รัฐบาลใจปํ้ามอบทุนเรียนต่อ
ป.ตรี-เอก
นายปองพล อดิเรกสาร รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี
(ครม.) เมื่อวันที่ 14 ต.ค. ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้สอบถามความคืบหน้าการส่งเรียงความเข้าประกวด
ของนักเรียนเพื่อขอรับทุนการศึกษา ซึ่งตนได้รายงานให้ทราบว่า ขณะนี้มีเยาวชนส่งเรียงความเข้ามาประกวดทั้งสิ้น
395,733 คน อยู่ระหว่างการพิจารณาคัดเลือก โดยนายกฯแจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า จะจัดสรรงบประมาณจำนวนหนึ่งเพื่อให้เป็นค่าเขียนเรื่องแก่นักเรียน
นักศึกษาที่ส่งเรียงความเข้ามาประกวดทุกคน เพื่อเป็นกำลังใจ แต่ยังไม่สามารถกำหนดได้ว่าจะเป็นเงินจำนวนเท่าใด
นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังเตรียมที่จะให้ทุนการศึกษาแก่นักเรียนชั้น ม.6 โดยจะคัดเลือกนักเรียนอำเภอ
และกิ่งอำเภอละ 1 คน ให้ทุนเรียนปริญญาตรี-เอก ซึ่งนักเรียนที่ได้รับการคัดเลือกสามารถ
ที่จะเลือกเรียนสถาบันทั้งภายในและต่างประเทศได้ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวอีกว่า สำหรับการคัดเลือกนักเรียนที่จะเข้ารับทุนนั้น
จะมอบให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ไปกำหนดหลักเกณฑ์การคัดเลือก
และให้แต่ละสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาคัดเลือกนักเรียนในแต่ละอำเภอ
โดยต้องพิจารณาด้วยความ รอบครอบ โปร่งใส และเป็นธรรม ส่วนงบฯที่จะนำมาใช้ พ.ต.ท.ทักษิณ
ได้แจ้งให้ที่ประชุม ครม.ได้ทราบว่าจะนำเงินจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลมาใช้
เนื่องจากขณะนี้มีรายได้จากการจำหน่ายหวยเลขท้าย 2 และ 3 ตัวเพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตาม
การให้ทุนแก่นักเรียนครั้งนี้จะไม่มีข้อผูกพันใดๆ นักเรียนเรียนจบแล้วไม่จำเป็นต้องทำงานรับราชการก็ได้
นอกจากนี้ที่ประชุมได้เห็นชอบร่างบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ด้านการศึกษาระหว่างประเทศไทยกับสหพันธรัฐรัสเซีย
พร้อมทั้งอนุมัติงบฯ 16 ล้านบาท ให้นักเรียนไทยที่ได้รับทุนของรัฐบาลรัสเซีย ไปศึกษาต่อที่สหพันธรัฐรัสเซีย
จำนวน 45 ทุน เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว ดร.สิริกร มณีรินทร์ รมช.ศึกษาธิการ กล่าวว่า
พ.ต.ท.ทักษิณแนะนำให้แบ่งความช่วยเหลือเด็กที่ส่งเรียงความเข้ามาประกวดเป็น 3 ส่วนคือ
1. กลุ่มที่จนจริงๆ และจำเป็นต้องช่วยเหลือโดยด่วน ซึ่งจะช่วยเหลือตามจำนวนทุนที่กำหนด
2. กลุ่มที่ควรช่วยเหลือโดยพิจารณาให้ตามความจำเป็น และจำนวนเงินลดหลั่นกันไป และ
3. ให้ค่าเขียนเรียงความเพื่อเป็นกำลังใจกับเด็กที่ส่งเรียงความเข้ามา ทั้งนี้
จะเลื่อนเวลาการประกาศผลเรียงความที่ได้รับทุน จากวันที่ 25 ต.ค. เป็นวันที่ 27
ต.ค.
ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ