วัยรุ่นไทยใจแตกสถิติ "ทำแท้ง" พุ่ง 30%


นางสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ รมว.สาธารณสุข เปิดเผยภายหลังเปิดการประชุมนานาชาติเอเชียแปซิฟิก ครั้งที่ 2 เรื่อง อนามัยการเจริญพันธุ์และสุขภาพทางเพศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ว่า ปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์เป็นปัญหาใหญ่ของสังคม โดยสาเหตุส่วนใหญ่มาจากการขาดความรู้ความเข้าใจ ในเรื่องระบบการเจริญพันธุ์และการใช้วิธีคุมกำเนิดที่ถูกต้อง โดยต่อปีมีสตรีทั่วโลกประมาณ 25 % มีการทำแท้งกว่า 50 ล้านครั้ง และ 40 % เป็นการทำแท้งที่ไม่ปลอดภัย ทำให้เกิดการติดเชื้อและเสียชีวิตประมาณ 1 แสนคน สำหรับประเทศไทย พบว่า แต่ละปีมีการลักลอบทำแท้งสูงมากและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จากการวิเคราะห์ข้อมูลของหญิงที่เข้ามารักษาภาวะแทรกซ้อนจากการแท้งเองและทำแท้งใน รพ.ของรัฐ ย้อนหลังในปี 2542 จำนวน 45,990 ราย พบเป็นการทำแท้ง 29 % ในกลุ่มนี้ 47 % มีอายุต่ำกว่า 24 ปี และ 30 % เป็นวัยรุ่นอายุต่ำกว่า 20 ปี อายุครรภ์เฉลี่ยขณะทำแท้งประมาณ 3 เดือน ซึ่งเป็นช่วงที่เสี่ยงอันตรายมาก โดยพบว่า 29 % มีการติดเชื้อรุนแรงในกระแสเลือด มดลูกทะลุ และมีอัตราการเสียชีวิตสูงกว่าการแท้งตามธรรมชาติถึง 11 เท่า รมว.สาธารณสุขกล่าวด้วยว่า นอกจากสตรีจะมีปัญหาในเรื่องของการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์แล้ว ยังเป็นกลุ่มที่มีรายงานการติดเชื้อเอชไอวีมากขึ้น จากสถานการณ์เอดส์ทั่วโลกปี 2545 มีผู้ติดเชื้อเอชไอวีและเป็นผู้ป่วย 42 ล้านคน ในจำนวนนี้เป็นผู้หญิง 19 ล้านคน โดยต่อวันจะมีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นวันละ 14,000 ราย มากกว่า 50 % เป็นผู้หญิงในกลุ่มอายุ 15-24 ปี จึงเป็นเรื่องที่ทุกประเทศต้องเร่งหามาตรการแก้ไขร่วมกัน ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้ร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการรณรงค์ป้องกัน ในเรื่องของการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร รวมทั้งหารือกับกระทรวงการพัฒนาสังคมฯในการช่วยเหลือผู้ตั้งครรภ์ ที่ยังไม่พร้อม แต่ต้องการตั้งครรภ์ต่อ.

ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ