รูปแสดงการคลื่นเสียง 1 มิติ ทำให้โมเลกุลอากาศเกิดช่วงอัดช่วงยาย
เสียงเกิดจาก การสั่นของวัตถุ  พลังงานของการสั่นจะแผ่ออกไปรอบๆแหล่งกำเนิด เป็นพลังงานเสียง เช่น การสั่นของสายกีตาร์ที่เราดีด จะเกิดเสียงถ้ามีสั่นอย่างรุนแรง จะเกิดเสียงดัง และถ้ามีช่วงกว้างการสั่นเล็กน้อยจะเกิดเสียงเบาแต่ถ้ามีช่วงกว้างของการสั่นมาก ก็จะเกิดเสียงดัง การสั่นของวัตถุนั่นมีลักษณะเป็นรอบเสมอ ดังนั้นจึงมีความถี่ ซึ่งทั้งหมดนี้จะมีผลทำให้เกิดเสียงที่มีความถี่ต่างๆกัน มีความดังต่างๆกัน
การเคลื่อนที่ของเสียงผ่านตัวกลาง
เมื่อแหล่งกำเนิดเสียงสั่นจะทำให้โมเลกุลอากาศ เกิดการสั่น โมเลกุลอากาศเกิดการขจัด
( โมเลกุลอากาศ เกิดการเคลื่อนที่ เปลี่ยนตำแหน่งไป จากเดิม ) โดย โมเลกุลอากาศ
จะมีการอัดตัว และมีการขยาย ทำให้ความดันอากาศนั้น เปลี่ยนไปจากเดิม ( เพิ่มมากกว่าปกติ
และลดลงมากกว่าปกติ ) การเปลี่ยนความดันอากาศนี้สามารถเคลื่อนที่ไปข้างหน้า จนถึง
หูของ ผู้ฟังทำให้เยื่อแก้วหูของผู้ฟังสั่น กระดูกทั่ง กระดูกฆ้อน และกระดูกโคลน เกิดการสั่น
 แปรเป็นกระแสประสาทส่งไปยังสมอง
 
รูปแสดงการเกิดคลื่นเสียงจากการสั่นของสายกีต้า เพียง 1 ทิศทาง
 
เมื่อคลื่นเสียงเดินทางเข้ากระทบเยื่อแก้วหู
การเปลี่ยนความดันอากาศนี้สามารถเคลื่อนที่ไปข้างหน้าถึงหูของผู้ฟังทำให้เยื่อแก้วหูของผู้ฟังสั่น กระดูกทั่ง กระดูกฆ้อน และกระดูกโคลน เกิดการสั่น แปรเป็นกระแสประสาทส่งไปยังสมอง
หน้าที่2ไปเรื่องเสียง