์เสร็จแล้ว
ทรงระลึกถึงพระคุณของมารดา
จึงเสด็จไปยังสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
เพื่อเทศนาพระอภิธรรม ๗ คัมภีร์
โปรดสนองคุณ
และทรงประทับอยู่เหนือบัณฑุกัมพลศิลาอาสน์
ภายใต้ต้นปาริชาต
พระอินทร์ เมื่อทรงทราบดังนั้น
ได้เสด็จออกร้องประกาศแก่หมู่เทพยดาทั้งหลาย
ให้มาประชุมกัน เพื่อฟังธรรม
และพระองค์ได้เสด็จขึ้นไปยังสวรรค์ชั้นดุสิต
เพื่ออัญเชิญ
พระนางเจ้าสิริมหามายาเทพนารี
มาสดับพระธรรมเทศนาของ
พระพุทธองค์เป็นการด่วน
ครั้งแรกที่พระนางเจ้าสิริมหามายาเทพนารี
ทอดพระเนตรเห็นพระพุทธองค์
ผู้มีพระสรีระโฉมงดงามสมบูรณ์ด้วยมหาปุริสลักษณะทุกประการ
ทำให้พระองค์ทรงลืมตัวตะลึงลาน
ชมพระรูปโฉมของพระพุทธองค์เสียเป็นนาน
ด้วยคิดว่าไม่เคยเห็นผู้ใดในโลกจะมีพระสิริโฉมงดงามเช่นนี้
"ดูก่อนพระมารดา"
พระพุทธองค์ตรัสเรียกสิริมหามายาเทพนารีให้เสด็จเข้าไปใกล้
"อย่าได้มัวชมรูปโฉมอันไม่จีรังยั่งยืนอยู่เลย
เข้ามาใกล้เราดีกว่า เรามานี่
เพื่อแสดงธรรมอันเป็นสิ่งจีรังยั่งยืน
เต็มได้ด้วยแก่นสารให้ท่านฟัง"
นั่นเอง...
สิริมหามายาเทพนารีจึงรู้สึกองค์
แล้วคลานเข้าไปใกล้ที่ประทับนั่งข้างหน้า
เป็นประธานแห่งหมู่เทพยดาทั้งหลาย
และ... พระพุทธองค์โปรดประทาน
พระอภิธรรมเจ็ดคัมภีย์
ตั้งแต่ต้นจนจบ
ครั้นแรกแสดงจบ
สิริมหามายาเทพนารี
พระพุทธมารดา สำเร็จ โสดาปัตติผล
เป็นพระอริยบุคคลในพระพุทธศาสนา
จนขณะนี้... สิริมหามายาเทพนารี
ยังเสวยทิพยสมบัติอยู่บนสวรรค์ชั้นดุสิตอย่างสุขสำราญ
ด้วยบุญญาธิการที่ทรงสร้างสมไว้แต่ชาติปางก่อนนั่นเอง
พระศรีอาริยเมตไตรย์
หรือพระศรีอาริย์
เป็นบุคคลสำคัญอีกท่านหนึ่งที่จำต้องกล่าวถึง
เพราะเป็นเทพบุตรที่อยู่บนสวรรค์ชั้นดุสิตจนปัจจุบัน
และมีความสำคัญมากสำหรับมนุษย์ทุกคน
กล่าวคือ พระศรีอาริย์นี้
เป็นพระโพธิสัตว์ซึ่งจะมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าองค์สุดท้ายในภัทรกัลป์นี้
อายุของเทวดาบนสวรรค์ชั้นดุสิต
เทวดาที่เสวยทิพยสมบัติอยู่บนชั้นดุสิตนี้
มีอายุยืนยาวได้ ๔ พันปีทิพย์
หรือห้าสิบเจ็ดโกฏหกล้านปี
ในโลกมนุษย์
ผู้ที่จะได้บังเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิต
เมื่อครั้งเป็นมนุษย์
ต้องเป็นผู้มีจิตใจบริสุทธิ์ยุติธรรม
ชอบสดับตรับฟังพระธรรมเทศนา
มีปัญญาดี หรือเป็นพระโพธิสัตว์
ผู้บำเพ็ญบารมีมาเป็นอย่างสูงแล้ว
จึงจะได้มาบังเกิดบน
สวรรค์ชั้นดุสิตนี้...
webmaster
songkran2000@chaiyo.com
[ กวีไทย
] [ ดอกสารภี ] [ บ้านกลอนรจนา
] [ กุหลาบเวียงพิงค์
]